ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล: วิธีการทำงานและสิ่งที่ธุรกิจต้องรู้

Radar
Radar

ต้านการฉ้อโกงด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังของเครือข่าย Stripe

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ทำไมธุรกิจจึงต้องใช้การตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล
  3. วิธีการทำงานของการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล
  4. ประโยชน์ของการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลสำหรับผู้ให้สินเชื่อและผู้กู้ยืม
  5. คำแนะนำแบบทีละขั้นตอนในการนำการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลไปใช้
  6. ความท้าทายในการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล
    1. ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการรักษาความปลอดภัย
    2. ความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ
    3. ความครอบคลุมและการไม่แบ่งแยก
    4. ประสบการณ์ของผู้ใช้
    5. ต้นทุนและความเร็ว
    6. การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
  7. ความปลอดภัยของข้อมูลในการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล
    1. ความไว้วางใจของผู้ใช้
    2. การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ
    3. ความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูล
    4. ความสามารถในการขยายและความยืดหยุ่น
  8. แนวโน้มเทคโนโลยีการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล
    1. การเปลี่ยนจากการตรวจสอบยืนยันด้วยตนเองมาเป็นระบบอัตโนมัติ
    2. การขยายแหล่งข้อมูล
    3. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML)
    4. เทคโนโลยีบล็อกเชน
    5. โซลูชันที่ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์เคลื่อน
    6. ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการรักษาความปลอดภัย
    7. Open Banking และการผสาน API
    8. การใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์
    9. ข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับเศรษฐกิจแบบตลาดแรงงานเสรี

การตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลคือการที่ธุรกิจใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อตรวจสอบยืนยันรายได้ของบุคคล โดยทั่วไปธุรกิจจะเข้าถึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น ธนาคาร บริการบัญชีเงินเดือน และสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อยืนยันระดับรายได้ของบุคคลนั้นๆ

การตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลมักจะรวดเร็วและแม่นยำกว่าวิธีการแบบเดิม ซึ่งอาจต้องยื่นเอกสารและตรวจสอบด้วยตนเอง การตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลสามารถลดข้อผิดพลาดของมนุษย์และเร่งธุรกรรมที่ต้องมีการตรวจสอบยืนยันรายได้ เช่น การขอสินเชื่อ สัญญาเช่า หรือโครงการช่วยเหลือจากรัฐบาล ในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว มีผู้สมัครสินเชื่อบ้านมากกว่า 14 ล้านรายในปี 2022 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการกระบวนการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ

การเข้าถึงข้อมูลทางการเงินผ่านการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลช่วยลดการจัดการเอกสารส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยได้ โดยเราจะอธิบายสิ่งที่คุณควรทราบเกี่ยวกับการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล ซึ่งประกอบด้วยวิธีการทำงาน ประโยชน์ที่จะได้รับ ความท้าทายหลัก และแนวโน้มในอนาคต

เนื้อหาหลักในบทความ

  • ทำไมธุรกิจจึงต้องใช้การตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล
  • วิธีการทำงานของการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล
  • ประโยชน์ของการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลสำหรับผู้ให้สินเชื่อและผู้กู้ยืม
  • คำแนะนำแบบทีละขั้นตอนในการนำการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลไปใช้
  • ความท้าทายในการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล
  • ความปลอดภัยของข้อมูลในการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล
  • แนวโน้มเทคโนโลยีการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล

ทำไมธุรกิจจึงต้องใช้การตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล

ธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ พึ่งพาการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลมากขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการดังต่อไปนี้

  • การตัดสินใจที่รวดเร็วขึ้น: การตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลช่วยลดการรวบรวมและการตรวจสอบเอกสารด้วยตนเอง เช่น ใบรับเงินหรือรายการเดินบัญชีธนาคาร ซึ่งระบบอัตโนมัตินี้สามารถเร่งการตัดสินใจเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ เช่น การอนุมัติสินเชื่อ การยอมรับผู้เช่า การจ้างพนักงาน และอื่นๆ อีกมากมาย

  • ต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง การปรับขั้นตอนการตรวจสอบยืนยันให้เป็นระบบอัตโนมัติจะช่วยให้ธุรกิจประหยัดต้นทุนแรงงานที่เกี่ยวข้องกับการป้อนข้อมูลด้วยตนเองและการจัดการเอกสาร

  • ประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้น: ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจมากขึ้นด้วยการตรวจสอบยืนยันที่รวดเร็วขึ้น

  • ข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้น การตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลจะดึงข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้โดยตรง เช่น ผู้ให้บริการบัญชีเงินเดือนและสถาบันการเงิน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่เอกสารจะถูกแก้ไข

  • ฟีเจอร์การตรวจสอบยืนยันตัวตน: บริการตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลจำนวนมากยังรวมมาตรการตรวจสอบยืนยันตัวตนด้วย ซึ่งเพิ่มการป้องกันการฉ้อโกงขึ้นไปอีกขั้น

  • การปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ง่ายขึ้น: การตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแนวทางปฏิบัติ Know Your Customer (KYC) และ Anti-Money Laundering (AML)

  • การเข้าถึงกลุ่มประชากรที่ไม่ได้รับโอกาส: การตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้แหล่งข้อมูลทางเลือก เช่น รายได้จากการรับงานเป็นรายครั้งหรือประวัติธุรกรรมธนาคาร เพื่อประเมินเครดิตได้ การเข้าถึงข้อมูลนี้ช่วยให้บริษัทสามารถเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินแก่กลุ่มประชากรที่ไม่ได้รับโอกาสที่มีประวัติเครดิตเพียงเล็กน้อย

  • ชื่อเสียงธุรกิจ: ธุรกิจที่ใช้การตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมและรักษาความสามารถในการแข่งขัน

  • ความไว้วางใจของลูกค้า: ขั้นตอนที่ง่ายและปลอดภัยจะสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของคุณเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าคู่แข่ง

วิธีการทำงานของการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล

การตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลมักจะประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้

  • ความยินยอม: บุคคลที่ขอการตรวจสอบยืนยัน (เช่น ผู้ขอสินเชื่อ ผู้เช่า) จะยินยอมให้เข้าถึงและตรวจสอบยืนยันข้อมูลรายได้ของตน

  • การอนุมัติ: สถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการบัญชีเงินเดือนอาจกำหนดให้บุคคลต้องอนุมัติให้บริการตรวจสอบยืนยันเชื่อมต่อกับข้อมูลของตน

  • การเก็บข้อมูล: บริการตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลจะเชื่อมต่อกับสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการบัญชีเงินเดือน หรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของแต่ละบุคคล โดยจะดึงข้อมูลต่างๆ อย่างรายได้ (เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส) สถานะการจ้างงาน และระยะเวลาการจ้างงาน นอกจากนี้ บริการดังกล่าวอาจเก็บข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ เช่น แพลตฟอร์มเศรษฐกิจแบบตลาดแรงงานเสรี (Gig Economy) หรือประวัติการทำธุรกรรมของธนาคาร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริการนั้นๆ โดยข้อมูลสามารถเก็บรวบรวมได้หลายวิธีดังต่อไปนี้

    • สิทธิ์เข้าถึงโดยตรง: บางบริการกำหนดให้บุคคลต้องให้สิทธิ์เข้าถึงบัญชีการเงินของตนผ่านอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) ที่ปลอดภัย
    • การอัปโหลดเอกสาร: บุคคลอาจต้องอัปโหลดสำเนาใบรับเงินหรือรายการเดินบัญชีธนาคารแบบดิจิทัล ซึ่งจะได้รับการตรวจสอบยืนยันโดยใช้เทคโนโลยีการรู้จำอักขระด้วยแสง (OCR)
    • การเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการบัญชีเงินเดือน: บริการบางอย่างเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการบัญชีเงินเดือนโดยตรง เพื่อขอรับข้อมูลรายได้ที่ตรวจสอบยืนยันแล้ว
  • การตรวจสอบยืนยันและการวิเคราะห์ข้อมูล: บริการตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลจะเปรียบเทียบข้อมูลที่เก็บรวบรวมกับข้อมูลที่บุคคลมอบให้ และตรวจสอบความถูกต้องและความสอดคล้องกันของข้อมูลดังกล่าว จากนั้นบริการอาจใช้อัลกอริทึมและโมเดลแมชชีนเลิร์นนิงในการวิเคราะห์ข้อมูลและระบุความไม่สอดคล้องกันหรือข้อมูลที่น่ากังวล บางบริการยังใช้มาตรการตรวจสอบยืนยันตัวตนเพื่อยืนยันว่าข้อมูลนั้นเป็นของบุคคลที่ถูกต้อง

