การเริ่มต้นธุรกิจอาหารอาจดูน่าดึงดูดใจเพราะมีทั้งความสนุกในการทําอาหารผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ และอาจดำรงชีพได้ แต่คุณจะเปลี่ยนจากการเพ้อฝันถึงอาหารจานเด่นไปสู่การทําและเสิร์ฟให้กับลูกค้าได้อย่างไร ด้านล่างนี้เราจะสํารวจวิธีการเริ่มต้นธุรกิจอาหาร ทําการตลาด และจัดการการตั้งราคา
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- ทําไมจึงควรเริ่มต้นธุรกิจอาหาร
- การเริ่มต้นธุรกิจอาหารมีขั้นตอนทางกฎหมายอะไรบ้าง
- คุณจะเลือกตลาดเฉพาะสําหรับธุรกิจอาหารของคุณอย่างไร
- ธุรกิจอาหารของคุณต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
- คุณจะกําหนดราคาผลิตภัณฑ์หรือบริการอาหารอย่างไร
- ระบบการชำระเงินใดใข้ได้ผลที่สุดสำหรับธุรกิจอาหาร
- คุณจะทําการตลาดธุรกิจอาหารให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร
ทําไมจึงควรเริ่มต้นธุรกิจอาหาร
หลายคนตัดสินใจเปิดธุรกิจอาหารเพราะต้องการแบ่งปันความหลงใหลในการสํารวจรสชาติและพัฒนาอาหารจานใหม่กับผู้อื่น อาหารเป็นการเปลี่ยนทางสังคมและวัฒนธรรม และให้โอกาสในการสร้างสรรค์ ตัวอย่างเช่น คุณอาจสร้างสรรค์ของหวานที่ชวนให้คิดถึงอดีตตั้งแต่วัยเด็กหรือทำอาหารแพลนท์เบสสุดล้ำ ธุรกิจประเภทนี้มีความยืดหยุ่นและการสร้างธุรกิจตามวิสัยทัศน์ของคุณยังให้ความรู้สึกเติมเต็มอีกด้วย
คนส่วนใหญ่ยังพบว่าอุตสาหกรรมอาหารน่าสนใจเพราะมีวิธีเริ่มต้นจากกิจการเล็กๆ ได้หลายวิธี บางทีคุณอาจรับงานจัดเลี้ยงวันหยุดสุดสัปดาห์ในละแวกบ้านของคุณหรือเปิดแผงขายที่ตลาดเกษตรกร มีที่ว่างสําหรับแนวคิดหลายอย่าง (เช่น รถขายอาหาร กิจกรรมรับประทานอาหารแบบป๊อปอัป บริการเตรียมอาหาร) ที่ตอบสนองความต้องการของผู้คนในรูปแบบที่แตกต่าง คุณสามารถเริ่มต้นจากง่ายๆ แล้วขยายเมื่อทราบว่าลูกค้าตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์ของคุณอย่างไร
ทั้งนี้คุณยังคงต้องคิดเรื่องโครงสร้างกิจการไว้แต่เนิ่นๆ และพิจารณาว่าตัวเลือกต่างๆ (เช่น สถานที่ทําอาหาร วิธีจัดบรรจุอาหาร) ส่งผลต่อประสบการณ์ลูกค้าของคุณอย่างไร การวางแผนและการจัดการที่ชาญฉลาดจะทำให้คุณสร้างรายได้ที่มั่นคงจากธุรกิจอาหาร ตลาดอาหารทั่วโลกมีมูลค่ารายรับรวม 9.43 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2025 และคาดว่าอุตสาหกรรมจะเติบโต 6.41% ต่อปีตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2030
การเริ่มต้นธุรกิจอาหารมีขั้นตอนทางกฎหมายอะไรบ้าง
ในการเริ่มต้นธุรกิจอาหาร คุณต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่เป็นทางการซึ่งทําให้คุณ ลูกค้า และชุมชนของคุณปลอดภัย กฎระเบียบจะแตกต่างกันไปตามสถานที่ ดังนั้นโปรดตรวจสอบแนวทางในท้องถิ่นก่อน ต่อไปนี้คือข้อกําหนดกฎหมายบางประการที่คุณอาจต้องปฏิบัติตาม:
ใบอนุญาต: เกือบทุกที่ต้องใช้ใบอนุญาตด้านบริการอาหารและ ใบอนุญาตธุรกิจ ทั่วไป คุณอาจต้องมีใบอนุญาตเฉพาะหากคุณจำหน่ายแอลกอฮอล์หรือสินค้าควบคุมอื่นๆ
