ข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่โดยกระทรวงเศรษฐกิจและการเงินอิตาลีแสดงให้เห็นว่า การหลบเลี่ยงภาษีและเงินสมทบประกันสังคมทำให้อิตาลีสูญเสียรายรับถึง 8.36 หมื่นล้านยูโรในปี 2021 โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็น การสูญเสียรายรับจากภาษีประมาณ 7.32 หมื่นล้านยูโร และการสูญเสียรายรับจากเงินสมทบประกันสังคมประมาณ 1.04 หมื่นล้านยูโร แม้ว่าตัวเลขนี้จะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ก็ยังเป็นจำนวนที่สูงอยู่ และรัฐบาลอิตาลียังคงมองหาวิธีใหม่ๆ ในการกู้คืนรายรับภาษีที่สูญเสียไป ซึ่งทำให้เกิดการปฏิรูปการประเมินภาษี โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อต่อสู้กับการหลีกเลี่ยงภาษีผ่านการกระตุ้นให้ผู้เสียภาษียื่นแบบแสดงภาษีที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มการปฏิบัติตามภาระหน้าที่ทางภาษีโดยสมัครใจ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปฏิรูปการประเมินภาษี แง่มุมสำคัญของการปฏิรูป และกำหนดเวลาบังคับใช้
เนื้อหาหลักในบทความ
- การปฏิรูปการประเมินภาษีคืออะไร
- แง่มุมสำคัญของการปฏิรูป
- กำหนดเวลาบังคับใช้การปฏิรูปการประเมินภาษี
การปฏิรูปการประเมินภาษีคืออะไร
ในอิตาลี ผู้เสียภาษีมีหน้าที่รับผิดชอบในการคำนวณภาษีของตนเอง โดยการยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามภาระผูกพันทางกฎหมายโดยสมัครใจ ขั้นตอนนี้ประกอบด้วยการประเมินภาษีที่ดำเนินการโดยกรมสรรพากรอิตาลี ซึ่งอาจนำไปสู่การออกหนังสือประเมินภาษี เพื่อให้รัฐบาลสามารถติดตามตรวจสอบพฤติกรรมของผู้เสียภาษีที่เกี่ยวข้องกับการเสียภาษีและออกบทลงโทษได้
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2024 รัฐกิจจานุเบกษาแห่งสาธารณรัฐอิตาลีได้ประกาศกำหนดเวลาบังคับใช้กฤษฎีกาอิตาลีฉบับที่ 13 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งกำหนดบทบัญญัติใหม่เกี่ยวกับการประเมินภาษีและการจัดทำข้อตกลงระยะ 2 ปีกับเจ้าหนี้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือการปฏิรูปการประเมินภาษี เราจะมาเจาะลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดและแง่มุมสำคัญของการปฏิรูปครั้งนี้กัน
แง่มุมสำคัญของการปฏิรูป
กฤษฎีกานี้แบ่งออกเป็นสองส่วน โดยส่วนแรกเกี่ยวข้องกับการประเมินภาษี ส่วนที่สองเกี่ยวข้องกับการจัดทำข้อตกลงระยะ 2 ปีกับเจ้าหนี้ แง่มุมสำคัญของการปฏิรูปมีภาพรวมดังต่อไปนี้
- การระงับข้อพิพาททางภาษีและการสอบเทียบเชิงป้องกัน
- การแจ้งเตือนและการสื่อสารผ่านที่อยู่ดิจิทัล
- ความร่วมมือระหว่างประเทศ
- การป้องกันและปราบปรามการหลีกเลี่ยงและการฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
- การแก้ไขระยะเวลาจำกัดและระยะเวลาสิ้นสุดสำหรับการประเมินภาษี
- การกำกับดูแลการจัดทำข้อตกลงระยะ 2 ปีกับเจ้าหนี้
การระงับข้อพิพาททางภาษีและการสอบเทียบเชิงป้องกัน
ในส่วนของประเมินภาษี การเปลี่ยนแปลงหลักๆ เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติใหม่ๆ ที่มุ่งประสานขั้นตอนสำหรับการระงับข้อพิพาททางภาษี (ที่กำหนดไว้ในกฤษฎีกาอิตาลีฉบับที่ 218/1997) กับข้อบทบัญญัติที่กำกับดูแลภาระผูกพันในการดำเนินการสอบเทียบเชิงป้องกัน ตามที่กำหนดไว้ในรัฐบัญญัติอิตาลีว่าด้วยสิทธิของผู้เสียภาษี (กฎหมายอิตาลีฉบับที่ 212/2000) ซึ่งบทบัญญัตินี้ได้นำมาใช้ตามกฎหมายการมอบอำนาจของอิตาลีฉบับที่ 111/2023 ทั้งนี้ เราจำเป็นต้องชี้แจงความหมายของ “การระงับข้อพิพาททางภาษี” และ “การสอบเทียบเชิงป้องกัน” เสียก่อน