  • การสร้างรายงาน: บริการตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลจะสร้างรายงานที่ครอบคลุม ซึ่งสรุปรายได้และรายละเอียดการจ้างงานที่ตรวจสอบยืนยันแล้วของแต่ละบุคคล โดยรายงานอาจประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆ เช่น ประวัติรายได้ การตรวจสอบยืนยันการจ้างงาน และตัวบ่งชี้ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

  • การส่งมอบและการตัดสินใจ บริการตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลจะส่งรายงานไปให้ผู้ที่ร้องขอ (เช่น ผู้ให้สินเชื่อ เจ้าของบ้าน และนายจ้าง) ผู้รับจะใช้ข้อมูลที่ตรวจสอบยืนยันแล้วเพื่อตัดสินใจอย่างมีข้อมูลเกี่ยวกับการอนุมัติสินเชื่อ สัญญาเช่า ข้อเสนอการจ้างงาน และอื่นๆ อีกมากมาย

ประโยชน์ของการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลสำหรับผู้ให้สินเชื่อและผู้กู้ยืม

การตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลมีประโยชน์หลายประการสำหรับผู้ให้สินเชื่อและผู้กู้ยืม ซึ่งสามารถสร้างสภาพแวดล้อมทางการเงินที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากขึ้น ต่อไปนี้คือประโยชน์หลักของการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลสำหรับกลุ่มเหล่านี้

  • กระบวนการอนุมัติสินเชื่อที่รวดเร็วยิ่งขึ้น: การตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลช่วยเร่งกระบวนการอนุมัติสินเชื่อด้วยการลดการเก็บรวบรวมและการตรวจสอบยืนยันเอกสารด้วยตนเอง จึงทำให้ผู้ให้สินเชื่อสามารถเบิกจ่ายเงินทุนได้เร็วขึ้น โดยกระบวนการอนุมัติที่เคยใช้เวลาหลายวัน ตอนนี้สามารถทำได้ภายในไม่กี่นาที

  • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำลง: ระบบอัตโนมัติช่วยลดภาระงานที่ต้องทำด้วยตัวเอง ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเอกสารและการป้อนข้อมูล

  • การประเมินความเสี่ยงที่ดีขึ้น ข้อมูลรายได้ที่แม่นยำโดยตรงจากสถาบันที่เชื่อถือได้ช่วยให้ผู้ให้สินเชื่อประเมินเครดิตของผู้กู้ยืมและความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งทำให้ตัดสินใจเกี่ยวกับการให้สินเชื่อได้ดีขึ้น

  • การลดการฉ้อโกง: การตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลจะรวมมาตรการยืนยันตัวตนและสามารถระบุเอกสารปลอมได้ง่ายขึ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการฉ้อโกงสินเชื่อ

  • ประสบการณ์ของลูกค้า: การตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลทำให้ขั้นตอนการสมัครสะดวกและเข้าถึงได้มากขึ้นโดยลดภาระในการรวบรวมและส่งเอกสารฉบับจริงด้วยตัวเอง

  • ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน การนำเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมอย่างการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลมาใช้ช่วยให้ผู้ให้สินเชื่อสร้างความแตกต่างในตลาดและดึงดูดผู้กู้ยืมที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีได้

  • การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ: การตรวจสอบยืนยันทางดิจิทัลช่วยให้ผู้ให้สินเชื่อสามารถปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ Know Your Customer (KYC) และ Anti-Money Laundering (AML) ซึ่งช่วยหลีกเลี่ยงบทลงโทษกรณีไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ

  • ความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัย: การตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลช่วยลดความเสี่ยงของการละเมิดข้อมูลหรือการโจรกรรมตัวตนด้วยการตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการจัดการข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนอย่างปลอดภัย

  • ความโปร่งใส: ผู้กู้ยืมมีข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับขั้นตอนการตรวจสอบยืนยัน เนื่องจากการตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าข้อมูลของตนจะถูกใช้และแบ่งปันอย่างไร

  • การเข้าถึงทางการเงิน: การตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลสามารถใช้แหล่งข้อมูลทางเลือก ซึ่งช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงเครดิตสำหรับบุคคลที่มีประวัติเครดิตเพียงเล็กน้อยหรือมีแหล่งที่มาของรายได้ที่ไม่ใช่แบบเดิม

