คู่มือการเปิดบริษัทในประเทศไทย

Atlas
Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ข้อควรรู้ก่อนเปิดบริษัท
    1. เงินทุน/ผู้ร่วมลงทุน
    2. ประเภทของบริษัทในประเทศไทย
    3. การเลือกสำนักงาน
    4. การจัดทำบัญชี
    5. การเปิดบัญชีธนาคารสำหรับธุรกิจ
    6. กฎหมายแรงงาน
    7. ที่ปรึกษาทางกฎหมาย
  3. ขั้นตอนการเปิดบริษัทในประเทศไทย
    1. จดทะเบียนภาษีบริษัท
  4. ประโยชน์จากการจดทะเบียนบริษัท
    1. ความน่าเชื่อถือ
    2. การจัดการอย่างมีระบบ
    3. สิทธิในการดำเนินธุรกิจ
    4. เครดิตในการขอสินเชื่อ
    5. การลดหย่อนภาษี
    6. ความคุ้มครองทางกฎหมาย
  5. Stripe Payments ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร

การเปิดบริษัทในประเทศไทยเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่เริ่มต้นธุรกิจใหม่ในตลาดไทย หรือต้องการขยายธุรกิจเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย การทำความเข้าใจกระบวนการต่างๆ ในการเปิดบริษัท ตั้งแต่การเลือกประเภทของบริษัท การเตรียมเอกสารสำหรับจดทะเบียนบริษัท และการจดทะเบียนภาษี ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างรากฐานที่มั่นคงและส่งเสริมให้ธุรกิจมีระบบและภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

คู่มือการเปิดบริษัทนี้จะช่วยให้ผู้ที่สนใจได้เรียนรู้ถึงข้อควรพิจารณาในการเปิดบริษัทในประเทศไทย ขั้นตอนโดยรวมในการจดทะเบียนบริษัท ประโยชน์จากการจดทะเบียนบริษัท รวมถึงโซลูชันทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ ช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตและประสบความสำเร็จท่ามกลางตลาดในปัจจุบันที่มีความท้าทายและการแข่งขันสูง

เนื้อหาหลักในบทความ

  • ข้อควรรู้ก่อนเปิดบริษัท
  • ขั้นตอนการเปิดบริษัทในประเทศไทย
  • ประโยชน์จากการจดทะเบียนบริษัท
  • Stripe Payments ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร

ข้อควรรู้ก่อนเปิดบริษัท

ก่อนจะเปิดบริษัทในประเทศไทย นอกจากกระบวนการทางกฎหมายและกฎเกณฑ์เงื่อนไขต่างๆ แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรต้องพิจารณารายละเอียดให้ดี ดังนี้

เงินทุน/ผู้ร่วมลงทุน

การมีเงินทุนและหรือผู้ร่วมลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจ โดยเงินทุนที่เพียงพอจะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่นและสามารถรักษาความคล่องตัวทางการเงินในช่วงเริ่มต้น ขณะที่ผู้ร่วมลงทุนสามารถเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ การจัดการเงินทุนเริ่มต้นและการเลือกผู้ร่วมลงทุนอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโตและประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับประเภทบริษัทที่อาจต้องมีผู้ร่วมถือหุ้นตามที่กฎหมายกำหนด

ประเภทของบริษัทในประเทศไทย

การเลือกประเภทของบริษัทที่คุณต้องการจดทะเบียนจะส่งผลต่อขั้นตอนการจดทะเบียน การบริหารจัดการ และความรับผิดชอบทางการเงิน ดังนั้นก่อนเปิดบริษัท คุณควรต้องทำความเข้าใจถึงแต่ละประเภทขององค์กรธุรกิจในประเทศไทย ดังนี้

  • ห้างหุ้นส่วนสามัญแบบจดทะเบียน: หุ้นส่วนทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและแบ่งผลกำไรอย่างเท่าเทียม มีการบันทึกข้อมูลและเงื่อนไขต่างๆ ให้เป็นที่รู้เห็นของภาครัฐ หุ้นส่วนแต่ละคนมีความรับผิดร่วมกันต่อหนี้สินและภาระผูกพันโดยไม่จำกัดตามสัดส่วนของการลงทุน

