ธุรกิจที่ดำเนินการในประเทศไทยอาจมีหน้าที่ชำระภาษีที่เรียกว่า “ภาษีธุรกิจเฉพาะ” โดยภาษีนี้จะถูกเรียกเก็บจากธุรกิจบางประเภทที่มีกิจการลักษณะเฉพาะ ธุรกิจใดที่ต้องเสียภาษีเฉพาะนี้ควรมีการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อให้สามารถคำนวณและยื่นชำระภาษีภายในเวลาที่กำหนด เพื่อจะได้ปฏิบัติตามข้อกฎหมายและอัตราภาษีที่ถูกต้อง

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับภาษีธุรกิจเฉพาะในประเทศไทย ทั้งอัตราภาษี ประเภทของธุรกิจที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ วิธีการคำนวณ รวมถึงการเตรียมเอกสารสำหรับการยื่นภาษีธุรกิจเฉพาะ นอกจากนี้เราขอแนะนำ Stripe Tax โซลูชันด้านภาษีที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการยื่นเอกสาร ให้การจัดการภาษีเป็นไปอย่างราบรื่นและตรงเวลา

เนื้อหาหลักในบทความ

• ทำความรู้จักภาษีธุรกิจเฉพาะในประเทศไทย
  
• กิจการประเภทใดบ้างที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
  
• อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ
  
• วิธีคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะ
  
• วิธีการยื่นภาษีธุรกิจเฉพาะในประเทศไทย
  
• Stripe Tax ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร
  

ทำความรู้จักภาษีธุรกิจเฉพาะในประเทศไทย

ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Specific business tax) คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากธุรกิจบางประเภทที่มีลักษณะเฉพาะ ตามที่กฎหมายไทยกำหนดเป็นพิเศษ มีจุดประสงค์เพื่อจัดการและควบคุมธุรกิจที่อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมหรือในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติภาษีธุรกิจเฉพาะ พ.ศ. 2551 เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวกับการขายอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจเงินทุน (อย่างเงินกู้ยืมหรือเงินฝาก) และธุรกิจนายหน้าหรือตัวแทนจำหน่ายบางประเภท

ภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้ให้กับรัฐบาล โดยเป็นภาษีที่ถูกแยกออกมาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งธุรกิจที่ต้องเสียภาษีนี้จะถูกเก็บในอัตราภาษีที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจและลักษณะการดำเนินงาน ภาษีธุรกิจเฉพาะจะถูกเก็บจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจในแต่ละปี ซึ่งคำนวณได้จากรายรับก่อนหักรายจ่าย ไม่ใช่จากกำไรสุทธิเหมือนภาษีเงินได้

กิจการประเภทใดบ้างที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ

ธุรกิจที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในประเทศไทย โดยหลักๆ ประกอบด้วยกิจการเหล่านี้

• ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทำหน้าที่ให้บริการทางการเงิน ต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย
  
• ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ สถาบันการเงินภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ให้บริการทางการเงินคล้ายกับธนาคารพาณิชย์แต่มีขอบเขตการดำเนินงานที่จำกัดกว่า
  
• ธุรกิจประกันชีวิต รับประกันความเสี่ยงด้านชีวิตและสุขภาพ โดยรับความเสี่ยงจากผู้ซื้อประกันและจ่ายผลประโยชน์ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ เช่น การเสียชีวิต การทุพพลภาพ หรือการเจ็บป่วย
  
• ธุรกิจรับจำนำ บริการให้กู้ยืมเงินโดยมีทรัพย์สินมีค่าเช่น ทองคำ เครื่องประดับ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลักประกัน เมื่อครบกำหนดผู้จำนำจะต้องนำเงินต้นและดอกเบี้ยไปไถ่ถอนทรัพย์สินคืน หากไม่สามารถไถ่ถอนได้ทรัพย์สินจะตกเป็นของผู้รับจำนำ
  
• ธุรกิจแฟคตอริ่ง กิจการที่รับซื้อลูกหนี้การค้าจากธุรกิจที่ต้องการเงินเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการเสริมสภาพคล่องหรือใช้ในการขยายธุรกิจ
  
• ธุรกิจเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจที่ประกอบกิจการ เช่น ให้กู้ยืมเงินค้ำประกัน แลกเปลี่ยนเงินตรา ออก/ซื้อ/ขายตั๋วเงิน หรือรับส่งเงินไปต่างประเทศด้วยวิธีต่างๆ
  
• ธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์ การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ถือว่าเป็นทางการค้าหรือหากำไรตามเงื่อนไขพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 342) พ.ศ. 2541
  

อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ

อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะในประเทศไทยมีหลายอัตรา ขึ้นอยู่กับประเภทของกิจการ ดังนี้

ข้อมูลจากกรมสรรพากร
หมายเหตุ: อัตราภาษีของการค้าอสังหาริมทรัพย์ให้ลดและคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.1 สำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ได้กระทำภายใน 1 ปี

อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายของภาครัฐที่ออกมาแต่ละปี ดังนั้นควรมีการตรวจสอบอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของตนเองอย่างสม่ำเสมอ

วิธีคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะ

สามารถคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะในประเทศได้โดยใช้ตัวแปร ดังนี้

ภาษีธุรกิจเฉพาะ = ราคาขายหรือรายได้รวม × อัตราภาษีตามประเภทธุรกิจ

• ราคาขายหรือรายได้รวม: นับรายได้จากฐานภาษีตามประเภทของกิจการและลักษณะของรายได้
  
• อัตราภาษีที่เกี่ยวข้อง: ตามอัตราภาษีที่กำหนดในแต่ละประเภทของธุรกิจ
  
• วิธีคำนวณจำนวนภาษีที่ต้องชำระ: นำราคาขายหรือรายได้มาคูณกับอัตราภาษีที่กำหนด
  

ตัวอย่างการคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะ

• ธุรกิจเงินทุน (เช่น ธุรกิจเงินกู้, บริการทางการเงิน): มีอัตราภาษี 3.0% ของดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียม สมมุติบริษัทให้กู้เงิน 1,000,000 บาท โดยเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ 10% = 100,000 บาท
  

ภาษีธุรกิจเฉพาะ = ราคาขายหรือรายได้รวม × อัตราภาษีตามประเภทธุรกิจ
฿100,000 × 0.03% (หรือ 0.03) = ฿3,000

• ธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์: มีอัตราภาษี: 3.0% ของค่าธรรมเนียมหรือค่าตอบแทน สมมุตินายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์และได้รับค่าคอมมิชชั่น 200,000 บาท
  

ภาษีธุรกิจเฉพาะ = ราคาขายหรือรายได้รวม × อัตราภาษีตามประเภทธุรกิจ
฿200,000 × 0.03% (หรือ 0.03) = ฿6,000

นอกจากภาษีธุรกิจเฉพาะ ผู้ประกอบการจะต้องเสียภาษีท้องถิ่นเพิ่มเติมอีกร้อยละ 10 ของจำนวนภาษีธุรกิจเฉพาะที่คำนวณได้ ในบางกรณีสามารถบันทึกภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นค่าใช้จ่ายทางธุรกิจเพื่อลดกำไรสุทธิหากมีการบันทึกและรายงานอย่างถูกต้อง

วิธีการยื่นภาษีธุรกิจเฉพาะในประเทศไทย

ผู้ประกอบการกิจการที่เข้าข่ายต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะภายใน 30 วัน นับจากวันเริ่มกิจการ โดยมีขั้นตอนดังนี้

จดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ

เตรียมเอกสารประกอบ:

• สำเนาบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง
  
• สำเนาทะเบียนบ้าน
  
• สัญญาเช่าสถานที่ประกอบการและแผนที่สังเขป
  
• หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (ถ้ามี)
  
• รายงานแสดงรายรับก่อนหักรายจ่าย โดยจัดทำเป็นรายวันและสรุปรายการทุกสิ้นเดือน (โดยระบุรายงานแบ่งตามแต่ละสถานที่ประกอบการ กรณีมีมากกว่า 1 สถานประกอบการ)
  

ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ:

• สามารถยื่นแบบ ภ.ธ.01 จำนวน 3 ฉบับและเอกสารประกอบให้ครบถ้วนถูกต้อง ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มประกอบกิจการ
  

รับใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ:

• ขอรับใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือ ภ.ธ.20 ซึ่งจะต้องนำไปแสดงไว้ในบริเวณซึ่งเห็นได้ง่ายในสถานที่ประกอบการ
  

ควรมีการจัดเก็บรายงานและเอกสารประกอบเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือวันจัดทำรายงาน

ยื่นแบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ

ยื่นแบบ ภ.ธ.40 และแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะดังนี้:

• ประเภทของกิจการ
  
• จำนวนเงินรายรับ
  
• จำนวนภาษีธุรกิจเฉพาะ*
  
• ภาษีท้องถิ่น (ร้อยละ 10 ของภาษีธุรกิจเฉพาะ)
  

ต้องมีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นประจำทุกเดือน (แม้ในเดือนนั้นจะไม่มีรายรับ) ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป สามารถยื่นที่สำนักงานสรรพากรประจำเขตหรือผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร (กรณีออนไลน์สามารถขยายเวลายื่นและชำระภาษีออกไปได้อีก 8 วัน)

หากภาษีธุรกิจเฉพาะในเดือนใดไม่ถึง 100 บาท ผู้ประกอบการไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในเดือนนั้น

Stripe Tax ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร

Stripe Tax ลดความยุ่งยากในการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษี เพื่อให้คุณมีเวลาไปมุ่งเน้นที่การเติบโตของธุรกิจของคุณ Stripe Tax ช่วยให้คุณตรวจสอบภาระผูกพันของคุณและแจ้งเตือนเมื่อคุณเกินเกณฑ์การจดทะเบียนภาษีการขายตามธุรกรรมใน Stripe นอกจากนี้ยังคำนวณและเรียกเก็บภาษีการขาย VAT และ GST โดยอัตโนมัติทั้งสินค้าและบริการทางกายภาพและดิจิทัล ในทุกรัฐของสหรัฐอเมริกา และในกว่า 100 ประเทศ

เริ่มเรียกเก็บภาษีทั่วโลกได้โดยการเพิ่มโค้ดเพียงบรรทัดเดียวในการเชื่อมต่อการทำงานที่คุณมีอยู่ คลิกปุ่มในแดชบอร์ด หรือใช้ API ที่ทรงพลังของเรา

Stripe Tax สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้

• ทำความเข้าใจว่าจะจดทะเบียนและเรียกเก็บภาษีที่ไหน: ดูตำแหน่งที่ตั้งที่คุณต้องเรียกเก็บภาษีโดยอิงตามธุรกรรมใน Stripe หลังจากจดทะเบียนแล้ว คุณสามารถเปิดใช้การเรียกเก็บภาษีในรัฐหรือประเทศใหม่ได้ภายในไม่กี่วินาที คุณสามารถเริ่มเรียกเก็บภาษีได้โดยเพิ่มโค้ดเพียงบรรทัดเดียวในการผสานการทำงาน Stripe ที่คุณมีอยู่ หรือเพิ่มการเรียกเก็บภาษีด้วยการคลิกเพียงปุ่มเดียวในแดชบอร์ด Stripe

• จดทะเบียนชำระภาษี: หากคุณมีธุรกิจอยู่ในสหรัฐอเมริกา สามารถให้ Stripe จัดการการจดทะเบียนภาษีแทนคุณ ช่วยกรอกรายละเอียดการสมัครล่วงหน้าและรับประโยชน์จากขั้นตอนที่ง่ายขึ้น ถ้าคุณอยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา Stripe พารท์เนอร์กับ Taxually ในการจดทะเบียนภาษีกับสำนักงานสรรพากรในพื้นที่ ให้คุณประหยัดเวลาและปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับท้องถิ่นได้ง่ายขึ้น

• เรียกเก็บภาษีโดยอัตโนมัติ: Stripe Tax คำนวณและเรียกเก็บเงินภาษีที่ค้างชำระตามจำนวนที่ถูกต้องไม่ว่าคุณจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไรหรือขายที่ไหนก็ตาม รองรับผลิตภัณฑ์และบริการหลายร้อยรายการ และมีข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกฎและอัตราภาษี

• ลดความยุ่งยากในการยื่น: Stripe Tax ผสานการทำงานกับพาร์ทเนอร์ด้านการยื่นภาษีได้อย่างราบรื่น เพื่อให้การยื่นเอกสารทั่วโลกของคุณเป็นไปอย่างถูกต้องและทันเวลา ให้พาร์ทเนอร์ของเราจัดการการยื่นเอกสารแทน เพื่อให้คุณมีเวลาโฟกัสที่การเติบโตของธุรกิจ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stripe Tax หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้