มาตรา 1 ของกฤษฎีกาอิตาลีฉบับที่ 13 กำหนดให้มีการประเมินภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมกับการเรียกคืนเครดิตที่หักไว้โดยไม่ถูกต้องซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับการประเมินก่อนหน้านี้ โดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้เสียภาษี การระงับข้อพิพาททางภาษีคือ "ข้อตกลง" ที่ผู้เสียภาษีและรัฐบาลสามารถตกลงกันได้ทั้งก่อนหรือหลังจากได้รับหนังสือประเมินภาษี โดยมีเงื่อนไขว่าผู้เสียภาษีต้องไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลภาษี ข้อตกลงนี้ช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถแก้ไขการเรียกเก็บภาษีผ่านการสอบเทียบเชิงป้องกัน ซึ่งช่วยหลีกเลี่ยงข้อพิพาทที่จะเกิดขึ้นได้ หลังจากระงับข้อพิพาททางภาษีประสบความสำเร็จแล้ว ผู้เสียภาษีจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติม โดยจะเสียค่าปรับเพียงหนึ่งในสามของค่าปรับขั้นต่ำ
ผู้เสียภาษีทุกประเภท ซึ่งรวมถึงบุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วน สมาคมวิชาชีพ บริษัท และนิติบุคคลต่างๆ ล้วนมีสิทธิ์ในการระงับข้อพิพาททางภาษี การระงับข้อพิพาททางภาษีจะใช้บังคับกับภาษีทางตรงทั้งหมดและภาษีทางอ้อมที่สำคัญส่วนใหญ่ โดยไม่คำนึงถึงจำนวนเงินในข้อพิพาท
การสอบเทียบเชิงป้องกันหมายถึงกระบวนการที่กรมสรรพากรอิตาลีต้องแจ้งให้ผู้เสียภาษีทราบถึงเจตนาและเหตุผลของประเมินก่อนจะเริ่มกระบวนการประเมินภาษี การดำเนินการนี้มีความสำคัญ เนื่องจากมีเป้าหมายเพื่อสร้างสมดุลระหว่างสิทธิของผู้เสียภาษีในการชี้แจงเหตุผล (ก่อนที่รัฐบาลจะดำเนินการที่ส่งผลกระทบโดยตรง) กับความจำเป็นด้านประสิทธิภาพของหน่วยงานบริหาร กฎหมายอิตาลีว่าด้วยสิทธิของผู้เสียภาษีได้นำการสอบเทียบเชิงป้องกันมาใช้อยู่ก่อนแล้ว โดยมีผลเหนือข้อจำกัดที่เคยเสนอมาก่อนหน้านี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของภาษี วิธีการประเมิน และการยื่นหรือไม่ยื่นข้อสังเกตที่สมเหตุสมผลในขั้นตอนการเจรจา
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการปฏิรูปการประเมินภาษีจะทำให้คุณซึ่งเป็นผู้เสียภาษีมีสองทางเลือกเมื่อได้รับข้อมูลสรุปเกี่ยวกับการสอบเทียบเชิงป้องกัน ดังนี้
- คุณสามารถส่งข้อสังเกตภายใน 60 วันถัดไป
- คุณสามารถยื่นคำร้องขอระงับข้อพิพาททางภาษีภายใน 30 วันหลังจากได้รับหนังสือประเมินภาษี
เฉพาะกรณีแรกเท่านั้นที่จะกระตุ้นกระบวนการสอบเทียบเชิงป้องกัน หากไม่สำเร็จ การออกหนังสือประเมินภาษีฉบับสุดท้ายจะเร่งกระบวนการประเมินต่อๆ ไปโดยถือว่ามีการยอมรับ ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายได้ชี้แจงเหตุผลของข้อพิพาทในขั้นตอนการสอบเทียบแล้ว
การแจ้งเตือนและการสื่อสารผ่านที่อยู่ดิจิทัล