  • ห้างหุ้นส่วนจำกัด: มีหุ้นส่วน 2 ประเภท ได้แก่ หุ้นส่วนผู้จัดการและหุ้นส่วนจำกัด หุ้นส่วนผู้จัดการมีสิทธิในการตัดสินใจและการบริหารจัดการต่างๆ แต่ต้องรับผิดชอบหนี้สินแบบไม่จำกัด ส่วนหุ้นส่วนจำกัดนั้นมีความรับผิดชอบต่อหนี้สินแบบจำกัดแต่สิทธิในการตัดสินใจก็จำกัดไปด้วย

  • บริษัทจำกัด: กิจการเพื่อหากำไรร่วมกันและรับผิดชอบหนี้สินร่วมกันโดยไม่เกินจำนวนเงินที่ได้ลงทุนไป เหมาะกับกิจการที่มีการเติบโตระดับหนึ่ง มีการบริหารที่เป็นระบบและมีรายได้หรือมูลค่าสูง

  • บริษัทมหาชนจำกัด: องค์กรที่มีการเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์และร่วมเป็นหุ้นส่วนของบริษัทได้ มีการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินอย่างชัดเจนและเข้มงวด เหมาะกับธุรกิจที่มีขนาดใหญ่และมีความต้องการระดมทุนผ่านการออกหุ้น

  • องค์กรธุรกิจจัดตั้งหรือจดทะเบียนภายใต้กฎหมายเฉพาะ: มีกรอบกฎหมายที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับธุรกิจนั้นๆ เช่น ธนาคาร ประกันภัย หรือธุรกิจด้านพลังงานและเทคโนโลยี มีเป้าหมายเพื่อสร้างความโปร่งใสและมั่นคงให้กับผู้ลงทุนและผู้เกี่ยวข้อง

การเลือกสำนักงาน

การเลือกสำนักงานหรือสถานที่ประกอบการเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเปิดบริษัท โดยเฉพาะประเภทธุรกิจที่มีบริการหน้าร้านและมีการพบปะหรือประชุมบ่อย ก่อนตัดสินใจเลือกสถานที่ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • ทำเลที่ตั้ง: ทำเลที่ดีควรสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครที่ควรมีความสะดวกในการเดินทาง เช่น ตั้งอยู่ใน/ใกล้กับย่านธุรกิจหรือถนนสายหลัก มีการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า (BTS, MRT) หรือใกล้ศูนย์การค้าและสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ค่าเช่าและค่าใช้จ่าย: ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับงบประมาณของบริษัท ค่าเช่าต้องไม่สูงเกินไปจนกระทบกับกำไรของธุรกิจ หรือต่ำจนเกินไปจนกระทบภาพลักษณ์และความสะดวกสบาย ควรพิจารณาทั้งค่าเช่ารายเดือน ค่าสาธารณูปโภค ค่าบำรุงรักษา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

  • ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ: สถานที่ประกอบการสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของบริษัท ดังนั้นการเลือกทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม สถานที่ดูดีและน่าเชื่อถือจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและคู่ค้า

  • ขนาดของสำนักงาน: ควรพิจารณาจากจำนวนพนักงานและลักษณะการดำเนินงานของธุรกิจ พื้นที่สำหรับรับแขก ห้องประชุม พื้นที่พักผ่อน ส่วนกลาง ห้องเก็บของหรือสต็อกสินค้า นอกจากนี้การมีที่จอดรถสำหรับลูกค้า คู่ค้า หรือพนักงานก็เป็นปัจจัยที่ควรพิจารณา

  • การปรับขยายตัวในอนาคต: หากคุณมีแผนการขยายธุรกิจในอนาคต ก็ควรเลือกสถานที่ที่สามารถรองรับการเติบโตของบริษัทได้ เช่น มีพื้นที่สำหรับขยายสำนักงาน หรือมีพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการขยายกิจการในอนาคต

การจัดทำบัญชี

กฎหมายกำหนดให้ทุกบริษัทต้องมีการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย รายการทรัพย์สิน และหนี้สินที่เกิดขึ้นในธุรกิจ เพื่อรายงานงบการเงินประจำปีให้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกรมสรรพากร และเพื่อให้การบริหารการเงินและการทำบัญชีของธุรกิจเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ

ในกรณีที่บริษัทมีทุนจดทะเบียนสูงหรือมีการดำเนินกิจการที่ซับซ้อน อาจต้องมีที่ปรึกษาเฉพาะด้านการบัญชีเพื่อให้การดำเนินการทางบัญชีเป็นไปตามข้อกฎหมายและมาตรฐานสากล

