theCut ใช้ Stripe เพื่อสร้างประสบการณ์การชำระเงินแบบครบวงจร

theCut สร้างขึ้นโดย 2 เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยมัธยมปลาย โดยเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีเพื่อช่างตัดผมและลูกค้าที่นำเสนอประสบการณ์ในร้านตัดผมแบบออฟไลน์ในยุคปัจจุบัน theCut มีผู้ใช้มากกว่า 5 ล้านคนในสหรัฐฯ และมียอดจองเพื่อเข้ารับบริการมาแล้วเกือบ 60 ล้านครั้งกับช่างตัดผมกว่า 50,000 คน

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้

    Payments
    Connect
    Terminal
    Identity
    Billing
อเมริกาเหนือ
แพลตฟอร์ม

ความท้าทาย

ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2016 ทาง theCut ก็มีพันธกิจในการปรับให้ประสบการณ์ในร้านตัดผมทันสมัยยิ่งขึ้น ซึ่งร้านตัดผมนี้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ยังพึ่งพาการชำระเงินด้วยเงินสด และยังใช้การจดบันทึกข้อมูลในกระดาษ รวมถึงการบอกต่อบริการแบบปากต่อปากอยู่

"เราต้องการสร้างแพลตฟอร์มสำหรับช่างตัดผมที่จะสร้างธุรกิจที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยให้ช่างใช้เวลาไปกับสิ่งที่เชี่ยวชาญมากที่สุดได้เต็มที่ ซึ่งก็คือการตัดผมนั่นเอง" Kush Pate ประธานบริหารฝ่ายเทคโนโลยีของ theCut กล่าว

"มาร์เก็ตเพลสแบบ 2 ด้าน" ของ theCut จะแก้ไขปัญหาที่สำคัญของทั้งช่างตัดผมและลูกค้า เช่น เวลารอที่นานและการจองนัดหมายแล้วไม่มาตามนัด โดยช่างตัดผมสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อดำเนินในธุรกิจได้ทุกๆ ด้าน ตั้งแต่การจัดการการจองบริการไปจนถึงการประมวลผลการชำระเงิน ลูกค้าสามารถจองนัดหมายกับช่างตัดผมในพื้นที่ท้องถิ่นโดยการดูผลงานและอ่านรีวิวจากลูกค้า ลูกค้าของ theCut สามารถจองบริการและชำระเงินด้วยวิธีการที่เลือกไว้ได้ ทำให้การชำระเงินกับช่างตัดผมเป็นเรื่องง่ายขึ้น

ในปีนี้ theCut มีเป้าหมายที่จะปรับปรุงประสบการณ์การชำระเงินสำหรับช่างตัดผมและลูกค้าเพื่อเพิ่มอัตราการชำระเงินสำเร็จ ดึงดูดผู้ใช้เพิ่ม และสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจไปทั่วโลก

โซลูชัน

ในปี 2020 หลังจากใช้ผู้ให้บริการอื่นๆ มาหลายราย theCut ก็ได้เปลี่ยนมาใช้ Stripe เนื่องจากต้องการพาร์ทเนอร์ทางการเงินใหม่ที่จะช่วยพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของธุรกิจและผู้ใช้

theCut เริ่มต้นด้วยการใช้ Stripe Billing เพื่อออกใบเรียกเก็บเงินค่าสมาชิกจากช่างตัดผมในแอป "เราเลือกใช้ Stripe เพื่อรองรับการเรียกเก็บเงินค่าสมาชิกตามรอบทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะว่า Stripe มอบประสบการณ์ที่ราบรื่นให้แก่นักพัฒนาของเรา" Patel กล่าว

API ของ Stripe Billing ง่ายต่อการเชื่อมต่อระบบกับเว็บไซต์ แอปบนมือถือ และระบบ CRM ที่เรามีอยู่ นักพัฒนาสามารถใช้ API ของ Stripe ที่นำมาประกอบรวมกันเพิ่มเริ่มใช้งานได้อย่างรวดเร็วหรือออกแบบตรรกะและรูปแบบการกำหนดราคาเองได้ตามต้องการ

การรวมการชำระเงินในหลายๆ ช่องทางไว้ในที่เดียวด้วย Payments, Connect, และ Terminal

หลังจากเปลี่ยนมาใช้ Stripe ได้ไม่นาน theCut ก็ได้เริ่มใช้งาน Payments และ Connect เพื่อจัดการความต้องการด้านการชำระเงิน ตั้งแต่การเบิกจ่ายไปจนถึงการสร้างแหล่งรายได้ใหม่ๆ ไปพร้อมๆ กันกับที่ Stripe จัดการกระบวนการเริ่มต้นใช้งานและการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ช่วยให้ theCut เพิ่มผู้ใช้งานใหม่สำหรับการชำระเงินออนไลน์และหน้าร้านได้ นอกจากนี้ยังรวมการเบิกจ่ายในหลายๆ ช่องทางไว้ด้วยกันได้อีกด้วย

"การมีทุกอย่างอยู่ในที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการสมัครสมาชิก การชำระเงิน การเรียกเก็บเงิน และบัญชีนั้นช่วยสร้างประสบการณ์ที่รวมเป็นหนึ่งเดียว รวมถึงทำให้ดำเนินธุรกิจได้ง่ายขึ้นด้วย" Patel กล่าว

