การขายทางออนไลน์ในอิตาลีมีภาระผูกพันทางกฎหมายหลายข้อ ซึ่งรวมถึงการจัดทำข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปด้านการขาย ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญของสัญญาการขายทางออนไลน์ และมีการระบุสิทธิ์ ภาระหน้าที่ และความรับผิดของผู้ขายและผู้ซื้อ ในบทความนี้ คุณจะได้ทราบว่าข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปด้านการขายคืออะไร เหตุใดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซทุกแห่ง และคุณจะออกแบบและปรับแต่งข้อกำหนดเหล่านั้นได้อย่างไรใน การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายของอิตาลี รวมถึงกฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) และความเสี่ยงที่คุณต้องเผชิญหากไม่จัดการอย่างถูกต้อง
หากคุณกำลังเริ่มทำธุรกิจหรือกำลังดำเนินธุรกิจออนไลน์ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไขของการขายทางออนไลน์ เพื่อให้คุณสามารถปกป้องธุรกิจของคุณ มีความโปร่งใสกับลูกค้า และปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายเสมอ
เนื้อหาหลักในบทความ
- ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปด้านการขายคืออะไร
- ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปสำหรับมีผลอย่างไรกับการซื้อทางออนไลน์
- GDPR และกฎระเบียบของอิตาลี
- ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปที่กำหนดเอง
- ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซประเภทต่างๆ
- ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปด้านการขายจัดทำขึ้นอย่างไร
- ความเสี่ยงในกรณีที่ไม่มีข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปหรือมีไม่เพียงพอ
- การผสานการทำงานกับ Stripe Payments และ Stripe Connect
ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปด้านการขายคืออะไร
ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปของการขายทางออนไลน์เป็นชุดข้อสัญญาที่กำกับดูแลการขายสินค้าหรือบริการผ่านเว็บไซต์ ซึ่งเป็นตัวกำหนดข้อกำหนดของสัญญาการขายทางออนไลน์ รวมถึงสิทธิ์และภาระผูกพันของทั้งธุรกิจและลูกค้า ดังนั้นจึงเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการควบคุมความสัมพันธ์ทางธุรกิจอย่างโปร่งใส ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดการเข้าใจผิด และช่วยป้องกันข้อพิพาททางกฎหมายได้
องค์ประกอบที่จำเป็นในข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปด้านการขายได้แก่:
- วิธีการชำระเงิน
- ลำดับเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง
- นโยบายการคืนสินค้าและการคืนเงิน
- การรับประกันทางกฎหมายและพาณิชย์
- ความรับผิดของผู้ขาย
- สิทธิ์สำหรับผู้บริโภค
- ข้อกำหนดการใช้งานเว็บไซต์การขายทางออนไลน์
ในอิตาลี ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปของสัญญาของการขายทางออนไลน์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากแหล่งกฎหมายหลายฉบับ อันได้แก่: กฎหมายผู้บริโภคของอิตาลี; กฎหมายแพ่งของอิตาลี; กฤษฎีกากฎหมายหมายเลข 70/2003 ว่าด้วยอีคอมเมิร์ซ และเกี่ยวข้องกับแนวทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมและความโปร่งใสของข้อมูลต่อผู้บริโภคยังอยู่ภายใต้คำสั่ง Omnibus (คำสั่งของสหภาพยุโรปฉบับที่ 2019/2161) ซึ่งนำไปปรับใช้ในอิตาลีด้วยกฤษฎีกาหมายเลข 26/2023
ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปสำหรับมีผลอย่างไรกับการซื้อทางออนไลน์
ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปด้านการขายมีผลผูกพันตามสัญญาและมีผลบังคับใช้กับการซื้อทางออนไลน์ทั้งหมด แต่เฉพาะในกรณีที่ลูกค้าสามารถอ่านและยอมรับข้อกำหนดเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายและได้ดำเนินการตามคำสั่งซื้อให้เสร็จสิ้นเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเผยแพร่ข้อกำหนดเหล่านั้นในส่วนที่มองเห็นได้ชัดเจนบนเว็บไซต์ และกำหนดให้มีการยืนยันการยอมรับอย่างชัดแจ้งระหว่างขั้นตอนการซื้อ เช่น ผ่านช่องทำเครื่องหมาย
การยอมรับเป็นส่วนสำคัญในการทำให้สัญญาการขายมีผลผูกพัน ตามมาตรา 1326 ของประมวลกฎหมายแพ่งของอิตาลี นอกจากนี้ ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปไม่สามารถมีข้อกำหนดที่ไม่เป็นธรรมซึ่งไม่ได้ถูกเน้นหรือได้รับการอนุมัติแยกต่างหาก มิฉะนั้นข้อกำหนดเหล่านี้จะถือว่าไม่มีผลบังคับใช้และเป็นโมฆะ ในอีคอมเมิร์ซ การมีข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ชัดเจนและโปร่งใสยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าและช่วยลดการโต้แย้งการชำระเงินได้อีกด้วย ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไขใดๆ ในอนาคตควรแจ้งให้ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนทราบอย่างชัดเจน
ข้อกำหนดและเงื่อนไขเป็นสิ่งที่บังคับหรือไม่
เป็น ข้อกำหนดและเงื่อนไขการขายทางออนไลน์เป็นสิ่งที่กฎหมายกำหนดเมื่อมีการขายสินค้าหรือบริการผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่มุ่งเน้นลูกค้าหรือบริษัท
GDPR และกฎระเบียบของอิตาลี
เมื่อจัดทำข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปของการขายทางออนไลน์ คุณจะต้องพิจารณาถึงแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลด้วย ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูและโดย GDPR และกฎระเบียบของอิตาลี
แม้ว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไป แต่ก็ถือเป็นพื้นที่เฉพาะที่มีข้อกำหนดที่แยกจากข้อสัญญาเชิงพาณิชย์และข้อสัญญาที่ระบุรายการไว้ข้างต้น
ดังนั้นข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปต้องประกอบด้วย:
- ข้อมูลที่ชัดเจนและเข้าถึงได้เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- วัตถุประสงค์ของการประมวลผล (เช่น การจัดการคำสั่งซื้อ การเรียกเก็บเงิน การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษี การตลาดแบบที่ได้รับความยินยอมล่วงหน้า)
- ฐานทางกฎหมายสำหรับการประมวลผล (เช่น การดำเนินการตามสัญญาหรือคำยินยอมที่ชัดเจน)
- ระยะเวลาจัดเก็บข้อมูล
- วิธีที่เจ้าของข้อมูลสามารถเข้าถึง แก้ไข หรือลบข้อมูลของตนได้
- การนำมาตรการทางเทคนิคและด้านองค์กรมาปรับใช้เพื่อให้มีความปลอดภัยของข้อมูล (เช่น การเข้ารหัส การควบคุมการเข้าถึง และการแฝงข้อมูล ตัวอย่างได้แก่ การแทนที่ข้อมูลระบุตัวตนด้วยรหัสหรือนามแฝง เพื่อให้ไม่สามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้กับเจ้าของข้อมูลรายเฉพาะได้หากไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม)
หากคุณมอบหมายงานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลภายนอก (เช่น ผู้ให้บริการชำระเงินหรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ) สิ่งสำคัญคือต้องระบุข้อมูลนี้ในข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไป และทำให้มั่นใจว่าบุคคลเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลตามมาตรา 28 ของ GDPR
นอกจากนี้ คุณต้องระบุสิทธิ์ของผู้ใช้ภายใต้มาตรา 15-22 ของ GDPR (การเข้าถึง การแก้ไข การลบ การคัดค้าน การจำกัดการประมวลผล ความสามารถในการเคลื่อนย้ายข้อมูล) ร่วมกับข้อมูลอ้างอิงสำหรับการใช้สิทธิ์เหล่านี้ เช่น ที่อยู่อีเมลของผู้ควบคุมข้อมูล หรือแบบฟอร์มติดต่อ
นอกจากนี้ คุณยังต้องใส่ลิงก์ที่พาไปยังนโยบายความเป็นส่วนตัวและนโยบายคุกกี้ รวมถึงระบุการอ้างอิงโดยเฉพาะเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลในส่วนข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปของการซื้อ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและสามารถเสริมสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของผู้ใช้
ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปที่กำหนดเอง
เมื่อพูดถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปของการขายทางออนไลน์ ไม่มีโมเดลใดที่สามารถใช้ได้กับธุรกิจทุกราย หมายความว่าคุณควรปรับแต่งข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปที่จัดตั้งขึ้นขึ้นตามลักษณะของธุรกิจของคุณ:
- ประเภทของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จำหน่าย
- วิธีการจัดส่งและการจัดการโลจิสติกส์
- กลุ่มเป้าหมายของคุณ: ลูกค้าของคุณเป็นธุรกิจ (B2B) หรือผู้บริโภคทั่วไป (B2C)
- นโยบายเพื่อการพาณิชย์ (ส่วนลด การเรียกเก็บเงินตามรอบบิล บริการหลังการขาย)
ตัวอย่างเช่น หากคุณขายสินค้าดิจิทัลแบบดาวน์โหลดได้ คุณจะต้องใช้แนวทางที่แตกต่างจากสินค้าจับต้องได้ที่ต้องจัดส่ง ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการใช้บริการออนไลน์จึงต้องปรับให้เข้ากับวิธีการดำเนินงานและลักษณะของโมเดลธุรกิจของคุณ
ข้อกำหนดที่ไม่เป็นธรรม
เมื่อคุณปรับแต่งข้อกำหนดและเงื่อนไข ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับข้อกำหนดที่ไม่เป็นธรรม โดยข้อกำหนดเหล่านี้ประกอบด้วยข้อกำหนดที่รวมอยู่ในสัญญาที่จัดทำขึ้นโดยผู้ขายโดยตรง ทำให้เกิดความไม่สมดุลอย่างมีนัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าได้รับความเสียหาย ตามมาตรา 1341 และ 1342 ของประมวลกฎหมายแพ่งของอิตาลี ข้อกำหนดบางประการ (เช่น การจำกัดความรับผิด สิทธิ์การเพิกถอนสำหรับเฉพาะฝ่ายเดียว การขยายสัญญาโดยปริยาย การหมดสิทธิ์) จะมีผลเฉพาะในกรณีที่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น
ในบริบทของอีคอมเมิร์ซ หมายความว่า ข้อกำหนดเหล่านี้ต้องมีช่องทำเครื่องหมายแยกต่างหากสำหรับให้การยอมรับข้อกำหนดเหล่านี้ในระหว่างการซื้อ เป็นการทำให้เนื้อหาของข้อกำหนดเหล่านั้นมีความชัดเจน และเป็นส่วนแยกจากข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปอื่นๆ มิฉะนั้น ข้อกำหนดดังกล่าวอาจถือว่าไม่มีผลบังคับใช้และเป็นโมฆะสำหรับลูกค้ารายนั้นๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อผู้ขายได้
ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซประเภทต่างๆ