การเปิดบัญชีธนาคารสำหรับธุรกิจ

ควรมีการเปิดบัญชีธนาคารสำหรับธุรกิจเพื่อใช้ดำเนินธุรกรรมทางการเงินโดยการจัดสรรแยกการเงินส่วนตัวและธุรกิจออกจากกันอย่างสิ้นเชิง เพื่อให้การจัดการการเงินและการทำบัญชีของธุรกิจเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

บัญชีสำหรับธุรกิจมีหลายประเภทตามแต่จุดประสงค์ของการใช้งาน เช่น บัญชีกระแสรายวันธุรกิจ บัญชีออมทรัพย์ธุรกิจ บัญชีธุรกิจสำหรับการลงทุน บัญชีการจัดการเงินสด เป็นต้น

กฎหมายแรงงาน

การเปิดบริษัทในประเทศไทยต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งรวมถึง

  • สัญญาจ้างงาน: บริษัทต้องมีการทำ[สัญญาจ้างงาน](https://image.mfa.go.th/mfa/0/9J3X2dURoS/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99(%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2)ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อระบุข้อตกลงต่างๆ เช่น เงินเดือน สิทธิประโยชน์ เวลาทำงาน วันลากิจหรือวันลาป่วย

  • ประกันสังคม: นายจ้างจะต้องชำระเงินประกันสังคมให้แก่ลูกจ้างตามที่กฎหมายกำหนด

  • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: บริษัทต้องหักภาษีจากเงินเดือนพนักงานและส่งให้กับกรมสรรพากร

  • สิทธิประโยชน์: ลูกจ้างมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย เช่น วันหยุดพักร้อน ประกันสุขภาพ และค่าล่วงเวลา เป็นต้น

ที่ปรึกษาทางกฎหมาย

การเปิดบริษัทในประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมีที่ปรึกษาทางกฎหมาย อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เช่น การวางแผนโครงสร้างบริษัทที่เหมาะสม การจัดการสัญญาและข้อพิพาท โดยเฉพาะในกรณีดังนี้

  • บริษัทขนาดใหญ่หรือกำลังเติบโต: บริษัทที่มีการขยายธุรกิจ หรือมีความซับซ้อนในการดำเนินงาน เช่น การซื้อขายหุ้น การควบรวมกิจการ หรือมีสาขาหลายแห่ง ควรมีที่ปรึกษาทางกฎหมายเพื่อให้คำแนะนำด้านภาษี สัญญาทางการค้า การจดสิทธิบัตร หรือการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

  • มีข้อกำหนดซับซ้อน: บริษัทที่มีสัญญากับคู่ค้าหลายราย หรือมีข้อตกลงกับผู้ร่วมธุรกิจในระดับที่แตกต่าง เช่น การเป็นตัวแทนจำหน่าย การร่วมทุน หรือการทำสัญญากับลูกค้ารายใหญ่ ควรมีที่ปรึกษาทางกฎหมายเพื่อให้มั่นใจว่าสัญญาต่างๆ นั้นมีความถูกต้องและไม่มีผลเสียต่อบริษัท

  • มีผู้ร่วมธุรกิจหลายราย: บริษัทที่มีสัญญากับหุ้นส่วนหลายราย หรือมีสัญญากับหุ้นส่วนธุรกิจระดับต่างๆ เช่น ผู้จัดจำหน่ายและบริษัทร่วมลงทุน หรือมีสัญญากับลูกค้ารายใหญ่ ควรขอคำปรึกษาด้านกฎหมาย เพราะจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสัญญาเหล่านั้นถูกต้องและไม่มีผลเสียต่อบริษัท

  • ทำธุรกิจกับต่างประเทศ: บริษัทที่มีการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ หรือมีการทำธุรกิจข้ามประเทศ จำเป็นต้องมีที่ปรึกษาทางกฎหมายเพื่อให้คำแนะนำในเรื่องข้อกฎหมายของทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการจัดการเรื่องภาษีและกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ

ข้อควรรู้ก่อนการเปิดบริษัทในประเทศไทยที่กล่าวมาเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น ควรมีการปรึกษาทนายความหรือนักบัญชีที่มีใบอนุญาตและความเชี่ยวชาญเพื่อคำแนะนำที่เหมาะสมกับการดำเนินงานตามแต่ละกรณี

ขั้นตอนการเปิดบริษัทในประเทศไทย

การเปิดบริษัทให้ถูกต้องตามกฎหมายไทย ควรมีการจดทะเบียนบริษัทซึ่งมีขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้

