Shadeform เพิ่มรายได้ขึ้น 10% ด้วยการยอมรับการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ผ่าน Stripe

Shadeform คือมาร์เก็ตเพลส GPU ระบบคลาวด์ที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยให้นักพัฒนา AI สามารถค้นหาและปรับใช้การประมวลผล GPU ได้อย่างรวดเร็วบนผู้ให้บริการหลายราย บริษัทใช้ Stripe เพื่อลดความซับซ้อนของการชำระเงิน และเริ่มรับวิธีการชำระเงินใหม่ๆ เช่น สเตเบิลคอยน์ เพื่อให้บริการลูกค้าทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้

    Payments
    Checkout
    Link
    Radar
    Invoicing
สหรัฐอเมริกา
ธุรกิจสตาร์ทอัพ

ความท้าทาย

Ronald Ding และ Ed Goode ร่วมกันก่อตั้ง Shadeform ซึ่งเป็นมาร์เก็ตเพลส GPU ระบบคลาวด์ที่เชื่อมต่อนักพัฒนาเข้ากับทรัพยากรการประมวลผลจากผู้ให้บริการหลายสิบราย เพื่อตอบสนองความต้องการ GPU ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถขับเคลื่อนการใช้งาน AI ยุคใหม่ โดยบริษัทจากซานฟรานซิสโกแห่งนี้ช่วยให้นักพัฒนาสามารถคัดกรองทรัพยากร GPU ได้อย่างง่ายดายตามสเปค ฮาร์ดแวร์ ราคา และความพร้อมใช้งาน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบตัวเลือกต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและประมวลผลได้ภายในไม่กี่วินาที

ผู้ก่อตั้ง Shadeform รู้ดีว่าจำเป็นต้องมีวิธีปรับปรุงระบบการเรียกเก็บเงินและการชำระเงินสำหรับผู้ใช้ที่ทำธุรกรรมกับผู้ให้บริการหลายราย ในฐานะที่เป็นสตาร์ทอัพขนาดเล็ก Shadeform ต้องการโซลูชันที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็วและไม่ดึงทรัพยากรด้านวิศวกรรมออกไปจากการสร้างโซลูชันหลัก

Ding กล่าวว่า “เรารู้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วว่าจำเป็นต้องรวมระบบเรียกเก็บเงินให้เป็นมาร์เก็ตเพลสอย่างแท้จริง ไม่ใครหรอกที่อยากจะใช้บริการเราแล้วต้องไปหาผู้ให้บริการหลายรายเพื่อจัดการระบบเรียกเก็บเงินในหลายๆ ที่”

เมื่อ Shadeform เติบโตขึ้น พวกเขาก็ต้องการให้ผู้ใช้มีความยืดหยุ่นในการชำระเงินมากขึ้น เนื่องจาก ACH ใช้งานได้เฉพาะกับบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ACH จึงไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้ที่มีปริมาณธุรกรรมสูงในยุโรปและเอเชีย ในขณะที่บัตรเครดิตมักหมายถึงขนาดธุรกรรมที่จำกัด ค่าธรรมเนียมการดำเนินการที่สูง และความเสี่ยงที่อาจถูกปฏิเสธ ลูกค้าเริ่มเรียกร้องให้สามารถชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัล แต่ Shadeform ยังคงลังเลตรงนี้อยู่ เนื่องจากกังวลเรื่องความซับซ้อนของการรับและจัดการสกุลเงินดิจิทัลในกระเป๋าเงิน หรือการแปลงสกุลเงินดิจิทัลเป็นเงินตราทั่วไปเพื่อชำระเงินให้กับผู้ให้บริการ

โซลูชัน

ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ Shadeform เปิดตัวมาร์เก็ตเพลสระบบคลาวด์ GPU บริษัทได้ผสานการทำงานกับ Stripe Payments เพื่อให้ลูกค้าทำธุรกรรมโดยตรงกับ Shadeform ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินให้กับผู้ให้บริการคลาวด์ GPU แต่ละรายต่างหาก

