Thinkific Partners ร่วมงานกับ Stripe เพื่อกระตุ้นรายรับให้กับครีเอเตอร์และทำให้การปฏิบัติงานหลังบ้านง่ายขึ้น

Thinkific เป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่ครีเอเตอร์นักการศึกษาใช้ในการออกแบบ ทำการตลาด ขาย และส่งมอบการศึกษาออนไลน์ ภารกิจของ Thinkific คือการปฏิวัติวิธีการที่ผู้คนเรียนรู้และสร้างรายได้ออนไลน์ โดยบริษัทจะมอบเครื่องมือให้ครีเอเตอร์เหล่านี้ใช้เพื่อเปลี่ยนความรู้ความเชี่ยวชาญที่ไม่เหมือนใครของตนให้เป็นธุรกิจที่ยั่งยืน Thinkific ก่อตั้งในปี 2012 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่แวนคูเวอร์ แคนาดา

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้

    Billing
    Connect
    Elements
    Payments
อเมริกาเหนือ
การเติบโต

ความท้าทาย

แพลตฟอร์มของ Thinkific เป็นบริการที่เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์นักการศึกษาเปลี่ยนความเชี่ยวชาญของตนให้เป็นผลกำไร ปัจจุบันแพลตฟอร์มนี้มีครีเอเตอร์ที่ใช้งานอยู่มากกว่า 50,000 คนที่สร้างรายได้หลายล้านดอลลาร์ด้วยการขายตรงหลักสูตรไปพร้อมกับสอนนักเรียนหลายสิบล้านคนทั่วโลก

ครีเอเตอร์บางคนประสบปัญหาในการสร้างยอดขายแบบต่อเนื่อง จึงไม่สามารถสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน และบางคนก็มีปัญหาในการจัดการสิ่งสำคัญสำหรับธูรกิจหลัก เช่น การทำบัญชีและภาษี การที่ต้องมาจัดการการชำระเงินและการปฏิบัติงานหลังบ้านอย่างการปฏิบัติตามข้อกำหนดภาษีด้วยตัวเอง มีส่วนทำให้ธุรกิจเติบโตช้าลงและครีเอเตอร์ก็ไม่สามารถเอาเวลาอันมีค่าไปทำสิ่งที่ตนทำได้ดีที่สุด นั่นก็คือการสอนนักเรียน

Thinkific มองหาวิธีต่างๆ ที่จะสนับสนุนครีเอเตอร์นักการศึกษาเพื่อเพิ่มยอดขายและขยายธุรกิจให้กับครีเอเตอร์เหล่านั้น นอกจากนี้ แพลตฟอร์มนี้ยังต้องการขยายไปสู่ต่างประเทศเพื่อให้ครีเอเตอร์มีโอกาสขยายฐานผู้ชมให้ใหญ่ขึ้นในตลาดใหม่ๆ ด้วย

โซลูชัน

Thinkific เริ่มเป็นพาร์ทเนอร์กับ Stripe ในปี 2012 เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่จะมอบทุกสิ่งที่ครีเอเตอร์นักการศึกษาต้องใช้ในการเร่งการเติบโต จัดการการชำระเงินและงานดูแลระบบหลังบ้านแบบอัตโนมัติ และพัฒนาประสบการณ์ของผู้เรียนให้ดีขึ้น

Thinkific เลือกที่จะทำงาน Stripe เพราะมีการเชื่อมต่อการทำงานที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่นๆ "เมื่อคุณเป็นบริษัทที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรจะมีค่าไปกว่าความเร็วและความสามารถที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างคล่องตัวอีกแล้ว" Fitzpatrick รองประธานฝ่ายการค้าที่ Thinkific กล่าว "เมื่อทำงานกับ Stripe เราสามารถเชื่อมต่อฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้องใช้แรงงานมากนัก ซึ่งทำให้เราสามารถสร้างคุณค่าและเร่งผลตอบแทนจากการลงทุนได้ง่ายขึ้น"

Stripe API ช่วยให้นักพัฒนาของ Thinkific สามารถเชื่อมต่อฟีเจอร์ใหม่ๆ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ นั่นหมายความว่า Thinkific จะไม่ต้องเสียทรัพยากรฝ่ายวิศวกรรมจากผลิตภัณฑ์หลักไปเป็นเวลานานๆ

การสร้างระบบอัตโนมัติด้านการเงินแบบครบวงจร

Thinkific เริ่มทำงานกับ Stripe ด้วยการใช้ Stripe Standard Connect เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์รับการชำระเงินได้อย่างรวดเร็ว Stripe API ทำให้ Thinkific สามารถสร้างและปรับขยายประสบการณ์การชำระเงินแบบครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่เริ่มได้ทันทีไปจนถึงการเบิกจ่ายทั่วโลก หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน Thinkific ก็เพิ่ม Stripe Billing เข้ามาเพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์ขายหลักสูตรเป็นการสมัครสมาชิกแบบชำระเงินตามแผนล่วงหน้าได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ ปัจจุบันบัญชีที่สมัครสมาชิกแบบชำระเงินตามแผนล่วงหน้ามีสัดส่วนคิดเป็น 32% ของยอดขายรวม (GMV) ใน Thinkific Payments