  • เลือกและจองชื่อบริษัท: ควรเลือกชื่อบริษัทที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำกับชื่อบริษัทอื่นๆ และต้องไม่เป็นชื่อที่ผิดกฎหมายหรือขัดต่อศีลธรรม โดยสามารถจองชื่อผ่านกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

  • เตรียมข้อมูลและเอกสารจัดทำหนังสือบริคณห์สนธิ:

    • ใบแจ้งผลการจองชื่อนิติบุคคลหรือชื่อของบริษัท
    • ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ รวมถึงอีเมล เว็บไซต์ และเบอร์โทรศัพท์
    • วัตถุประสงค์ของบริษัท
    • จำนวนทุนจดทะเบียน (มูลค่าหุ้น) ที่ชำระแล้ว อย่างน้อยร้อยละ 25% ของทุนจดทะเบียน
    • รายชื่อและข้อมูลของแต่ละกรรมการ ผู้ถือหุ้น และพยาน (จำนวน 2 คน) เช่น ที่อยู่ อาชีพ อายุ สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรประจำตัวอื่นๆ (กรณีชาวต่างชาติ) และจำนวนหุ้นที่ถือ
    • ชื่อและเลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพร้อมค่าตอบแทน
    • เอกสารข้อบังคับบริษัท หากต้องการระบุเงื่อนไขในการบริหารบริษัทเพิ่มเติม
  • ยื่นจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ: ยื่นจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิต่อนายทะเบียนภายในวันที่กำหนดในใบแจ้งผลการจองชื่อนิติบุคคล (ชื่อบริษัท)

  • เตรียมข้อมูลและเอกสารสำหรับการจดทะเบียนบริษัท:

    • แบบคำขอจดทะเบียนบริษัท ระบุข้อมูลเบื้องต้น เช่น ชื่อบริษัท ที่ตั้ง และวัตถุประสงค์
    • แบบรับรองการจดทะเบียนบริษัท ที่มีข้อมูลของบริษัทที่ได้ขอจดทะเบียน
    • รายการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เช่น ทุนจดทะเบียน จำนวนหุ้น และรายละเอียดทางการเงิน
    • รายละเอียดข้อมูลของกรรมการทุกคน เช่น ชื่อ ที่อยู่ และตำแหน่งในบริษัท
    • บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ที่แสดงชื่อและจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นทุกคนในบริษัท
    • หนังสือนัดประชุมตั้งบริษัท ใช้สำเนายืนยันว่ามีการนัดประชุมในการจัดตั้งบริษัทจริง ระบุข้อมูลสำคัญ เช่น วัน เวลา สถานที่ และวาระการประชุม
    • รายงานการประชุมตั้งบริษัท ระบุข้อมูลการแต่งตั้งกรรมการ นโยบาย และมติสำคัญอื่นๆ
    • แบบ สสช.1 ยืนยันว่าบริษัทได้จดทะเบียนเข้าระบบประกันสังคมเรียบร้อยแล้ว
    • สำเนาบัตรประจำตัวกรรมการ เช่น บัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทางของกรรมการทุกคน
    • แผนที่แสดงที่ตั้งสำนักงาน
    • สำเนาข้อบังคับ (ถ้ามี) ระบุกฎระเบียบในการบริหารและดำเนินงานของบริษัท เช่นโครงสร้างองค์กร สิทธิและหน้าที่ของผู้ถือหุ้น วิธีการจัดการประชุม
    • หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี) เอกสารที่มอบอำนาจอย่างถูกกฎหมายให้ผู้อื่นดำเนินการ
  • ยื่นจดทะเบียนบริษัท: ยื่นขอจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หากพิจารณาและตรวจสอบความถูกต้องแล้วว่าไม่มีข้อผิดพลาด บริษัทจะได้รับเลขทะเบียนนิติบุคคล

  • รับใบสำคัญและหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท: ดำเนินการขอรับทะเบียนบริษัทได้จากนายทะเบียนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในพื้นที่ที่อาศัยอยู่หรือสำนักงานพาณิชย์ประจำจังหวัด

  • ใบอนุญาตประกอบธุรกิจพิเศษ: การเปิดบริษัทในธุรกิจบางประเภทอาจจำเป็นต้องมีใบอนุญาตพิเศษจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการ เช่น การเปิดร้านอาหาร การทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับสุขภาพ เครื่องสำอาง หรือการนำเข้า-ส่งออกสินค้า