นอกจากนี้ theCut ยังใช้ Terminal ซึ่งช่วยให้แพลตฟอร์มสร้างประสบการณ์การชำระเงินหน้าร้านเพื่อยอมรับการชำระเงินด้วยเงินสดในร้านตัดผมได้ Terminal สร้างขึ้นมาโดยคำนึงถึงผู้ค้าปลีกยุคใหม่เป็นหลัก โดยช่วยให้ theCut รวมช่องทางการชำระเงินออนไลน์และออฟไลน์ไว้ในที่เดียว มาพร้อมเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาที่ยืดหยุ่น เครื่องอ่านบัตรที่ได้รับการรับรองล่วงหน้า และการจัดการฮาร์ดแวร์ในระบบคลาวด์

"ข้อดีหลักๆ ของ Terminal คือประสบการณ์ของนักพัฒนาที่ง่ายและการที่ไม่ต้องสร้างระบบใหม่ในการรับชำระเงินเพื่อรองรับช่องทางออนไลน์และออฟไลน์" Patel กล่าวเสริม

theCut ใช้ Identity ที่เชื่อมต่อระบบกับกระบวนการเริ่มต้นใช้งานของ Connect เพื่อรักษาความปลอดภัยในการชำระเงินและป้องกันการฉ้อโกง Identity ช่วยให้ theCut ยืนยันตัวตนของช่างตัดผมที่เลือกรับการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันของตนได้แบบเป็นโปรแกรม ซึ่งช่วยป้องกันการโจมตีจากมิจฉาชีพและยังลดความติดขัดสำหรับช่างตัดผมตัวจริงอีกด้วย

เข้าถึงผู้ใช้งานได้มากขึ้นโดยการเพิ่มตัวเลือกการชำระเงิน

theCut ทำงานร่วมกับ Stripe เพื่อใช้ Cash App Pay ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีผู้ทำธุรกรรมรายเดือนกว่า 51 ล้านคน*

Cash App Pay เป็นหนึ่งใน 3 วิธีที่ลูกค้าใช้ทำธุรกรรมในร้านตัดผมยุคใหม่ของ theCut โดยสามารถตอบโจทย์ลูกค้าในสังคมเมือง รวมถึงลูกค้ามิลเลนเนียลและ Gen Z ที่ไม่นิยมใช้บริการธนาคารแบบดั้งเดิม

"Cash App กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มเป้าหมายของเรา และเคยเป็นโซลูชันที่เราเคยมองว่ายุ่งยาก เพราะเราไม่สามารถนำมาใช้ไกับผู้ให้บริการชำระเงินรายก่อนได้" Patel กล่าว "แต่ตอนนี้เรานำเสนอโซลูชันนี้ร่วมกับ Stripe ได้แล้ว"

theCut ยังได้ทำงานร่วมกับ Stripe เพื่อเพิ่ม Apple Pay และเปิดให้ใช้ Tap to Pay on iPhone ซึ่งการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัลเหล่านี้ช่วยให้การชำระเงินเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องใส่ข้อมูลบัตรและข้อมูลการเรียกเก็บเงินของลูกค้าเอง ทำให้ลดความล่าช้าในการจองนัดหมายของลูกค้าได้อย่างมาก

ผลลัพธ์

หลังจากที่ก้าวขึ้นมาเป็นเป็นแอปพลิเคชันการจองบริการตัดผมอันดับหนึ่งในตลาด theCut ก็ยังคงร่วมงานกับ Stripe เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น มอบประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นสำหรับช่างตัดผมและลูกค้า รวมถึงวางแผนเพื่อการขยายธุรกิจไปยังประเทศแคนาดาและสหราชอาณาจักร ซึ่งการเป็นพาร์ทเนอร์ในครั้งนี้ให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ

ตอนนี้ theCut ได้เปิดตัวการยืนยันตัวตนด้วยรูปเซลฟีและเอกสารสำหรับช่างตัดผมรายใหม่ที่ใช้ Identity ทำให้อนุมัติใบสมัครใช้งานประมวลผลการชำระเงินได้ถึง 90% ในขณะที่ก่อนหน้านี้สามารถยืนยันได้เพียง 40% และอีก 60% ยังต้องใช้เวลาในการตรวจสอบด้วยตัวเอง

การเพิ่มวิธีการชำระเงินใหม่ๆ อย่าง Apple Pay เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ theCut สร้างประสบการณ์การชำระเงินที่รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้นในขอบเขตที่กว้าง

"ผู้ใช้ของเราหันมาทำธุรกรรมผ่าน Apple Pay กว่า 25% ในชั่วข้ามคืน ซึ่งเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุด" Patel กล่าว "ทุกวันนี้ กว่า 40% ของการชำระเงินที่ดำเนินการในช่วง 30 วันที่ผ่านมาคือการชำระเงินผ่าน Apple Pay"

*"มีการทำธุรกรรม" คือบัญชี Cash App ที่มีธุรกรรมทางการเงินอย่างน้อย 1 รายการที่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการใน Cash App ภายในช่วงเวลาเฉพาะหนึ่งๆ การโทรรายงานผลประกอบการของ Block ในไตรมาสที่ 4 ปี 2022

รู้เสมอว่าคุณต้องจ่ายเท่าไร

ค่าบริการต่อธุรกรรมที่รวมไว้หมดแล้วโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

เริ่มต้นผสานการทำงาน

เริ่มใช้งาน Stripe ได้ภายใน 10 นาที