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซทุกแห่งมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจง ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปด้านการขายของคุณจึงต้องสะท้อนถึงลักษณะของธุรกิจของคุณ โดยคำนึงถึงฐานลูกค้า กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และวิธีการจัดการธุรกรรม
อีคอมเมิร์ซแบบ B2C
ในธุรกรรมแบบ B2C ผู้บริโภคจะได้รับการคุ้มครองจากกฎข้อบังคับ ดังนั้นข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปของการซื้อจะต้องประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้:
- ลักษณะสำคัญของสินค้าหรือบริการ โดยระบุราคารวมอย่างชัดเจน
- วิธีการชำระเงินที่ยอมรับ
- สิทธิ์ในการเพิกถอน
- ข้อมูลก่อนสัญญาโดยละเอียด
- ข้อสัญญาเกี่ยวกับการจัดส่ง ลำดับเวลา และค่าใช้จ่ายที่โปร่งใส
- การรับประกันการปฏิบัติตามข้อกำหนด (24 เดือน)
- การติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือและการร้องเรียน
ข้อกำหนดเหล่านี้มาจากประมวลกฎหมายผู้บริโภค (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรา 49 และ 52) และจากคำสั่งหมายเลข 2011/83/EU ข้อกำหนดที่ไม่เป็นธรรมนั้นไม่ได้รับอนุญาต เว้นแต่จะได้รับการยอมรับอย่างชัดแจ้ง
อีคอมเมิร์ซแบบ B2B
ในธุรกรรมแบบ B2B สัญญาต่างๆ จะไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของประมวลกฎหมายผู้บริโภค ดังนั้น สิทธิ์การเพิกถอน กฎหมายการรับประกันการปฏิบัติตามข้อกำหนด และข้อกำหนดอื่นๆ ของการคุ้มครองผู้บริโภคจึงไม่มีผลบังคับใช้ ทั้งนี้ สัญญาการขายแบบ B2B อยู่ภายใต้การควบคุมของประมวลกฎหมายแพ่ง
ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปของการซื้ออาจรวมถึง:
- ข้อสัญญาที่ไม่รวมสิทธิ์การเพิกถอน
- ข้อกำหนดการชำระเงินที่ต่อรองได้ (เช่น 30, 60, 90 วัน)
- ข้อสัญญาการจำกัดความรับผิด
- ระบุไว้ในสัญญาของศาลที่มีเขตอำนาจในกรณีที่มีการโต้แย้ง
การจัดทำข้อกำหนดอย่างชัดเจนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการมีความคลุมเครือหรือการละเว้นอาจทำให้เกิดโต้แย้งระหว่างบริษัทได้
มาร์เก็ตเพลสและแพลตฟอร์ม
มาร์เก็ตเพลสและแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นที่ที่ธุรกิจหลายรายสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการของตนได้ จะต้องปรับใช้ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปโดยละเอียด โดยเงื่อนไขเหล่านี้จะต้องมีการกำกับควบคุมอย่างชัดเจน:
- บทบาทด้านกฎหมายของผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลส (ทั้งผู้ขายโดยตรงหรือผู้ที่เป็นเพียงคนกลาง)
- ความสัมพันธ์ตามสัญญาระหว่างแพลตฟอร์ม ผู้ขายบุคคลที่สาม และลูกค้าปลายทาง
- ความรับผิดในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ไม่ได้จัดส่ง หรือผลิตภัณฑ์มีตำหนิ
- กฎเกี่ยวกับการจัดการการร้องเรียน การคืนเงิน และค่าธรรมเนียม
- การใช้อัลกอริทึมที่เป็นไปได้เพื่อกำหนดการมองเห็นผลิตภัณฑ์ตามที่ระบุไว้ในคำสั่ง Omnibus
นอกจากนี้ มาร์เก็ตเพลสยังต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ขายบุคคลที่สามมีเงื่อนไขการขายที่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และตรวจสอบว่าผู้ใช้จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ทำสัญญาในสัญญาการขายโดยตลอด
