เมื่อวางแผนประสบการณ์การชําระเงินออนไลน์ ความสะดวกสบายคือกุญแจสําคัญทั้งสําหรับคุณและลูกค้าของคุณ หน้าการชําระเงินในระบบเป็นสิ่งที่ควรคํานึงถึงสําหรับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าคุณจะจัดการกับการชําระเงินแบบครั้งเดียวหรือการเรียกเก็บเงินตามรอบบิลเป็นหลักหรือไม่ก็ตาม เนื่องจากความมีประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสามารถในการสร้างประสบการณ์ในการทำธุรกรรมที่เรียบง่ายสำหรับลูกค้าของคุณ
การสร้างแพ็กเกจที่ครอบคลุมเพื่อรับการชําระเงินจากลูกค้าเป็นการดําเนินการที่ใหญ่มาก แต่แนวทางเชิงกลยุทธ์สําหรับการชําระเงินและการประมวลผลการชําระเงินเป็นสิ่งสําคัญเช่นเดียวกับกลยุทธ์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด และการให้บริการลูกค้าของคุณ การประเมินตัวเลือกต่างๆ เช่น หน้าการชําระเงินในระบบของบริษัทอื่นจําเป็นต่อระบบนิเวศการชําระเงินที่วางแผนไว้
ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรทราบหากกําลังพิจารณาหน้าการชําระเงินในระบบของบริษัทอื่นสำหรับธุรกิจคุณ
บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
- หน้าการชำระเงินในระบบของบริษัทอื่นคืออะไร
- หน้าการชำระเงินในระบบของบริษัทอื่นทํางานอย่างไร
- การปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI DSS คืออะไร
- สิทธิประโยชน์ของหน้าการชำระเงินในระบบของบริษัทอื่น
- ทางเลือกสําหรับหน้าการชำระเงินในระบบของบริษัทอื่นที่เชื่อมต่อกับระบบของเรา
หน้าการชําระเงินในระบบคืออะไร
หน้าการชําระเงินในระบบคือหน้าเว็บที่โฮสต์โดยบริษัทอื่น ซึ่งมีฟังก์ชันการชําระเงินที่ปลอดภัยสําหรับเว็บไซต์ธุรกิจ ช่วยให้ธุรกิจที่รับการชําระเงินออนไลน์ไม่จำเป็นต้องสร้างและจัดการเกตเวย์การชําระเงินบนเว็บไซต์ของตัวเอง
หน้าการชําระเงินในระบบรองรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย ได้แก่
- บัตรเครดิต
- บัตรเดบิต
- กระเป๋าเงินดิจิทัล (Apple Pay, Google Pay, Amazon Pay ฯลฯ)
- บัญชีธนาคารผ่านการชําระเงินแบบ ACH
หน้าการชําระเงินในระบบส่วนใหญ่สามารถปรับแต่งให้ยอมรับบัตรของขวัญที่ออกโดยร้านค้า รหัสส่วนลด และคะแนนสะสมได้
หน้าการชําระเงินในระบบเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "การชําระเงินภายนอก" "การชําระเงินของบริษัทอื่น" "เกตเวย์การชําระเงินในระบบ" "หน้าการชําระเงินภายนอก" และ "หน้าการชําระเงิน"
หน้าการชําระเงินในระบบทํางานอย่างไร
หน้าการชําระเงินในระบบจะจัดการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
- รับข้อมูลการชําระเงินจากเจ้าของบัตร
- รวบรวมรายละเอียดสําหรับการอนุมัติบัตร เช่น หมายเลขบัตร วันหมดอายุ รหัส CVV และรหัสไปรษณีย์ของเจ้าของบัตร
- ส่งข้อมูลการชําระเงินให้ผู้ประมวลผลการชําระเงินของธุรกิจ ซึ่งจะส่งข้อมูลไปให้บริษัทผู้ออกบัตรเพื่อรับการอนุมัติ
- ยืนยันรายละเอียดการจัดส่ง เช่น ที่อยู่สําหรับจัดส่งและระดับความสําคัญในการจัดส่ง (การจัดส่งทางบกมาตรฐาน การจัดส่งใน 2 วัน การจัดส่งข้ามคืน ฯลฯ)