การปฏิรูปการประเมินภาษีขยายขอบเขตความสามารถของหน่วยงานภาษีในการส่งเอกสารทางภาษีผ่านอีเมลที่ผ่านการรับรองให้แก่ผู้เสียภาษีทุกรายที่มีที่อยู่ดิจิทัล ก่อนหน้านี้ ผู้รับเพียงกลุ่มเดียวที่ได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมลที่ผ่านการรับรอง ได้แก่ ธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นบริษัท ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในทะเบียนและรายชื่อที่เกี่ยวข้อง ผู้ดูแลการล้มละลาย ผู้ชำระบัญชีศาล และหน่วยงานรัฐ นอกเหนือจากบุคคลธรรมดาที่ไม่มีภาระผูกพันแต่ได้ร้องขอวิธีการสื่อสารนี้ไว้อย่างชัดแจ้ง
กฎหมายฉบับใหม่ยังชี้แจงและปรับโฉมกฎระเบียบสำหรับการส่งการแจ้งเตือนให้สำเร็จ รวมทั้งลดความซับซ้อนในการจัดการกับความผิดปกติหรือปัญหาจากการที่ไม่สามารถนำส่งข้อความที่ส่งไปแล้วโดยแยกตามผู้รับ สำหรับเอกสาร หนังสือแจ้ง และคำสั่งที่กฎหมายกำหนดให้รัฐบาลต้องส่ง หากที่อยู่ดิจิทัลที่มีไว้รับจดหมายเต็ม หน่วยงานต้องทำการส่งซ้ำอย่างน้อย 7 วันหลังจากการส่งครั้งแรก
หากมีความพยายามส่งเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่กล่องจดหมายหรือบริการนำส่งที่ผ่านการรับรองซึ่งได้รับอนุญาตเต็ม หรือหากที่อยู่ดิจิทัลที่มีไว้รับจดหมายไม่ถูกต้องหรือไม่มีการใช้งาน หน่วยงานภาษีอาจใช้บทบัญญัติการแจ้งเตือนปกติสำหรับผู้เสียภาษีที่เป็นบุคคลธรรมดา และสำหรับธุรกิจและผู้ประกอบวิชาชีพ หน่วยงานภาษีอาจยื่นเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ในพื้นที่ส่วนตัวของเว็บไซต์ InfoCamere S.C.p.A. การปฏิรูปยังได้กำหนดให้มีการเผยแพร่หนังสือแจ้งที่เกี่ยวข้องบนเว็บไซต์เดียวกันภายใน 2 วันหลังวันที่ยื่นเอกสารเป็นระยะเวลา 15 วัน นอกจากนี้ หน่วยงานภาษีจะแจ้งผู้รับการสื่อสารทางไปรษณีย์ลงทะเบียนโดยไม่ต้องมีพิธีการเพิ่มเติมใดๆ
ความร่วมมือระหว่างประเทศ
การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เป็นผลจากกฤษฎีกาว่าด้วยการประเมินภาษีในส่วนของความร่วมมือระหว่างประเทศ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลตามคำขอ โดยกำหนดว่าหน่วยงานภาษีสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็นกับหน่วยงานที่มีอำนาจอื่นๆ ของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและเขตอำนาจศาลของประเทศที่สามที่มีสนธิสัญญาสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าการประเมินภาษีประเภทใดๆ ที่จัดเก็บโดยหรือในนามของหน่วยงานภาษีและหน่วยงานในเขตพื้นที่ รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่นเป็นไปอย่างถูกต้อง
หนึ่งในบทบัญญัติที่สำคัญที่สุดกำหนดว่าหน่วยงานจะไม่แลกเปลี่ยนข้อมูลหากข้อมูลนั้นอาจเปิดเผยความลับทางการค้า อุตสาหกรรม หรือวิชาชีพ หรือกระบวนการทางธุรกิจ หรือก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ อีกเหตุผลหนึ่งสำหรับการปฏิเสธการแลกเปลี่ยนข้อมูล คือ เมื่อหน่วยงานที่มีอำนาจของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่ร้องขอไม่สามารถให้ข้อมูลประเภทเดียวกันได้ด้วยเหตุผลทางข้อเท็จจริงหรือกฎหมาย
การป้องกันและปราบปรามการหลีกเลี่ยงและการฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในด้านการป้องกันและปราบปรามการหลีกเลี่ยงและการฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม เกี่ยวข้องกับการกำหนดกฎที่เข้มงวดขึ้นสำหรับบุคคลที่สมัครลงทะเบียนกับระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่ม (VIES) ในอิตาลี ซึ่งไม่ใช่ผู้พำนักอาศัยในประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปหรือเขตเศรษฐกิจยุโรป บุคคลทั่วไปสามารถลงทะเบียนได้ก็ต่อเมื่อมีการออกหลักประกันที่เหมาะสม กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินอิตาลีจะกำหนดเกณฑ์และขั้นตอนการออกหลักประกันโดยมีกฤษฎีกากำกับ