Shadeform ใช้ชุดเครื่องมือด้านการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพของ Stripe เพื่อสร้างการชำระเงินที่รวดเร็ว ยืดหยุ่น และปลอดภัยได้ในทันที โดยใช้การผสมผสานระหว่าง Checkout สำหรับลูกค้าแบบบริการตนเอง และหน้าใบแจ้งหนี้ที่เชื่อมต่อโดยตรงกับระบบของเรา และ Payment Links สำหรับลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งทำให้บริษัทรับชำระเงินได้โดยไม่ต้องสร้างประสบการณ์การชำระเงินของตนเองหรือจัดการข้อมูลการชำระเงินของลูกค้า การเปิดใช้งาน Adaptive Pricing ทำให้ Shadeform สามารถเรียกเก็บเงินทั้งหมดเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกับให้ลูกค้าเห็นราคาและชำระเงินในสกุลเงินท้องถิ่นของตนเอง นอกจากนี้ Shadeform ยังได้นำ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่ Stripe พัฒนาขึ้นมาใช้ ซึ่งจะช่วยกรอกข้อมูลการชำระเงินของลูกค้าโดยอัตโนมัติ เพื่อสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่รวดเร็ว ง่ายดาย และปลอดภัย

Shadeform ใช้ Stripe เพื่อมอบประสบการณ์การชำระเงินที่ยืดหยุ่น ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้หลากหลายประเภท โดยทั่วไปผู้ใช้แบบบริการตนเองจะเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินแบบเติมเงินบน Shadeform ผ่าน Stripe ซึ่ง Shadeform จะหักเงินตามการใช้งาน วิธีนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถสลับใช้งานระหว่างผู้ให้บริการ GPU บน Shadeform ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องตั้งค่าและเติมเงินเข้าบัญชีใหม่กับพาร์ทเนอร์แต่ละราย

ถึงแม้ผู้ใช้ในช่วงแรกจะเป็นผู้ชื่นชอบงานอดิเรกและสตาร์ทอัพที่สามารถเติมเงินเครดิตได้อย่างง่ายดาย แต่ Shadeform ก็เริ่มดึงดูดความสนใจจากองค์กรต่างๆ ที่ต้องการเพิ่มปริมาณการผลิตโดยไม่ต้องเติมเงินเครดิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการใช้จ่ายที่คาดการณ์ได้มากขึ้นซึ่งต้องใช้ใบแจ้งหนี้รายเดือน รวมถึงลูกค้าที่ซื้อสิทธิ์การใช้งาน GPU ล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือน Shadeform จึงได้เพิ่ม Stripe Invoicing เพื่อสร้างและจัดการใบแจ้งหนี้ที่ส่งโดยอัตโนมัติเมื่อสิ้นสุดรอบบิลแต่ละรอบ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถกำจัดจุดอ่อนสำคัญที่ช่วยปลดล็อกการใช้ GPU ที่สูงขึ้นจากลูกค้าองค์กร

เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการชำระเงินด้วยคริปโตเคอร์เรนซี ในปี 2025 Shadeform ได้เริ่มรับชำระเงินด้วย USDC ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่ออกแบบมาเพื่อรักษามูลค่าแบบ 1:1 กับสกุลเงิน USD โดยบริษัทสามารถเริ่มรับ USDC ได้ทันทีด้วยการเปิดใช้งานเป็นตัวเลือกการชำระเงินใน Payments ซึ่ง Stripe จะแปลงสกุลเงินโดยอัตโนมัติและฝากเงินเป็น USD เข้าบัญชีธนาคารของ Shadeform โดยตรง ทำให้ไม่จำเป็นต้องจัดการกระเป๋าเงิน การแลกเปลี่ยน และการโอนเงิน นอกจกานี้ธุรกรรมสเตเบิลคอยน์ยังมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่ำกว่าการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตระหว่างประเทศ ทำให้บริษัทประหยัดค่าธรรมเนียม และเนื่องจากธุรกรรมสเตเบิลคอยน์ถือเป็นธุรกรรมสุดท้าย จึงไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาทหรือการปฏิเสธการชำระเงิน

Shadeform ใช้ Stripe Radar เพื่อตรวจจับและป้องกันธุรกรรมฉ้อโกง โดย Radar จะสร้างคะแนนความเสี่ยงสำหรับทุกธุรกรรม และธุรกรรมใดก็ตามที่เกินเกณฑ์ความเสี่ยงของบริษัทจะถูกบล็อกโดยอัตโนมัติ ช่วยปกป้อง Shadeform และพาร์ทเนอร์ระบบคลาวด์ GPU จากผู้ไม่หวังดีที่ใช้บัตรเครดิตที่ขโมยมาเพื่อเข้าถึงการประมวลผล

นอกจากนี้ Shadeform ยังค้นพบตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าจำเป็นต้องมีวิธีที่เชื่อถือได้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนใช้บัตรเครดิตที่ถูกขโมยมาเพื่อซื้อ GPU