- ส่งการอนุมัติหรือปฏิเสธบัตร
- ส่งรหัสยืนยันหรือหมายเลขคําสั่งซื้อให้กับลูกค้า
- เริ่มส่งใบเสร็จให้ลูกค้าทางอีเมล (หากมี)
ประสบการณ์การชําระเงินของลูกค้าจะมีลักษณะดังนี้เมื่อใช้งานหน้าการชําระเงินในระบบ
- ในเว็บไซต์ของธุรกิจ ลูกค้าจะเพิ่มรายการสินค้าลงในรถเข็นดิจิทัลแล้วคลิกที่ปุ่มการชําระเงิน
- ระบบจะเปลี่ยนเส้นทางลูกค้าไปยังหน้าการชําระเงิน ซึ่งโฮสต์โดยบริการภายนอก
- ลูกค้ากรอกข้อมูลการชําระเงิน รายละเอียดการจัดส่ง และข้อมูลอื่นๆ ที่จําเป็น
- หลังจากลูกค้าได้รับอนุมัติบัตร ลูกค้าจะได้รับแจ้งว่าธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์แล้ว และระบบจะนำทางลูกค้ากลับไปที่เว็บไซต์ของธุรกิจ
ธุรกิจออนไลน์สามารถใช้งานตัวเลือกต่างๆ สําหรับหน้าการชําระเงินในระบบได้มากขึ้น เช่น Stripe Checkout ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจควบคุมรูปลักษณ์ของหน้าเว็บและปรับให้เหมาะกับการสร้างแบรนด์ผ่านภาพในส่วนที่เหลือของเว็บไซต์ได้ คุณสามารถปรับแต่งสี แบบอักษร รูปทรง และการตั้งค่าการสร้างแบรนด์ผ่านภาพแบบอื่นๆ รวมทั้งใช้โดเมนของคุณเองได้ โดยเป้าหมายสุดท้ายคือการทำให้หน้าการชําระเงินทำงานเข้ากับเว็บไซต์ของคุณได้อย่างราบรื่น
การปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI DSS คืออะไร
"การปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI DSS" คือคําที่มักปรากฏในอุตสาหกรรมการชําระเงิน แม้การปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI DSS จะมีความซับซ้อน แต่เป็นเรื่องสําคัญที่จะต้องทําความเข้าใจ โดยเฉพาะในด้านการรับการชําระเงินและการสร้างหน้าการชําระเงิน "PCI DSS" คือ "มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยข้อมูลสําหรับอุตสาหกรรมบัตรชําระเงิน" PCI เป็นองค์กรที่บริหาร PCI Security Standards Council ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2549 โดย Visa, American Express, Discover, JCB International และ Mastercard เพื่อสร้างชุดมาตรฐานร่วมกันสำหรับการรักษาความปลอดภัยการชำระเงินผ่านบัตร
เพื่อให้ธุรกิจยังคงปฏิบัติตาม PCI DSS ได้ ธุรกิจจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดบางประการ ข้อกําหนดเหล่านี้จะจัดกลุ่มเป็นระดับต่างๆ โดยขึ้นอยู่กับปริมาณธุรกรรมที่ธุรกิจจัดการในแต่ละปี
- ระดับ 1: ธุรกิจที่ประมวลผลธุรกรรมผ่านบัตรกว่า 6 ล้านรายการต่อปี
- ระดับ 2: ธุรกิจที่ประมวลผลธุรกรรมมากกว่า 1 ล้านรายการ มีธุรกรรมไม่เกิน 6 ล้านรายการต่อปี
- ระดับ 3: ธุรกิจที่ประมวลผลธุรกรรม 20,000 ถึง 1 ล้านรายการต่อปี
- ระดับ 4: ธุรกิจที่ประมวลผลธุรกรรมน้อยกว่า 20,000 รายการต่อปี
รายการข้อกําหนดของ PCI ทั้งหมดมีความยาวและอัปเดตเป็นประจํา ซึ่งกำหนดให้ผู้ให้บริการชำระเงินต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องข้อมูลของเจ้าของบัตร รวมถึงการดำเนินการต่อไปนี้
- การดูแลรักษาไฟร์วอลล์เพื่อปกป้องข้อมูลของเจ้าของบัตร