การเริ่มหรือเปลี่ยนแปลงกิจกรรมที่มีการแจ้งให้ระบุหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีในฐานข้อมูลของบุคคลที่ต้องเสียภาษีซึ่งดำเนินธุรกรรม จะต้องยื่นโดยตัวแทนภาษีต่อกรมสรรพากรอิตาลี ตัวแทนภาษีนี้ต้องตรวจสอบว่าเอกสารที่ผู้เสียภาษีจัดทำขึ้นนั้นครบถ้วนสมบูรณ์และตรงกับข้อมูลที่ตนมีอยู่ในครอบครอง มิฉะนั้นจะมีปรับทางปกครองตั้งแต่ 3,000 ถึง 50,000 ยูโร
การแก้ไขระยะเวลาจำกัดและระยะเวลาสิ้นสุดสำหรับการประเมินภาษี
ระบบภาษีกำหนดระยะเวลาที่เจาะจงสำหรับการตรวจสอบภาษี ซึ่งหากเกินเวลานี้แล้ว หน่วยงานสรรพากรจะไม่สามารถเริ่มการประเมินภาษีได้ กฤษฎีกาอิตาลีฉบับที่ 13 ได้แก้ไขระยะเวลาจำกัดและระยะเวลาสิ้นสุดสำหรับการประเมินภาษี รวมถึงกำหนดเส้นตายสำหรับการยื่นแบบแสดงรายการล่าช้า โดยกำหนดเส้นตายหลักๆ มีดังนี้
- หน่วยงานภาษีจะถือว่าแบบแสดงรายการภาษีทั้งหมดที่ยื่นภายใน 90 วันหลังเส้นตายไม่เป็นโมฆะ (โดยมีบทลงโทษทางปกครองสำหรับการยื่นล่าช้า) ส่วนแบบแสดงรายการภาษีที่ยื่นหลังพ้นเส้นตายเกิน 90 วันหลังจะถือว่าเป็นโมฆะ อย่างไรก็ตาม แบบดังกล่าวจะยังคงเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับการเรียกเก็บภาษีค้างชำระตามจำนวนเงินที่ต้องเสียภาษีที่ระบุไว้
- ในกรณีที่มีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีไม่ถูกต้อง รัฐบาลจะไม่สามารถดำเนินการกับการประเมินภาษีหลังวันที่ 31 ธันวาคมของปีที่ 5 นับจากปีที่ผู้เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษีไม่ถูกต้อง
- ในกรณีที่มีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีแบบหัก ณ ที่จ่าย รัฐบาลจะไม่สามารถดำเนินการกับการประเมินภาษีหลังวันที่ 31 ธันวาคมของปีที่ 7 นับจากปีที่ผู้เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษี
- ตั้งแต่วันที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปี 2024 เป็นต้นไป รัฐบาลจะไม่สามารถดำเนินการเพื่อรับภาษีที่ยื่นแต่ยังไม่ได้ชำระ รวมถึงดอกเบี้ยและโทษปรับที่เกี่ยวข้องหลังวันที่ 31 ธันวาคมของปีที่ 3 หลังจากปีที่ผู้เสียภาษียื่นแบบแสดงรายการภาษี หลังจากพ้น 3 ปีดังกล่าวไปแล้วนับจากวันที่มีการระงับข้อพิพาททางภาษีขั้นสุดท้าย รัฐบาลจะไม่สามารถดำเนินการเพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมภาษีเพิ่มเติมได้อีกต่อไป
การกำกับดูแลการจัดทำข้อตกลงระยะ 2 ปีกับเจ้าหนี้
รัฐบาลอิตาลีได้นำการทำข้อตกลงระยะ 2 ปีกับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปการประเมินภาษีมาใช้เพื่อปราบปรามการหลีกเลี่ยงภาษี โดยมีเป้าหมายเพื่อกู้คืนรายได้ให้มากที่สุด และส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าร่วมโครงการริเริ่มด้านภาษีใหม่นี้โดยสมัครใจ แต่ข้อตกลงระยะ 2 ปีกับเจ้าหนี้คืออะไร และมีหลักการทำงานอย่างไร