คำแนะนำแบบทีละขั้นตอนในการนำการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลไปใช้

การผสานการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลเข้ากับการดำเนินธุรกิจของคุณเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยการวางแผนและดำเนินการอย่างรอบคอบ ต่อไปนี้คือคำแนะนำแบบทีละขั้นตอน

  • ระบุความต้องการทางธุรกิจ: พิจารณาว่าธุรกิจของคุณจะใช้การตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลอย่างไร เช่น นำไปใช้เพื่อช่วยในการอนุมัติสินเชื่อ การยื่นขอเช่า หรือการตรวจสอบยืนยันรายได้ของพนักงาน

  • ประเมินผู้ให้บริการ: ศึกษาผู้ให้บริการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลแบบแต่ละราย และประเมินความน่าเชื่อถือ ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัย ฟังก์ชันการผสานการทำงาน และการบริการลูกค้า เลือกผู้ให้บริการที่ตรงตามข้อกำหนดเฉพาะของคุณและมีมาตรการรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวด

  • ประเมินข้อกำหนดของการผสานการทำงาน: ทำงานร่วมกับทีมไอทีของคุณเพื่อระบุข้อกำหนดทางเทคนิคสำหรับการผสานการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลเข้ากับระบบที่มีอยู่ เช่น การจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) หรือซอฟต์แวร์ประมวลผลสินเชื่อ

  • ออกแบบขั้นตอนการสมัครใหม่ วางแผนวิธีการออกแบบขั้นตอนการสมัครใหม่เพื่อรวมการตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัล

  • ดูแลการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ: ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อให้แน่ใจว่าขั้นตอนการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลของคุณเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูล เช่น กฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ของสหภาพยุโรปหรือกฎหมายว่าด้วยความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (CCPA) พัฒนาขั้นตอนการขอความยินยอมจากบุคคลในการเข้าถึงข้อมูลรายได้เพื่อการตรวจสอบยืนยัน

  • นำเทคโนโลยีการตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลมาใช้: ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการที่เลือกเพื่อนำเครื่องมือการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลมาใช้ ขั้นตอนนี้ประกอบด้วยการติดตั้งซอฟต์แวร์ การกำหนดค่า และการผสานการทำงานกับระบบที่มีอยู่

  • ตรวจสอบโปรโตคอลความปลอดภัย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวิธีการส่งข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดได้รับการปกป้องด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัส

  • ฝึกอบรมพนักงาน: จัดการฝึกอบรมให้กับพนักงานที่จะปฏิบัติงานหรือโต้ตอบกับระบบใหม่

  • สร้างการสนับสนุนภายใน สร้างการสนับสนุนภายในสำหรับคำถามหรือปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบใหม่

  • ทำการทดสอบนำร่อง: ทำการทดสอบนำร่องกับผู้ใช้กลุ่มเล็กๆ เพื่อดูว่าการผสานการทำงานเป็นอย่างไรในทางปฏิบัติ รวมทั้งรวบรวมความคิดเห็นจากทั้งพนักงานและผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนำร่องเพื่อทำการปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น

  • ดำเนินการตามโปรแกรมเต็มรูปแบบ: เมื่อทำการทดสอบนำร่องสำเร็จและดำเนินการปรับเปลี่ยนแล้ว ให้นำการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลไปใช้อย่างเต็มรูปแบบในทุกๆ ขั้นตอนการดำเนินงาน ตรวจสอบประสิทธิภาพและความถูกต้องของระบบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้ข้อมูลและความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงขั้นตอนการตรวจสอบยืนยัน

ความท้าทายในการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล

การนำการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลมาใช้อาจก่อให้เกิดปัญหาหลายประการซึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและต้องมีแนวทางแก้ไขเชิงรุก

ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการรักษาความปลอดภัย

ข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนต้องได้รับการจัดการและจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัย การละเมิดข้อมูลหรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจทำให้เกิดการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวและการฉ้อโกงทางการเงินได้

  • โซลูชัน: เลือกผู้ให้บริการตรวจสอบยืนยันที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด รวมถึงการเข้ารหัส การควบคุมการเข้าถึง และการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการคุ้มครองข้อมูล เช่น GDPR หรือ CCPA ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยและการประเมินช่องโหว่เป็นประจำ

ความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ

ข้อมูลรายได้ที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นปัจจุบันอาจทำให้การตัดสินใจปล่อยสินเชื่อผิดพลาดหรือการปฏิเสธที่ไม่เป็นธรรม

  • โซลูชัน: เป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการตรวจสอบยืนยันที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินและผู้ให้บริการบัญชีเงินเดือนที่เชื่อถือได้ ใช้แหล่งข้อมูลหลายแหล่งสำหรับการตรวจสอบยืนยันข้ามแหล่งข้อมูลและใช้อัลกอริทึมเพื่อตรวจจับความไม่สอดคล้องกัน

ความครอบคลุมและการไม่แบ่งแยก

บุคคลที่มีแหล่งที่มาของรายได้ที่ไม่ใช่แบบเดิม (เช่น ผู้รับงานเป็นรายครั้ง ผู้ทำงานอิสระ) หรือมีประวัติเครดิตเพียงเล็กน้อยอาจประสบปัญหาในการตรวจสอบยืนยันรายได้ด้วยวิธีแบบเดิม

  • โซลูชัน: สำรวจผู้ให้บริการตรวจสอบยืนยันที่ใช้แหล่งข้อมูลทางเลือก เช่น ประวัติธุรกรรมธนาคาร แบบแสดงรายการภาษี หรือรายได้จากแพลตฟอร์มการรับงานเป็นรายครั้ง ลองพิจารณาใช้ตัวเลือกการตรวจสอบยืนยันด้วยตนเองสำหรับกรณีที่ซับซ้อนควบคู่กัน

ประสบการณ์ของผู้ใช้

ผู้ใช้อาจรู้สึกหงุดหงิดและละทิ้งการตรวจสอบยืนยันหากขั้นตอนนี้ยุ่งยาก

  • โซลูชัน: เลือกแพลตฟอร์มการตรวจสอบยืนยันที่ใช้งานง่ายซึ่งมีอินเทอร์เฟซที่ไม่ซับซ้อนและคำแนะนำที่ชัดเจน ลดจำนวนขั้นตอนการตรวจสอบยืนยันที่จำเป็น และเสนอตัวเลือกการตรวจสอบสิทธิ์ที่หลากหลาย (เช่น การตรวจสอบสิทธิ์ตามความรู้ รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว)

ต้นทุนและความเร็ว

การตรวจสอบยืนยันแบบดิจิทัลอาจมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือผู้ให้สินเชื่อที่มีทรัพยากรจำกัด นอกจากนี้ กระบวนการแทรกแซงด้วยตนเองก็อาจใช้เวลานานและมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาด

  • โซลูชัน: เลือกผู้ให้บริการตรวจสอบยืนยันที่มีโมเดลค่าบริการที่ยืดหยุ่นตามปริมาณการใช้งานหรือธุรกรรม ทำให้ขั้นตอนเป็นอัตโนมัติมากที่สุดเพื่อลดการแทรกแซงด้วยตัวเอง

การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ

การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เช่น KYC และ AML อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องใช้ทรัพยากรมาก

  • โซลูชัน: เป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการตรวจสอบยืนยันที่มีความเชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและมีฟีเจอร์การปฏิบัติตามข้อกำหนดในตัว คอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของระเบียบข้อบังคับและอัปเดตขั้นตอนการตรวจสอบยืนยันให้เหมาะสม

ความปลอดภัยของข้อมูลในการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล

รายได้ดิจิทัลมีรายละเอียดส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับบุคคล ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงทางการเงิน การโจรกรรมตัวตน และการละเมิดความเป็นส่วนตัวจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ธุรกิจที่ดำเนินการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลสามารถป้องกันปัญหานี้ได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

  • __ การเข้ารหัส:__ เข้ารหัสข้อมูลทั้งระหว่างส่งและขณะจัดเก็บ เพื่อไม่ให้อ่านได้แม้จะถูกดักจับ

  • การควบคุมการเข้าถึง: ใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดที่ให้เฉพาะบุคลากรที่ได้รับอนุญาตเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนตามบทบาทและความจำเป็นเท่านั้น

  • ตรวจจับความผิดปกติ: นำระบบมาใช้เพื่อตรวจจับรูปแบบการเข้าถึงที่ผิดปกติหรือความคลาดเคลื่อนในข้อมูลที่อาจบ่งชี้ถึงกิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกง

  • การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย (MFA): ใช้ MFA เพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตนของผู้ใช้ที่เข้าถึงระบบ

นอกเหนือจากการปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ความปลอดภัยของข้อมูลยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ดำเนินการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลในรูปแบบต่อไปนี้

ความไว้วางใจของผู้ใช้

ผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะไว้วางใจและมีส่วนร่วมกับขั้นตอนการตรวจสอบยืนยันเมื่อพวกเขาเชื่อว่าข้อมูลของตนปลอดภัย นี่คือวิธีที่ธุรกิจสามารถเพิ่มความไว้วางใจของผู้ใช้ได้

  • ความโปร่งใส: แจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าจะมีการรวบรวมข้อมูลอะไร รวมถึงจะใช้และปกป้องข้อมูลดังกล่าวอย่างไร

  • การจัดการคำยินยอม: ให้ผู้ใช้ควบคุมข้อมูลของตนผ่านกลไกการยินยอมที่ชัดเจน ซึ่งช่วยให้พวกเขาเข้าใจและยอมรับข้อกำหนดการใช้งานข้อมูล

การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ

ระเบียบข้อบังคับจำนวนมากกำกับดูแลการจัดการข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน ซึ่งรวมถึง GDPR, CCPA และกฎหมายว่าด้วยการเคลื่อนย้ายและความรับผิดชอบในการประกันสุขภาพ (HIPAA) ของสหรัฐอเมริกา โดยขึ้นอยู่กับเขตอำนาจศาล ต่อไปนี้คือวิธีที่ธุรกิจสามารถจัดการข้อกำหนดในการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ

  • การตรวจสอบเป็นประจำ: ทำการตรวจสอบเป็นประจำเพื่อให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูล

  • เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล: จ้างหรือแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลเพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติตามข้อกำหนดและการจัดการกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยของข้อมูล

ความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูล

ข้อมูลที่ใช้ในการตรวจสอบยืนยันจะต้องถูกต้องสมบูรณ์ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้บริษัทต่างๆ สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล ต่อไปนี้คือวิธีปกป้องความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูล

  • โปรโตคอลการตรวจสอบยืนยันความถูกต้องของข้อมูล: สร้างโปรโตคอลเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลเป็นประจำ

  • ระบบสำรองข้อมูล: ใช้ระบบสำรองข้อมูลซ้ำซ้อนเพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลและทำให้มั่นใจว่าข้อมูลจะพร้อมใช้งานแม้ในกรณีที่ระบบล้มเหลว

ความสามารถในการขยายและความยืดหยุ่น

เมื่อธุรกิจเติบโต ธุรกิจก็จะต้องขยายมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลให้สอดคล้องกันเพื่อรองรับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นและความซับซ้อนในการตรวจสอบยืนยัน นอกจากนี้ ธุรกิจยังควรใช้โซลูชันการรักษาความปลอดภัยที่สามารถอัปเดตทุกระบบด้วยแพตช์รักษาความปลอดภัยล่าสุดเพื่อป้องกันช่องโหว่ใหม่ๆ

แนวโน้มเทคโนโลยีการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัล

เทคโนโลยีการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงผลักดันจากความต้องการวิธีการตรวจสอบยืนยันข้อมูลทางการเงินที่รวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัยยิ่งขึ้น ต่อไปนี้คือแนวโน้มสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของวงการนี้

การเปลี่ยนจากการตรวจสอบยืนยันด้วยตนเองมาเป็นระบบอัตโนมัติ

การตรวจสอบยืนยันรายได้แบบเดิมต้องอาศัยการเก็บรวบรวมและการตรวจสอบเอกสารด้วยตนเอง เช่น ใบรับเงินหรือรายการเดินบัญชีธนาคาร การตรวจสอบยืนยันสมัยใหม่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อทำให้การดำเนินงานเป็นไปโดยอัตโนมัติด้วยการเชื่อมโยงกับผู้ให้บริการบัญชีเงินเดือน สถาบันการเงิน และแหล่งข้อมูลอื่นๆ โดยตรงเพื่อการตรวจสอบยืนยันแบบเรียลไทม์ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ขั้นตอนการตรวจสอบยืนยันมีความรวดเร็วแม่นยำมากขึ้น และมีความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงน้อยลง