สุขภาพและความปลอดภัย: กฎเกี่ยวกับการจัดเก็บและเตรียมอาหารช่วยป้องกันการปนเปื้อน ซึ่งรวมถึงมาตรฐานการแช่เย็น สุขาภิบาล และการควบคุมสัตว์รบกวน แม้แต่ธุรกิจอาหารที่ประกอบการที่บ้านก็มักจะมีกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่อนุญาตให้ใช้ได้และวิธีรักษาความสะอาด
ห้องครัวเชิงพาณิชย์: คุณอาจต้องทําอาหารในครัวเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ที่ไหน มีที่อื่นหลายแห่งที่อนุญาตให้ประกอบการธุรกิจ "อาหารโฮมเมด" ได้ที่บ้าน หากคุณไม่แน่ใจ ให้สอบถามหน่วยงานท้องถิ่น หรือดูจากแหล่งข้อมูลธุรกิจของรัฐบาลทางออนไลน์
การจดทะเบียนธุรกิจ: เมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะทำเป็นธุรกิจแบบนิติบุคคล เช่น กิจการเจ้าของคนเดียวหรือบริษัทจํากัด (LLC) คุณจะต้องจดทะเบียนกับรัฐบาลระดับท้องถิ่นภูมิภาคของคุณ สิ่งนี้ช่วยปกป้องคุณจากความรับผิดส่วนบุคคลและสร้างนิติบุคคลที่เป็นที่ยอมรับ
ประกันภัย: ธุรกิจอาหารอาจมีความเสี่ยงอันตรายได้ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าอาจรายงานว่าเกิดการเจ็บป่วยจากผลิตภัณฑ์ของคุณ การประกันภัยความรับผิดทั่วไปและความรับผิดต่อผลิตภัณฑ์จะช่วยทําให้การเงินของคุณปลอดภัยมากกว่าในสถานการณ์ดงกล่าว
ขั้นตอนทางการเหล่านี้อาจจะน่าหนักใจ แต่จะง่ายขึ้นถ้าคุณทราบข้อกําหนดในท้องถิ่นล่วงหน้า หากมีเรื่องใดที่ไม่แน่ใจ ให้ปรึกษาทนายความหรือที่ปรึกษาด้านธุรกิจที่มีประสบการณ์ เป้าหมายคือการรักษาความไว้วางใจของลูกค้าโดยรักษามาตรฐานของทางการไปพร้อมๆ กัน ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาว
คุณจะเลือกตลาดเฉพาะสําหรับธุรกิจอาหารของคุณอย่างไร
ตลาดอาหารมีผู้ประกอบการมากมาย การสร้างความแตกต่างจะช่วยดึงดูดลูกค้าที่ชื่นชอบสไตล์ของคุณ ลองคิดดูว่าธุรกิจของคุณเหมาะกับตรงไหนที่สุด บางคนประสบความสําเร็จเพราะเชี่ยวชาญอาหารประเภทเดียว เช่น พิซซ่านาโปลิตันหรือมาการองหลากสีสัน ในขณะที่อีกหลายคนเน้นความชอบด้านอาหารบางอย่างหรืออาหารประเภทที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก
พิจารณาเคล็ดลับเหล่านี้ในตอนที่หาตลาดเฉพาะของคุณ:
มองหาช่องว่างในพื้นที่ที่คุณอยู่: เดินไปรอบๆ ละแวกที่คุณอยู่หรือมองหาเวทีพูดคุยในท้องถิ่นเพื่อดูว่ายังขาดอะไรอยู่ คนอยากกินไอศกรีมคราฟต์หรือเปล่า มีคนขายขนมอบมังสวิรัติแบบสร้างสรรค์บ้างหรือยัง ช่องว่างอาจช่วยชี้โอกาสที่ถูกมองข้ามให้ได้
ใข้จุดแข็งและความหลงใหลของคุณ: หากคุณมักจะทำซอสรสเผ็ดอยู่เสมอนั่นอาจทำให้คุณโดดเด่นได้ ความกระตือรือร้นที่แท้จริงมักจะทำให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่สนุกสนานยิ่งขึ้นได้
ถามลูกค้าเป้าหมายของคุณ: ถ้าคุณคิดว่าเมนูในอนาคตน่าจะดี ให้ลองรับฟังข้อเสนอแนะจากคนที่่อาจจะซื้อ โดยอาจให้ลองชิมหรือทำโพลออนไลน์เพื่อรับข้อมูลเชิงลึก
ติตามความชอบด้านอาหาร: อาหารปราศจากกลูเตน ปราศจากนม อาหารคีโต และอาหารประเภทอื่นๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าที่เป็นมา หากคุณเห็นกลุ่มเป้าหมายสําหรับอาหารประเภทเฉพาะที่น่าจะเชื่อถือได้ คุณก็จะสามารถปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการนั้นได้