การจัดทำข้อตกลงระยะ 2 ปีจะช่วยให้กรมสรรพากรอิตาลีสามารถเสนอการระงับข้อพิพาททางภาษีแก่ผู้เสียภาษีที่เกี่ยวข้อง โดยอิงจากประมาณการล่วงหน้าและครอบคลุมระยะเวลา 2 ปี ได้แก่ ปีที่ผู้เสียภาษีเข้าร่วมข้อตกลงและปีถัดไป ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมการจัดทำข้อตกลงนี้ได้แก่
- บุคคลทั่วไปหรือนิติบุคคลที่ดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ศิลปะ หรือวิชาอาชีพที่ใช้ "Indici sintetici di affidabilità" (ISA หรือดัชนีความน่าเชื่อถือโดยสรุป)
- ผู้เสียภาษีที่มีสิทธิ์ในระบบภาษีอัตราคงที่ ซึ่งในกรณีนี้ ผู้เสียภาษีต้องดำเนินกิจกรรมมาแล้ว มากกว่า 2 ปีภาษี
กรณีต่อไปนี้เป็นเหตุผลเฉพาะสำหรับการยกเว้น ซึ่งไม่อนุญาตให้ผู้เสียภาษีเข้าร่วมการจัดทำข้อตกลงนี้
- หากผู้เสียภาษีมีหนี้ประกันสังคมหรือหนี้ภาษีเกิน 5,000 ยูโร (ยกเว้นผู้ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระหรือพักชำระหนี้)
- หากผู้เสียภาษีไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีในช่วง 3 ปีล่าสุดของการจัดทำข้อตกลงที่มีผลบังคับใช้
- หากผู้เสียภาษีเคยถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฟอกเงิน ฟอกเงินด้วยตนเอง หรือให้ข้อมูลบริษัทอันเป็นเท็จในช่วง 3 ปีล่าสุดของข้อการจัดทำตกลงที่มีผลบังคับใช้
นอกจากนี้ การจัดทำข้อตกลงจะเป็นโมฆะ หาก
- ผู้เสียภาษีแก้ไขแบบแสดงรายการภาษี ซึ่งส่งผลให้มูลค่าการผลิตและรายได้ที่แจ้งไว้ในบริบทของการจัดทำข้อตกลงเปลี่ยนไปด้วย
- แบบแสดงรายการภาษีมีข้อผิดพลาดเกินขีดจำกัดที่อนุญาต 30%
ผู้เสียภาษีต้องเข้าร่วมการจัดทำข้อตกลงระยะ 2 ปีกับเจ้าหนี้ภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2024 โดยกรอกข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องในแบบฟอร์มรายการแสดงภาษีเงินได้ (แบบฟอร์ม CPB สำหรับผู้เสียภาษี ISA และส่วน VI, กรอบ LM ของโมเดลรายได้ PF สำหรับผู้เสียภาษีแบบอัตราคงที่ ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานออนไลน์ในเวอร์ชันที่อัปเดตตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2024)
ในการตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมการจัดทำข้อตกลงระยะ 2 ปีกับเจ้าหนี้หรือไม่ ธุรกิจต้องพิจารณาข้อดีและข้อเสีย ภาษีที่ต้องชำระถูกกำหนดไว้เป็นเวลา 2 ปี ดังนั้นธุรกิจที่มีรายรับสูงกว่าที่รายงานไว้จะเสียภาษีน้อยลง ในทางกลับกัน จะไม่มีการคืนเงิน รวมถึงในกรณีที่มีการรายงานรายรับต่ำกว่าความเป็นจริง ด้วยเหตุนี้ เราจึงแนะนำให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่บัญชีของคุณเมื่อตัดสินใจว่าจะใช้ทางเลือกนี้หรือไม่
กำหนดเวลาบังคับใช้การปฏิรูปการประเมินภาษี
การปฏิรูปการประเมินภาษีมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2024 อย่างไรก็ตาม เราควรทราบว่าบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปการประเมินภาษีที่มีการสอบเทียบเชิงป้องกันมีผลบังคับใช้กับกฎหมายที่ออกตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2024 เป็นต้นไป ในขณะเดียวกัน บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำข้อตกลงระยะ 2 ปีกับเจ้าหนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปีภาษีถัดจากปีที่กำลังดำเนินอยู่ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