การปรับแต่งข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปของสัญญาการขายทางออนไลน์ให้เข้ากับประเภทธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่คุณดำเนินอยู่ไม่ได้เป็นแค่แนวทางปฏิบัติที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นในการสร้างความโปร่งใสและลดโอกาสในการเกิดการโต้แย้ง โดยควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่สามารถจัดทำข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปที่ปรับแต่งให้เหมาะกับเว็บไซต์ของคุณได้โดยเป็นไปตามกฎหมายที่ใช้ในปัจจุบัน
ต่อไปนี้คือข้อมูลสรุปความแตกต่างที่สำคัญระหว่างโมเดลอีคอมเมิร์ซหลักต่างๆ:
|
ประเภทอีคอมเมิร์ซ |
กฎหมายหลัก |
เนื้อหาบังคับในเงื่อนไขทั่วไป |
ข้อสัญญาเฉพาะที่อนุญาต |
|---|---|---|---|
|
B2C |
ประมวลกฎหมายผู้บริโภค |
สิทธิ์การเพิกถอน กฎหมายการรับประกัน ข้อมูลก่อนสัญญา ลักษณะของสินค้าหรือบริการ การชำระเงิน |
ข้อกำหนดที่ไม่เป็นธรรมจะถูกยกเลิก เว้นแต่จะได้รับการอนุมัติแยกต่างหาก |
|
B2B |
ประมวลกฎหมายพลเมือง |
ข้อกำหนดการจัดส่ง การชำระเงิน ความรับผิด ศาลที่มีเขตอำนาจ |
มีอิสระมากขึ้นในการทำสัญญา |
|
มาร์เก็ตเพลสและแพลตฟอร์ม (ผู้ขายหลายราย) |
กฎหมาย 70/2003, GDPR, คำสั่ง Omnibus |
บทบาทของผู้ให้บริการ ความรับผิดของคู่สัญญา ค่าคอมมิชชัน นโยบายการคืนเงิน ความโปร่งใสของอัลกอริทึม (คำสั่ง Omnibus) |
ข้อสัญญาเกี่ยวกับค่าคอมมิชชัน การจัดการการร้องเรียน ความรับผิดแบบจำกัดของตัวกลาง ข้อบังคับในการแจ้งข้อมูลต่อผู้ขายและผู้บริโภค |
ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปด้านการขายจัดทำขึ้นอย่างไร
ไม่สามารถให้คำแนะนำที่เจาะจงได้ว่าควรจัดทำข้อกำหนดและเงื่อนไขการขายทางออนไลน์ที่กำหนดเองและเป็นไปตามข้อกำหนดสำหรับธุรกิจแบบเพาะของคุณ แต่เรามีแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่ควรพิจารณาได้ดังนี้:
- ใช้ข้อความที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย: หลีกเลี่ยงการใช้ข้อกำหนดทางเทคนิคที่ไม่จำเป็น และแบ่งข้อความให้เป็นย่อหน้า
- ป้อนข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด: ระบุตัวตนของผู้ขาย คำอธิบายที่ถูกต้องของผลิตภัณฑ์ วิธีการการชำระเงิน ค่าจัดส่ง เวลาจัดส่ง สิทธิ์ในการเพิกถอน
- ปรับแต่งตามโมเดลธุรกิจของคุณ: ตัวอย่างเช่น ปรับแต่งว่าจะให้โมเดลของคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริการการชำระเงินตามรอบบิล การดาวน์โหลดทางดิจิทัล หรือการขายระหว่างประเทศหรือไม่
- ปรับเงื่อนไขให้สอดคล้องกับเครื่องมือการชำระเงินและการเรียกเก็บเงินของคุณ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อกำหนดและเงื่อนไขการขายทางออนไลน์ของผู้ให้บริการชำระเงินสะท้อนถึงขั้นตอนการชำระเงิน ค่าธรรมเนียม และกำหนดเวลาอย่างถูกต้องแล้ว
- ปรึกษากับทนายความที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอีคอมเมิร์ซ: การรับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญจะสามารถช่วยป้องกันบทลงโทษและการโต้แย้งต่างๆ ได้
ความเสี่ยงในกรณีที่ไม่มีข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปหรือมีไม่เพียงพอ
หากข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปด้านการขายของคุณขาดหายไปหรือไม่ครบถ้วน ก็อาจทำให้ธุรกิจของคุณต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านกฎหมายและพาณิชย์ รวมถึงมีโอกาสได้รับบทลงโทษได้ ตัวอย่างปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้แก่:
- การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนดและเงื่อนไขการขายทางออนไลน์ที่ไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายผู้บริโภคอาจส่งผลให้มีการลงโทษจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของอิตาลี (AGCM)
- การโต้แย้งกับลูกค้า: ในกรณีที่มีการร้องเรียน การคืนสินค้า หรือการโต้แย้งการชำระเงินใดเกิดขึ้น คุณจะปกป้องสิทธิของคุณได้ยากหากไม่ได้มีการเผยแพร่ข้อกำหนดและเงื่อนไขการขายของคุณทางออนไลน์
- ข้อสัญญาที่เป็นโมฆะหรือไม่มีผลใช้งาน: เงื่อนไขทั่วไปที่ไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งของอิตาลีหรือ GDPR อาจไม่มีผลใช้งานได้ ทำให้บริษัทของคุณต้องรับภาระผูกพันที่ไม่คาดคิด (เช่น การคืนเงินอย่างไม่เป็นอันควร ภาระผูกพันในการตอบกลับปัญหาแม้จะอยู่นอกเหนือจากสัญญา)
- การสูญเสียความไว้วางใจจากลูกค้า: ความโปร่งใสเป็นปัจจัยสำคัญในอีคอมเมิร์ซ หากไม่มีข้อกำหนดและเงื่อนไขการซื้อที่ชัดเจนอาจทำให้อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าและความภักดีของลูกค้าลดลงได้
- ปัญหาเกี่ยวกับเกตเวย์การชำระเงินและมาร์เก็ตเพลส: แพลตฟอร์มหลายแห่งกำหนดให้ต้องมีการเผยแพร่ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปของการขายทางออนไลน์เพื่อให้สามารถใช้บริการต่างๆ ได้ หากไม่ได้ระบุข้อกำหนดและเงื่อนไข บัญชีของคุณอาจถูกระงับ
การผสานการทำงานกับ Stripe Payments และ Stripe Connect
เมื่อกำหนดวิธีการชำระเงิน ความรับผิดทางสัญญา และขั้นตอนการชำระเงินในข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปด้านการขาย ควรเลือกเครื่องมือที่สามารถปรับให้ตรงกับข้อสัญญาที่คุณกำลังจัดทำขึ้น โดย Stripe Payments และ Stripe Connect จะช่วยมอบโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับการปรับใช้ข้อตกลงตามสัญญา ขณะที่สามารถมอบความปลอดภัย ความโปร่งใส และทำให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายไปด้วยได้
Stripe Payments ช่วยให้สามารถรับการชำระเงินทางออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย โดยปฏิบัติตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรปอย่างเต็มรูปแบบ และมีประสบการณ์ของผู้ใช้ปรับประสิทธิภาพมาเพื่อเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงิน โดยโครงสร้างพื้นฐานของ Stripe ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ มีการจัดการกระแสเงินสดที่โปร่งใส และสามารถทำงานร่วมกับบัตรและกระเป๋าเงินดิจิทัลรายใหญ่ได้ ทั้งหมดนี้สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนในส่วนข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไป โดยช่วยให้ลูกค้าได้มีความโปร่งใสในด้านขั้นตอนธุรกรรมที่ยอมรับและวิธีการชำระเงิน
ในทางกลับกัน Stripe Connect ก็เหมาะสำหรับมาร์เก็ตเพลสหรือแพลตฟอร์มผู้ขายหลายราย โดยจะช่วยให้สามารถกระจายการชำระเงินระหว่างหลายฝ่ายได้โดยอัตโนมัติ จัดการกระบวนการเริ่มต้นใช้งานของผู้ขาย และลดความซับซ้อนในการรายงานภาษี ข้อกำหนดและเงื่อนไขทั่วไปของการขายทางออนไลน์สามารถสะท้อนให้เห็นรายละเอียดเหล่านี้ได้โดยจะระบุบทบาท ภาระผูกพัน ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บ และกำหนดเวลาสำหรับการจ่ายเงินทุนของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