การมุ่งเน้นด้านใดด้านหนึ่งไม่ใช่การล็อคคุณไว้ตลอดไป เมื่อได้เรียนรู้จากประสบการณ์ คุณจะสามารถปรับหรือขยายเมนูได้ การเริ่มต้นด้วยตัวตนที่ชัดเจนช่วยให้ลูกค้าจดจําคุณได้เมื่อเกิดความอยากรับประทาน
ธุรกิจอาหารของคุณต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
เครื่องมือที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และนําเสนออาหารของคุณได้สม่ำเสมอ ประเภทของอุปกรณ์ที่คุณใช้ขึ้นอยู่กับรูปแบบของคุณ เช่น รถขายอาหาร ร้านเบเกอรี หรือร้านอาหารขนาดเล็ก แต่จะมีเครื่องมือหลักบางอย่างที่เกือบทุกคนควรพิจารณาใช้งาน ได้แก่:
เตาอบ เตาแบบผสม หรือเตาทำอาหาร: ให้แน่ใจว่าเตาสามารถรองรับปริมาณอาหารที่คุณวางแผนจะผลิตได้
อุปกรณ์เตรียมและจัดเก็บอาหาร: คุณอาจต้องใช้ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง และโต๊ะทํางานสแตนเลสเกรดเชิงพาณิชย์เพื่อจัดเก็บวัตถุดิบให้เป็นระเบียบและทำพื้นที่ทํางานของคุณให้ถูกสุขอนามัย
อ่างและอุปกรณ์ทําความสะอาด: รักษาพื้นที่ทำงานของคุณให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และทําความสะอาดของที่หกเลอะเทอะหรือเศษขยะอย่างรวดเร็ว การมีพื้นที่ล้างทำความสะอาดที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ผู้ตรวจสอบด้านสุขอนามัยให้ความสำคัญ
เครื่องมือบรรจุภัณฑ์: ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือธุรกิจขนมขบเคี้ยวแบบบรรจุหีบห่อ ธุรกิจอาหารต้องพึ่งพาบรรจุภัณฑ์ที่คิดมาอย่างดี ภาชนะที่แข็งแรงจะช่วยรักษาความสดใหม่และนำเสนอแบรนด์ของคุณได้ คุณอาจต้องใช้เครื่องซีลสูญญากาศหรือกระดาษห่อพิเศษสําหรับสินค้าเช่น ขนมอบและอาหารจานแช่แข็ง โดยขึ้นอยู่กับประเภทอาหาร
ฮาร์ดแวร์การชำระเงิน: หากธุรกิจของคุณมีสถานที่ทางกายภาพ คุณอาจต้องใช้เครื่องอ่านบัตรแบบตั้งโต๊ะ หากคุณทำธุรกิจแบบเคลื่อนที่ อุปกรณ์พกพา เช่น เครื่องอ่านบัตร Stripe Terminalจะช่วยให้แถวสั้นและลูกค้ามีความสุขได้
ระบบบริการส่ง: หากคุณวางแผนที่จะให้บริการจัดส่งถึงบ้าน ให้ประสานงานกับบริการจัดส่งหรือจ้างพนักงานจัดส่ง การส่งอาหารในเวลาที่เหมาะสมมีความกับอาหารปรุงพร้อมทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่ต้องอาศัยความสดใหม่ หากคุณจะจัดส่งสินค้าที่บรรจุหีบห่อ ให้พิจารณาวิธีทำให้สินค้าเหล่านั้นปลอดภัยระหว่างการขนส่ง ซองหุ้มฉนวนและแพ็คน้ำแข็งช่วยไม่ให้อาหารเน่าเสียง่ายได้
คุณจะกําหนดราคาผลิตภัณฑ์หรือบริการอาหารอย่างไร
การหาว่าจะคิดเงินอย่างไรอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก แนวทางการกําหนดราคาที่ดีช่วยให้คุณมีเงินใช้จ่ายสำหรับค่าดําเนินงานในขณะที่ยังคงดึงดูดลูกค้าเป้าหมายได้ ติดตามงบประมาณของคุณเป็นระยะ และคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล การเปลี่ยนแปลงด้านห่วงโซ่อุปทาน และความต้องการใหม่ของลูกค้าที่เกิดขึ้น รูปแบบการกําหนดราคาที่ยั่งยืนที่สุดมักจะมีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับสภาวะจริง
ต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อคุณเริ่มตั้งราคา:
คำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดของคุณ: รวมค่าวัตถุดิบ ค่าเช่าครัว (ถ้ามี) ค่าแรง (รวมถึงเวลาของคุณ) และค่าใช้จ่าย เช่น ประกันภัยและค่าสาธารณูปโภค สิ่งนี้จะทําให้คุณมีตัวเลขตั้งต้นและช่วยให้คุณเห็นจำนวนเงินขั้นต่ำที่คุณต้องทำเพื่อให้อยู่รอด
นำเวลาและทักษะของคุณมาคิดรวมด้วย: หากคุณใช้เวลาหลายชั่วโมงกับการทำอาหารให้สมบูรณ์แบบ เวลาที่ใช้ไปต้องได้รับค่าตอบแทนด้วย หากคุณไม่นำมาคิดด้วยก็อาจทำให้คิดราคาต่ำเกินจริง
ศึกษาธุรกิจอื่นในตลาดของคุณ: การทราบช่วงราคาทั่วไปของธุรกิจอื่นในพื้นที่ของคุณช่วยได้ เพราะจะช่วยคุณกำหนดได้ว่าราคาไหนที่รับได้สำหรับทำเลหรือสินค้าของคุณ
บวกเพิ่มเผื่อสำหรับกำไร: ธุรกิจอาหารอาจมีต้นทุนที่ไม่คาดคิด เช่น ผลผลิตเน่าเสียเร็วกว่าที่วางแผนไว้หรือการซ่อมแซมอุปกรณ์ การกําหนดราคาตต่ำเกินไปอาจหมายถึงการขาดทุนเมื่อเกิดสิ่งไม่คาดคิดขึ้น
ทดสอบราคา: บางครั้ง คุณจะพบว่าลูกค้ายินดีจ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อให้ได้วัตถุดิบคุณภาพสูงหรือความสะดวกสบายที่ดีกว่า ให้ลองทําการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อดูว่าการปรับเปลี่ยนนั้นส่งผลต่อความพึงพอใจหรือความถี่ในการซื้อลูกค้าหรือไม่
ระบบการชำระเงินใดได้ผลที่สุดสําหรับธุรกิจอาหาร
ลูกค้าคาดหวังตัวเลือกการชำระเงินที่รวดเร็วและเชื่อถือได้เมื่อสั่งซื้ออาหารหรือของว่าง และเมื่อซื้อของอุปโภคบริโภคหรือสมัครสมาชิกบริการอาหารทางออนไลน์ ลูกค้าย่อมต้องการความมั่นใจว่ารายละเอียดบัตรของพวกเขาได้รับการจัดการอย่างปลอดภัย ระบบบันทึกการขาย (POS) มักประกอบด้วยฮาร์ดแวร์ (เช่น หน้าจอสัมผัส เครื่องอ่านบัตร) และซอฟต์แวร์ที่ติดตามคําสั่งซื้อ สินค้าคงคลัง และการชําระเงิน ร้านอาหารและรถขายอาหารหลายแห่งใช้ทั้งเครื่องบันทึกการขายและให้พนักงานเสริ์ฟใช้อุปกรณ์พกพา
หากคุณทำอีคอมเมิร์ซ ให้พิจารณาใช้แพลตฟอร์มที่ซิงก์การขายหน้าร้านและการขายออนไลน์ไว้ในที่เดียว เช่น Stripe ด้วยระบบบูรณาการของ Stripe คุณสามารถรับชำระเงินที่หน้าร้านด้วย Stripe Terminal แล้วป้อนข้อมูลเข้าไปในแดชบอร์ดเดียวกับที่คุณใช้กับคำสั่งซื้อออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะขายแยมโฮมเมดผ่านเว็บไซต์ของคุณหรือขายขนมปังทำเองในร้านป๊อปอัป คุณจะเห็นยอดขายทั้งหมดในที่เดียว การรวมศูนย์แบบนี้จะช่วยคุณประหยัดเวลาและมองเห็นรูปแบบของรายรับรายวัน Stripe รองรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย รวมถึงบัตรเครดิตและกระเป๋าเงินดิจิทัล เช่น Apple Pay และ Google Pay ซึ่งสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าที่ต้องการใช้วิธีการชำระเงินที่ตนต้องการมากขึ้น
คุณจะทําการตลาดธุรกิจอาหารให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร
การทําอาหารดีเพียงอย่างเดียวไม่ได้รับประกันความสําเร็จ ความท้าทายอยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้โดดเด่นท่ามกลางคู่แข่ง หากคุณยังใหม่กับการตลาด อย่ากังวลว่าต้องทำทุกอย่างในคราวเดียว เลือกยุทธวิธีหนึ่งหรือสองอย่างที่เหมาะกับคุณแล้วค่อยเพิ่มเติมเมื่อคุณสะดวกใจขึ้น ติดตามดูว่าวิธีไหนได้ผล เช่น หากโพสต์ Facebook สั้นๆ เกี่ยวกับอาหารพิเศษสุดสัปดาห์ของคุณทําให้มีการเข้าชมจํานวนมาก นั่นก็บอกเป็นนัยได้ว่าควรทำต่อไป
ต่อไปนี้คือวิธีที่น่าศึกษาดู:
การเล่าเรื่องผ่านโซเชียลมีเดีย: แพลตฟอร์มเช่น Instagram และ TikTok เป็นพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพสําหรับแชร์วิดีโอสั้นๆ เกี่ยวกับขั้นตอนทําอาหาร เบื้องหลังครัวของคุณ และภาพอาหารพิเศษประจําวัน ความสม่ําเสมอเป็นกุญแจสําคัญ โพสต์ภาพที่น่ารับประทานหรือเรื่องสั้นเกี่ยวกับที่มาของอาหารเป็นประจํา เนื้อหาแบบนี้ช่วยกระตุ้นให้คนเลือกคุณได้เมื่อพวกเขาหิว
ความร่วมมือกับผู้ประกอบการในท้องถิ่น: การร่วมมือกับฟาร์มในท้องถิ่นหรือเพื่อนธุรกิจขนาดเล็กสามารถเพิ่มการมองเห็นของคุณได้ หากคุณซื้อวัตถุดิบจากโครงการเกษตรกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากชุมชน ให้ระบุไว้ในเมนูของคุณ โครงการอาจโปรโมตร้านอาหารของคุณเป็นการตอบแทนได้ด้วย
กิจกรรมป๊อปอัปและการชิม: การชิมรสชาติโดยตรงเป็นการส่งเสริมการขายที่ทรงพลัง ลองตั้งแผงขายป๊อปอัปตอนค่ำที่โรงเบียร์ ร้านกาแฟ หรือสถานที่จัดงานในท้องถิ่น การให้ชิมฟรีชิ้นเล็กๆ ช่วยจุดประกายความอยากรู้อยากเห็นได้ หากคนชิมแล้วชอบเขาก็อาจซื้อขนาดเต็มได้
โปรแกรมส่งเสริมความภักดี: เสนอบัตรเจาะรูสําหรับลูกค้าที่มาอุดหนุนซ้ำ หรือทำระบบสะสมคะแนนถ้าคุณมีเว็บไซต์หรือแอป การเสนอให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ หลังจากซื้อหลายครั้งจะช่วยดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาอีก
จดหมายข่าวทางอีเมล: วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดวิธีหนึ่งในการเข้าถึงลูกค้าประจําคือการใช้อีเมล แจ้งให้ลูกค้าทราบรายการเมนูใหม่ ข้อเสนอพิเศษ หรือเรื่องราวที่มาของวัตถุดิบ ทําให้อีเมลของคุณมีสีสันและกระชับ
เว็บไซต์รีวิวและข้อเสนอแนะลูกค้า: สนับสนุนให้ลูกค้า แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาบนแพลตฟอร์มที่พวกเขาไช้บ่อย เมื่อคุณเห็นข้อเสนอแนะ ไม่ว่าจะเป็นบวกหรือไม่ก็ตาม ให้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วยความเคารพ บทสนทนาดังกล่าวจะแสดงให้ลูกค้าในอนาคตเห็นว่าคุณจริงจังกับเรื่องคุณภาพ
การแสดงตนในชุมชน: การสนับสนุนกิจกรรมในท้องถิ่นหรือบริจาครายได้เล็กน้อยให้กับองค์กรการกุศลในละแวกใกล้เคียงสามารถสร้างความนิยมและในบางกรณีก็สามารถทำให้สื่อรายงานข่าวได้ด้วย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในพื้นที่ของคุณ ซึ่งมีค่าสําหรับกิจการด้านอาหารที่วางแผนจะดำเนินธุรกิจต่อไป
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