- เข้ารหัสการส่งข้อมูลบัตร
- จํากัดผู้มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลที่จัดเก็บไว้
- ปกป้องระบบทั้งหมดจากมัลแวร์และทําให้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเป็นปัจจุบัน
ต่อไปนี้คือลิงก์ไปยัง PCI DSS ล่าสุด
มาตรฐานที่เข้มงวดเหล่านี้เป็นเหตุผลสําคัญที่ธุรกิจออนไลน์จํานวนมากต้องการใช้หน้าการชําระเงินในระบบของบริษัทอื่น การดูแลให้การปฏิบัติตามข้อกําหนดของ PCI DSS เป็นภาระที่ยากแต่เป็นสิ่งที่สําคัญมาก สำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ การเลือกหน้าการชำระเงินในระบบของบริษัทอื่นนั้นง่ายกว่า และหลีกเลี่ยงความกังวลเกี่ยวกับการรักษาให้สอดคล้องกับระบบการชำระเงินภายในองค์กร
ประโยชน์ของหน้าการชําระเงินในระบบ
หากคุณเลือกใช้หน้าการชําระเงินในระบบ คุณจะได้รับประโยชน์มากมายดังต่อไปนี้
หน้าเว็บออกแบบและจัดทำโดยผู้เชี่ยวชาญ
หนึ่งในสาเหตุหลักที่ธุรกิจเลือกใช้หน้าการชําระเงินในระบบคือประสบการณ์การชําระเงินที่ดียิ่งขึ้น ธุรกิจขนาดเล็กส่วนใหญ่ไม่มีงบประมาณพอที่จะจ้างทีมวิศวกรและนักออกแบบที่มีขนาด ขอบเขตการทำงาน และความสามารถเท่ากับของ Stripe ได้ แต่เมื่อคุณใช้หน้าการชําระเงินในระบบอย่างเช่น Stripe Checkout คุณจะมีทีมงานระดับโลกที่มุ่งทำงานสําคัญเพียงอย่างเดียว นั่นคือ ทําให้ทุกอย่างในหน้าการชําระเงินของคุณดูน่าทึ่งและใช้งานได้ดีการรักษาความปลอดภัย
การรักษาความปลอดภัยเป็นข้อกังวลหลักสําหรับธุรกิจและลูกค้าที่ใช้ธุรกรรมออนไลน์ หน้าการชําระเงินในระบบของเราที่มี Stripe Checkout ใช้แมชชีนเลิร์นนิงในการตรวจจับมิจฉาชีพที่อาจจะฉ้อโกง พร้อมทั้งรักษามาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลลูกค้า นอกจากนี้ Checkout ยังมีตัวเลือกให้คุณปรับแต่งระดับการรักษาความปลอดภัยในหน้าการชําระเงิน เช่น การเพิ่มมาตรการการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับการชําระเงินที่มีความเสี่ยงสูงลดความยุ่งยากจนเหลือน้อยที่สุดเพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นสําหรับลูกค้า
Stripe Checkout มอบขั้นตอนการชําระเงินที่สะดวกง่ายดายให้กับลูกค้า ซึ่งช่วยให้ลูกค้านําข้อมูลของตัวเองกลับมาใช้ได้หากเคยซื้อสินค้าหรือบริการกับคุณมาก่อน พร้อมทั้งแจ้งข้อผิดพลาดและการละเว้นตกหล่นแบบเรียลไทม์ ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ลูกค้าชำระเงินได้อย่างราบรื่น ได้แก่- การกรอกข้อมูลที่อยู่อัตโนมัติ
- การชําระเงินได้ภายในคลิกเดียวโดยใช้ Link
- การตรวจสอบบัตรแบบเรียลไทม์
- ข้อความแสดงข้อผิดพลาดโดยละเอียด
- การป้อนข้อมูลจากบุคคลที่สามโดยอัตโนมัติ
- การระบุแบรนด์บัตร
- การใช้วิธีการชําระเงินซ้ำ
- จํานวนที่ปรับเปลี่ยนได้
- การกรอกข้อมูลที่อยู่อัตโนมัติ
อัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงินเพิ่มขึ้นและยอดขายสูงขึ้น