จดทะเบียนภาษีบริษัท

สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเมื่อมีการจดทะเบียนบริษัทเรียบร้อยแล้วคือข้อกำหนดในการเสียภาษีและการจดทะเบียนภาษีต่างๆ ซึ่งในเบื้องต้นมีข้อกำหนด ดังนี้

  • เลขประจำตัวผู้เสียภาษี
    ทุกคนที่มีรายได้ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล จำเป็นต้องขอรับเลขประจำตัวผู้เสียภาษีจากกรมสรรพากร

  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล
    บริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยจะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลที่อัตรา 20% หากเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปี (ภ.ง.ด.50) และอาจต้องยื่นภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด.51) ตามรายได้ประมาณการ

  • จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
    หากมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี บริษัทต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากนั้นต้องขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลักจากสรรพากรเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจและออกใบกำกับภาษี รวมทั้งนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ทุกเดือน

  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
    บริษัทมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายให้กรมสรรพากรจากการจ่ายเงินได้ประเภทต่างๆ เช่น เงินเดือน (ภ.ง.ด.1) ค่าจ้างทำของ (ภ.ง.ด.3) หรือค่าบริการ (ภ.ง.ด.53)

  • ภาษีธุรกิจเฉพาะ
    หากบริษัทดำเนินธุรกิจบางประเภท เช่น ธุรกิจธนาคาร อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ หรือบริษัทเช่าซื้อ ฯลฯ ก็อาจต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ

ประโยชน์จากการจดทะเบียนบริษัท

การเปิดบริษัทด้วยการดำเนินการจดทะเบียนอย่างถูกต้องในประเทศไทยนั้นเสริมสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจในทุกๆ ด้านและมีข้อดีหลายประการ เช่น

ความน่าเชื่อถือ

การจดทะเบียนบริษัทช่วยเสริมความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณเนื่องจากสามารถตรวจสอบข้อมูลธุรกิจได้ ทำให้ลูกค้า คู่ค้า และผู้ร่วมลงทุนรู้สึกมั่นใจ

การจัดการอย่างมีระบบ

การเปิดบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมายช่วยให้ธุรกิจมีการจัดการที่เป็นระบบมากขึ้น ทั้งในเรื่องการเงิน การจัดทำบัญชี และการบริหารจัดการบุคลากร ซึ่งช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีระเบียบและโปร่งใส

สิทธิในการดำเนินธุรกิจ

การจดทะเบียนบริษัททำให้ธุรกิจของคุณสามารถดำเนินกิจการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการเปิดบัญชีธนาคาร การลงทะเบียนภาษี หรือการขอใบอนุญาตต่างๆ

เครดิตในการขอสินเชื่อ

ช่วยให้การสมัครขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินเป็นไปได้ง่ายขึ้นเนื่องจากมีสถานะทางการเงินและกฎหมายที่ชัดเจน ซึ่งช่วยเสริมความน่าเชื่อถือและเครดิตของธุรกิจในกรณีที่ต้องการขยายธุรกิจหรือแก้ไขปัญหาทางการเงิน

การลดหย่อนภาษี

เจ้าของธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี เช่น บริษัทจำกัดมีโอกาสเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าบุคคลธรรมดา การหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ หรือความสามารถในการขอคืนภาษีในกรณีที่มีการชำระภาษีเกินจำนวน

ความคุ้มครองทางกฎหมาย

เมื่อมีการจดทะเบียนบริษัท กฎหมายไทยจะให้การคุ้มครองในด้านทรัพย์สิน เช่น ขอบเขตความรับผิดชอบที่จำกัด ลดความเสี่ยงทางกฎหมายหากเกิดข้อพิพาท และสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา อย่าง สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า หรือความลับทางการค้า

Stripe Payments ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร

Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจใดๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลกรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้

Stripe Payments สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ให้แล้ว, สิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe
  • ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศในมากกว่า 135 สกุลเงิน
  • รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายรับ
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและฟังก์ชันขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
  • เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการที่แทบจะไม่หยุดทำงานเลย และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของวงการ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมว่า Stripe Payments ช่วยให้คุณสามารถรับการชำระเงินออนไลน์และการชำระเงินที่จุดขายได้อย่างไร หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

บทความอื่นๆ

  • เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง โปรดลองอีกครั้งหรือติดต่อฝ่ายสนับสนุน

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Atlas

Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

Stripe Docs เกี่ยวกับ Atlas

ก่อตั้งบริษัทในสหรัฐอเมริกาได้จากทุกที่ทั่วโลกโดยใช้ Stripe Atlas