การขยายแหล่งข้อมูล

บริการตรวจสอบยืนยันรายได้ไม่จำกัดแหล่งข้อมูลอยู่แค่เพียงรายได้แบบดั้งเดิมอีกต่อไป ปัจจุบันแหล่งข้อมูลอาจมีข้อมูลทางเลือก เช่น รายได้จากการรับงานเป็นรายครั้ง ประวัติธุรกรรมธนาคาร แบบแสดงรายการภาษี และกิจกรรมโซเชียลมีเดีย แนวทางที่ครอบคลุมมากขึ้นนี้ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถประเมินเครดิตของบุคคลที่มีรายได้หลายทางและมีประวัติเครดิตเพียงเล็กน้อย ซึ่งส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML)

ธุรกิจต่างๆ ใช้อัลกอริทึม AI และ ML เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินจำนวนมาก ระบุรูปแบบ และตรวจจับความผิดปกติที่อาจบ่งชี้ถึงการฉ้อโกงหรือการบิดเบือนข้อมูล เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ให้สินเชื่อและองค์กรอื่นๆ ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้นเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือทางเครดิตและการลดความเสี่ยง

เทคโนโลยีบล็อกเชน

ลักษณะการกระจายศูนย์และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ของบล็อกเชนช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถจัดเก็บและตรวจสอบยืนยันข้อมูลรายได้อย่างปลอดภัยและโปร่งใส แม้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่บล็อกเชนสามารถพลิกโฉมการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลได้ด้วยการสร้างบันทึกประวัติทางการเงินที่ป้องกันการปลอมแปลง ซึ่งเข้าถึงได้เฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาต

โซลูชันที่ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์เคลื่อน

ด้วยการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โซลูชันการตรวจสอบยืนยันรายได้ที่ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์เคลื่อนที่จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โซลูชันเหล่านี้ช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถแบ่งปันข้อมูลรายได้และดำเนินขั้นตอนการตรวจสอบยืนยันได้อย่างง่ายดายบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของตน

ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการรักษาความปลอดภัย

เนื่องจากการละเมิดข้อมูลและการละเมิดความเป็นส่วนตัวเกิดบ่อยมากขึ้น การปรับปรุงความปลอดภัยของข้อมูลทางการเงินที่ละเอียดอ่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผู้ให้บริการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลต่างลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัส การควบคุมการเข้าถึง และการตรวจสอบเป็นประจำ เพื่อปกป้องข้อมูลและปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับต่างๆ เช่น GDPR และ CCPA

Open Banking และการผสาน API

โครงการริเริ่ม Open Banking และการผสาน API ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลทางการเงินจากธนาคารและสถาบันอื่นๆ ได้โดยตรงและปลอดภัย การเข้าถึงนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการตรวจสอบยืนยันและให้ภาพรวมสถานะทางการเงินของแต่ละบุคคลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้บุคคลสามารถควบคุมข้อมูลทางการเงินของตนเองและวิธีการแบ่งปันข้อมูลกับบุคคลที่สามได้มากขึ้น

การใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์

การเข้าถึงข้อมูลทางการเงินล่าสุดช่วยให้ผู้ให้สินเชื่อสามารถประเมินเครดิตและอนุมัติสินเชื่อได้เร็วขึ้น ข้อมูลแบบเรียลไทม์ยังช่วยให้ผู้ให้สินเชื่อและสถาบันอื่นๆ ติดตามสถานะทางการเงินของบุคคลในแต่ละช่วงเวลาได้ โดยปรับการประเมินและการรองรับความเสี่ยงของตนให้สอดคล้องกัน

ข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับเศรษฐกิจแบบตลาดแรงงานเสรี

โมเดลการตรวจสอบยืนยันรายได้แบบดิจิทัลที่ยืดหยุ่นได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับกระแสรายได้จำนวนมากและรูปแบบการรับรายได้ที่ไม่สม่ำเสมอซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของผู้รับงานเป็นรายครั้ง การผสานการทำงานโดยตรงกับแพลตฟอร์มอย่าง Uber, Airbnb และแพลตฟอร์มอื่นๆ ช่วยให้ธุรกิจตรวจสอบยืนยันรายได้จากบริการเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Radar

Radar

ต้านการฉ้อโกงด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังของเครือข่าย Stripe

Stripe Docs เกี่ยวกับ Radar

ใช้ Stripe Radar เพื่อปกป้องธุรกิจจากการฉ้อโกง