นอกจากนี้ Thinkific ยังใช้ชุดผลิตภัณฑ์ Stripe Billing เพื่ออำนวยความสะดวกในการเก็บค่าธรรมเนียม SaaS โดยตรงอีกด้วย การที่ธุรกิจมีแพลตฟอร์มหนึ่งเดียวสำหรับงานด้านการเงินและการชำระเงินช่วยเพิ่มประสิทธิผลและความเร็วในการปฏิบัติงาน ทำให้ Thinkific ดำเนินธุรกิจได้เร็วขึ้นเมื่อต้องทำงานหลายๆ อย่าง เช่น การพยากรณ์ทางการเงิน การวางแผน และการวิเคราะห์

การขับเคลื่อนรายรับด้วยการชำระเงินในตัว

ในปี 2021 Thinkific เปิดตัว Thinkific Payments เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถเพิ่มยอดขาย ระบบนี้เป็นระบบประมวลผลการชำระเงินในตัวที่ผสานรวมในแพลตฟอร์มของตัวเองซึ่งสร้างบนโครงสร้างพื้นฐานของ Stripe ท้ังหมด Thinkific Payments ใช้ทั้งฟีเจอร์ Smart Retries และ Adaptive Acceptance

"Thinkific Payments ทำให้ครีเอเตอร์ผู้สร้างหลักสูตรมีเครื่องมือที่จะช่วยให้ขายได้มากขึ้นและมีเวลาในการสอนและขยายธุรกิจมากขึ้น" Greg Smith ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Thinkific กล่าว "จุดมุ่งหมายของเราคือการช่วยให้ครีเอเตอร์หลักสูตรสร้างความเปลี่ยนแปลงบนโลกได้มากขึ้น เครื่องมือที่จะช่วยให้พวกเขาเติบโตนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนวิสัยทัศน์ของคนเหล่านี้ที่จะมอบประสบการณ์ด้านการศึกษาระดับเวิลด์คลาสบนโลกออนไลน์"

ด้วยการชำระเงินในตัว Thinkific จึงสามารถสร้างกระแสรายรับอันทรงพลังอีกทางหนี่งให้กับธุรกิจของตน ฟีเจอร์เหล่านี้สร้างจุดเด่นให้กับแพลตฟอร์มและช่วยเพิ่มมูลค่าตลอดการใช้งานของลูกค้าได้เป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน ต้นทุนในการได้ลูกค้าใหม่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด การชำระเงินที่ผสานในตัวเป็นเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพในการช่วยให้บริษัททำกำไรได้

"อัตราการเติบโตที่เราเห็นใน Thinkific Payments นั้นเกินความคาดหมายของเราเองด้วยซ้ำ และก็ได้กลายเป็นกระแสรายรับที่สร้างผลกำไรที่สำคัญอย่างรวดเร็ว" Smith กล่าว

การสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ในปี 2023 Thinkific ได้เปิดตัวชุดเครื่องมือด้านการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อช่วยขับเคลื่อนอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่ชำระเงิน ซึ่งประกอบด้วย Payment Element, วิธีการชำระเงินต่างๆ และ Link ซึ่งเป็นวิธีการชำระเงินด้วยการคลิกครั้งเดียวที่ปลอดภัยซึ่งจะกรอกข้อมูลการชำระเงินของลูกค้าให้โดยอัตโนมัติ หลังจากเปิดตัว Link ได้เพียง 24 ก็พบว่ามีการชำระเงินด้วยวิธีนี้ถึง 10% บน Thinkific

เมื่อ Thinkific ใช้ Payment Element บริษัทก็สามารถเปิดตัววิธีการชำระเงิน 10 วิธีได้อย่างง่ายดาย รวมถึง Google Pay, Cash App Pay และวิธีการชำระเงินแบบซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง (BNPL) อย่าง Affirm, Afterpay และ Klarna ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ครูและนักเรียน BNPL ไม่เพียงช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของผู้เรียนด้วยการชำระเงินแบบผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่ชำระเงินและเพิ่มมูลค่าคำสั่งซื้อโดยเฉลี่ยให้กับครีเอเตอร์ด้วย ซึ่งครีเอเตอร์จะได้รับเงินเต็มจำนวน (หลังหักค่าธรรมเนียม) อันที่จริงแล้ว ธุรกรรมของ Thinkific ที่ทำผ่าน BNPL มีมูลค่าคำสั่งซื้อเฉลี่ยสูงกว่าธุรกรรมผ่านบัตรกว่า 3 เท่า