ประสบการณ์การชําระเงินที่เรียบง่ายสําหรับลูกค้ามีประโยชน์อย่างไร คำตอบคือเพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชําระเงิน จากข้อมูลของ Baymard Institute 68% ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซจะละทิ้งรถเข็น และ 17% ของรถเข็นที่ถูกละทิ้งเกิดจากขั้นตอนการชําระเงินที่ใช้เวลานานหรือซับซ้อนเกินไป ดังนั้น หากคุณทําธุรกิจออนไลน์ คุณย่อมรู้อยู่แล้วว่าประสบการณ์บนเว็บไซต์ที่สะดวกง่ายดายและน่าเพลิดเพลิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสําคัญอย่างตอนที่ลูกค้ากำลังซื้อสินค้าหรือบริการ เป็นตัวตัดสินใจได้เลยว่าคุณจะขายได้หรือไม่ได้การขยายบริการทั่วโลก
หน้าการชําระเงินในระบบของ Stripe พร้อมให้บริการในกว่า 30 ภาษาและ 130 สกุลเงิน ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเติบโตอยู่ในระยะใดหรือดำเนินธุรกิจที่ไหน หน้าชําระเงินในระบบจะเตรียมสิ่งที่คุณจำเป็นต้องใช้สำหรับการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนกระบวนการชําระเงินออนไลน์ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ต่างๆ
หน้าการชําระเงินในระบบของเราออกแบบมาให้ใช้งานได้กับอุปกรณ์ทุกเครื่องที่ลูกค้าของคุณใช้ซื้อสินค้า Stripe Checkout มีหน้าชําระเงินที่ใช้งานง่าย และปรับเปลี่ยนไปตามอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป และนอกเหนือจากการทํางานอย่างลื่นไหลบนทุกอุปกรณ์แล้ว หน้าการชําระเงินในระบบของ Stripe ยังยอมรับกระเป๋าเงินดิจิทัลชั้นนําอย่าง Apple Pay และ Google Pay ด้วย
ทางเลือกสําหรับหน้าการชําระเงินในระบบของบริษัทอื่น
หากธุรกิจของคุณรับการชําระเงินออนไลน์ คุณต้องใช้เกตเวย์การชําระเงิน อีกทางเลือกหนึ่งในการใช้หน้าการชําระเงินในระบบของบริษัทอื่นก็คือการสร้างเกตเวย์การชําระเงินไว้ในเว็บไซต์ของคุณโดยตรง ในสถานการณ์นี้ ลูกค้าจะป้อนข้อมูลการชําระเงินและทําธุรกรรมทั้งหมดบนเว็บไซต์ของคุณได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปยังหน้าการชําระเงินภายนอก
เมื่อคุณใช้เกตเวย์การชําระเงินของคุณเอง คุณจะต้องรับผิดชอบต่อการสร้างหน้าชําระเงินและการดูแลรักษาหน้าดังกล่าวด้วย หากคุณเลือกเส้นทางนี้ คุณจะต้องหานักพัฒนา วิศวกร และทรัพยากรด้านการออกแบบที่เหมาะสมในการสร้างหน้านี้ อัปเดตหน้านี้ และดูแลจัดการให้ทำงานได้
เช่นเดียวกับคอมโพเนนต์ของเว็บไซต์อื่นๆ คุณอาจพบปัญหาเกี่ยวกับหน้าการชําระเงินเป็นครั้งคราว แต่ต่างจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับส่วนที่ไม่สำคัญมากนักของเว็บไซต์ของคุณ ปัญหาในหน้าการชําระเงินอาจหยุดการขายของคุณไปเลย ความเสี่ยงสูง
ข้อดีของหน้าการชําระเงินในระบบของบริษัทอื่นคือวิธีที่ช่วยชดเชยความกดดันนี้ ด้วยโซลูชันการชําระเงินในระบบอย่าง Stripe Checkout กระบวนการชําระเงินทั้งหมดจะถูกสร้างขึ้นและเก็บไว้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการสร้างและจัดการเกตเวย์การชําระเงินของตนเองได้ การปรับแต่งในระดับสูงพร้อมหน้าการชําระเงินในระบบของ Stripe Checkout ให้ผลดีทั้งต่อคุณและลูกค้า
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