ผลลัพธ์

Shadeform นำ Stripe มาใช้ได้ใน 2 วัน

Shadeform ได้นำระบบ Payments มาใช้หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน โดยใช้วิศวกรเพียงหนึ่งคนและเวลาในการพัฒนาเพียง 2 วัน ทำให้บริษัทยังคงเติบโตได้อย่างไม่สะดุดตั้งแต่เปิดตัว ขณะเดียวกันก็ลดปัญหาที่ผู้ใช้ต้องเผชิญด้วย

Ding กล่าวว่า “Stripe มี API ที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ และมีเอกสารประกอบที่ดีที่สุดด้วย การทำให้แพลตฟอร์มทำงานได้อย่างสมบูรณ์พร้อมระบบชำระเงินแบบบริการตนเองแบบครบวงจรภายในสองวันไม่ใช่สิ่งที่เราทำได้ด้วยแพลตฟอร์มประมวลผลการชำระเงินอื่น”

การยอมรับสเตเบิลคอยน์ช่วยเพิ่มรายรับ 10%

Shadeform เริ่มยอมรับ USDC โดยเพียงแค่เปิดใช้งานสเตเบิลคอยน์และวิธีการชำระเงินด้วยคริปโตใน Payments ก็ช่วยให้บริษัทประหยัดเวลาหลายสัปดาห์ที่ต้องใช้ไปกับการตั้งค่ากระเป๋าเงินคริปโตของตัวเองและผสานการทำงานกับเวิร์กโฟลว์การประมวลผลการชำระเงิน

Shadeform กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจนับตั้งแต่เปิดใช้การชำระเงินด้วย USDC สำหรับลูกค้าที่มีปริมาณธุรกรรมสูงในยุโรปและเอเชียที่ไม่สามารถใช้ ACH หรือพบปัญหาเรื่องข้อจำกัดของบัตรระหว่างประเทศ ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้น 10% หลังจากเปิดใช้งาน ปัจจุบันการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์คิดเป็นเกือบ 20% ของปริมาณการชำระเงินของ Shadeform

Ding กล่าวว่า “การยอมรับคริปโทเคอร์เรนซีช่วยให้ลูกค้าแบบเติมเงินของเราสามารถเพิ่มเงินในกระเป๋าเงินได้ภายในธุรกรรมเดียว ทำให้ไม่ต้องยุ่งยากเลย และด้วยการที่ Stripe จัดการกระบวนการและการแปลงทั้งหมดเป็นเงินตราทั่วไป จึงช่วยลดความซับซ้อนให้เราด้วยเช่นกัน”

Shadeform ลดค่าธรรมเนียมการประมวลผลลง 66% สำหรับธุรกรรมที่ใช้สเตเบิลคอยน์

Shadeform จ่ายค่าธรรมเนียม 1.5% สำหรับการรับสเตเบิลคอยน์ในธุรกรรมต่างๆ เทียบกับ 4.5% สำหรับบัตรเครดิตระหว่างประเทศ เนื่องจากการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ส่วนใหญ่มาจากลูกค้าในต่างประเทศ Shadeform จึงประหยัดเงินได้ประมาณ 66% เมื่อลูกค้าชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์

Ding กล่าวว่า “เนื่องจากเป็นตลาดที่มีปริมาณการซื้อขายสูงและมีอัตรากำไรต่ำ การประหยัดค่าธรรมเนียมการประมวลผลได้มากขนาดนั้นจึงสำคัญมากต่อผลกำไรสุทธิของเรา”

ทุกวันนี้ธุรกรรมของ Shadeform ได้รับการประมวลผลไปแล้ว 70% ด้วย Link ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสั่งซื้อได้รวดเร็วยิ่งขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องกรอกรายละเอียดการชำระเงินซ้ำ

Shadeform ใช้ Radar เพื่อขจัดการฉ้อโกง

ถึงแม้การฉ้อโกงจะเป็นปัญหาเมื่อบริษัทเปิดตัว แต่ Shadeform ก็สามารถกำจัดการฉ้อโกงได้แทบหมดจดนับตั้งแต่มีการนำ Radar มาใช้ โดยไม่มีรายงานเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา

Ding กล่าวว่า “เราไม่ชอบความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ Stripe Radar ช่วยให้เรากำจัดการฉ้อโกงได้เกือบหมดจดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราไม่เคยเจอเหตุการณ์ฉ้อโกงแบบนี้มานานแล้ว”

รู้เสมอว่าคุณต้องจ่ายเท่าไร

ค่าบริการต่อธุรกรรมที่รวมไว้หมดแล้วโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

เริ่มต้นผสานการทำงาน

เริ่มใช้งาน Stripe ได้ภายใน 10 นาที