และเมื่อ Thinkific Payments ขยายเข้าสู่ยุโรป บริษัทก็สามารถเปิดตัวการชำระเงินแบบเปลี่ยนเส้นทางธนาคารในท้องถิ่นที่เป็นที่นิยม รวมถึง Bancontact, EPS, Giropay, iDEAL และ Przelewy24 ได้ภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว เพื่อช่วยกระตุ้นอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่ชำระเงิน

"เมื่อใช้ Stripe เราสามารถเปิดตัววิธีการชำระเงินในท้องถิ่นที่เหมาะกับแต่ละประเทศเพื่อช่วยให้ผู้เรียนชำระเงินได้ง่ายและเร็วขึ้น" Fitzpatrick กล่าว "เราจึงไม่ต้องคอยสร้างการเชื่อมต่อระบบใหม่อยู่เรื่อยๆ และสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับทั้งผู้สอนและผู้เรียน"

การทำให้การปฏิบัติงานหลังบ้านเป็นเรื่องง่ายด้วยการปฏิบัติตามข้อกำหนดภาษีอัตโนมัติ

Thinkific ช่วยลดความซับซ้อนเบื้องหลังธุรกิจให้กับครีเอเตอร์นักการศึกษา บริษัทใช้ Stripe Connect ที่ทำให้กระบวนการเริ่มต้นใช้งานสำหรับครีเอเตอร์และผู้สอนใหม่เป็นขั้นตอนที่เรียบง่าย "กระบวนการเริ่มต้นใช้งานของ Stripe ช่วยให้เราไม่จำเป็นต้องจัดทำและดูแลแบบฟอร์มใหม่สำหรับแต่ละประเทศ แต่ก็มั่นใจได้ว่าเราจะเก็บข้อมูลที่เหมาะสมอยู่เสมอ ผลิตภัณฑ์นี้ช่วยประหยัดเวลาได้มาก" Fitzpatrick กล่าว

อีกวิธีหนึ่งที่ Thinkific ทำให้ชีวิตของผู้ใช้ง่ายขึ้นก็คือการลดภาระด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนดภาษีด้วย Stripe Tax

"เราได้รับฟีดแบ็กจากครีเอเตอร์อยู่เรื่อยๆ ว่าพวกเขามีปัญหากับการจัดการภาษี ครีเอเตอร์ขายสินค้าดิจิทัลไปทั่วประเทศและทั่วโลก การที่จะติดตามกฎหมายภาษีในประเทศต่างๆ ให้ครบนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นครีเอเตอร์ส่วนใหญ่จึงไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดและมีความเสี่ยงที่จะถูกลงโทษ "แต่ด้วย Stripe Tax เราสามารถมอบโซลูชันที่ทำให้การคำนวณและการเก็บภาษีในธุรกรรมทำงานโดยอัตโนมัติให้แก่ครีเอเตอร์ พวกเขาจึงใช้เวลากับภาษีน้อยลงและมีเวลาไปขยายธุรกิจมากขึ้น

ผลลัพธ์

เมื่อเร็วๆ นี้ Thinkific Payments ได้ประมวลผลยอดชำระเงินไปแล้วกว่า 100 ล้านดอลลาร์จนถึงปัจจุบัน โดยการประมวลผลยอด 62 ล้านดอลลาร์นั้นเกิดขึ้นใน 2 ไตรมาสแรกเท่านั้น (ไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2023) ทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์การชำระเงินแบบผสานรวมที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

ครีเอเตอร์ใหม่ของ Thinkific ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และแคนาดาประมาณ 80% เริ่มต้นด้วย Thinkific Payments และคาดว่าเปอร์เซ็นต์นี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ Thinkific เปิดตัวฟีเจอร์และวิธีการชำระเงินในท้องถิ่นใหม่ๆ ในประเทศอื่นๆ มากขึ้น เมื่อดูทั่วโลก เปอร์เซ็นต์นี้อยู่ที่ประมาณ 60%

"เมื่อใช้ Stripe เราก้าวหน้าได้เร็วขึ้นมากเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่นๆ" Fitzpatrick กล่าว "Stripe ทำให้เราเปิดตัวในตลาดใหม่ๆ ได้ทันทีและเดินหน้าด้วยความเร็วที่สามารถตอบสนองความต้องการที่มากขึ้นและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ของลูกค้าได้ ผมประมาณว่าเราเดินหน้าได้เร็วกว่าตอนที่ใช้แพลตฟอร์มอื่นๆ ถึง 2 เท่า"

รู้เสมอว่าคุณต้องจ่ายเท่าไร

ค่าบริการต่อธุรกรรมที่รวมไว้หมดแล้วโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

เริ่มต้นผสานการทำงาน

เริ่มใช้งาน Stripe ได้ภายใน 10 นาที