Payment Plugins นำเสนอวิธีการชำระเงินกว่า 27 แบบแก่ WooCommerce ด้วย Stripe

Payment Plugins เป็นผู้พัฒนาปลั๊กอินการชำระเงินชั้นนำสำหรับ WooCommerce ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการค้ายอดนิยมที่สุดในโลกของ Wordpress โดยมียอดการติดตั้งใช้งานของผู้ใช้ปัจจุบันถึง 4 ล้านครั้ง Payment Plugins เริ่มเป็นพาร์ทเนอร์กับ Stripe เพื่อพัฒนาปลั๊กอิน WooCommerce ที่ล้ำหน้าและสามารถเชื่อมต่อระบบได้ รวมถึงช่วยให้ผู้ค้านำเสนอโซลูชันการชำระเงินของ Stripe ต่อลูกค้าได้อย่างหลากหลาย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มอัตราการชำระเงินสำเร็จโดยการลดปัญหาติดขัดในการชำระเงิน

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้

    Elements
    Link
    Connect
    Financial Connections
    Payments
อเมริกาเหนือ
การเติบโต

ความท้าทาย

ผู้ค้าใน WooCommerce ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่นเดียวกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าแบบไม่ต้องมีสต็อกไปจนถึงการขนส่งเพื่อเติมสินค้าอันซับซ้อน ซึ่งต้องใช้โซลูชันแบบปลั๊กอินด้านการชำระเงินที่ปรับแต่งได้ในระดับสูง

Payment Plugins เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดยมุ่งมั่งสร้างการเชื่อมต่อระบบแพลตฟอร์มการชำระเงินที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ค้าจากหลากหลายธุรกิจบน WooCommerce ปลั๊กอินของบริษัทช่วยให้ธุรกิจปรับแต่งขั้นตอนการประมวลผลการชำระเงินและประสบการณ์ของลูกค้าได้เมื่อธุรกิจขยายตัว

"เราพยายามลดการติดขัดในขั้นตอนการชำระเงินในทุกครั้งที่เราทำได้" Clayton Rogers ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Payment Plugins กล่าว

โซลูชัน

Payment Plugins เป็นพาร์ทเนอร์กับ Stripe ในปี 2019 เนื่องจากมองเห็นคุณค่าในระบบพื้นฐานด้านการชำระเงินของ Stripe ที่ขยายขอบเขตและปรับเปลี่ยนได้ รวมถึงสามารถจัดการธุรกรรมปริมาณมาก และช่วยให้ธุรกิจขยายการดำเนินงานด้านการประมวลผลการชำระเงินได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายเมื่อมีการขยายกิจการ

"เราเห็นได้ทันทีว่าการเป็นพาร์ทเนอร์กับ Stripe จะประสบความสำเร็จ เนื่องจากไลบรารีโค้ดของ Stripe มีคุณภาพและช่วยเราได้อย่างมากในกระบวนการพัฒนา" Rogers กล่าว

Payment Plugins ได้ใช้ Connect ในการเชื่อมต่อระบบการชำระเงินเข้ากับแพลตฟอร์มของตนหลังจากใช้การคัดลอกและวางคีย์ API เองเพื่อลิงก์ร้านค้าใน WooCommerce เข้ากับ Stripe โดย Rogers ระบุว่าการนำ Connect มาใช้งานนั้นได้สร้างประโยชน์ให้แก่แพลตฟอร์มเป็นอย่างมาก "เราสามารถดูข้อมูลบันทึกของผู้ค้าได้ ซึ่งเป็นประโยชน์มากในแง่ของการประหยัดเวลาและการแก้ไขปัญหา" Rogers กล่าว "นอกจากนี้โซลูชันนี้ยังเหมาะสำหรับการรายงานเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเราสามารถดูจำนวนครั้งในการเรียกใช้ API จากร้านค้า WooCommerce ไปยัง Stripe ที่สำเร็จและไม่สำเร็จได้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก นอกจากนี้ยังช่วยให้เราตรวจสอบประสิทธิภาพจากโค้ดที่เรากำลังเปิดตัวได้จริงในฐานะนักพัฒนา

Payment Plugins เลือกใช้ชุดเครื่องมือด้านการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพซึ่งประกอบด้วย Payment Element, วิธีการชำระเงินที่หลากหลายซึ่งจะแสดงขึ้นแบบไดนามิก และ Link ที่เป็นประสบการณ์การชำระเงินแบบด่วนที่ให้ลูกค้าจัดการรายละเอียดการชำระเงินที่บันทึกไว้ได้

Rogers กล่าวว่า Payment Plugins ตัดสินใจถูกต้องที่นำเสนอชุดเครื่องมือด้านการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพ เนื่องจากชุดเครื่องมือนี้ช่วยสดการติดขัดในกระบวนการชำระเงินได้อย่างมาก "เมื่อใช้ Payment Element ผู้ค้าสามารถแสดงวิธีการชำระเงินที่เกี่ยวข้องที่สุดโดยไม่ต้องทำงานเพิ่มเติม" Rogers กล่าว "ซึ่งเป็นการลดความสับสนของผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี"

นอกจากนี้ ความสามารถในการรวมฟังก์ชันการรับการชำระเงินและการเคลื่อนย้านเงินไปทั่วโลกผ่าน API วิธีการชำระเงินอันทรงประสิทธิภาพของ Stripe รวมถึงชุดเครื่องมือด้านการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพนั้นก็ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซมักจะติดตั้งโซลูชันแยกกันเพื่อให้สามารถนำเสนอวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย

"ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ คุณอาจร่วมงานกับบริษัทด้านการเชื่อมต่อระบบหลายๆ แห่งเหมือนบริษัทเราเพื่อมอบวิธีการชำระเงินที่แตกต่างกัน" Rogers กล่าว "วิธีนี้จัดการได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้ชุดโค้ดที่แตกต่างกัน Stripe นำเสนอวิธีการชำระเงินเกือบทุกแบบที่คุณจะจินตนาหารได้ คุณจึงสามารถใช้โซลูชันเดียวสำหรับทั้งเว็บไซต์ได้

ผลลัพธ์

การสนับสนุนด้านวิธีการชำระเงินที่ดียิ่งขึ้น

ในฐานะนักพัฒนาปลั๊กอินการชำระเงินของ WooCommerce นั้น Payment Plugins เข้าใจดีเกี่ยวกับการปรับแต่งให้เข้ากับท้องถิ่นที่ทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น

Stripe มีวิธีการชำระเงินที่แตกต่างกัน 27 แบบ ประกอบด้วย iDEAL, OXXO, GrabPay, Apple Pay และ Google Pay ผู้ค้าของ Payment Plugins ยังสามารถเพิ่มวิธีการชำระเงินส่วนใหญ่ได้โดยที่ไม่ต้องเขียนโค้ดผ่าน Payment Element

เมื่อล่าสุดนี้ Payment Plugins ได้เพิ่ม 3 วิธีการแบบ "ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง" (BNPL) อย่าง Affirm, Afterpay และ Klarna เพื่อให้ลูกค้าขยายวิธีการรับชำระเงินได้ในระยะยาว โดยผู้ค้าจะได้รับชำระเงินเป็นจำนวนเต็มล่วงหน้า (หักค่าธรรมเนียม)

ข้อมูลวิเคราะห์ของ Stripe ระบุว่าผู้ค้าของ Payment Plugin ที่ใช้วิธีการแบบ BNPL มียอดขายเพิ่มขึ้น 11% และมีจำนวนการซื้อเพิ่มขึ้น 10%

"วิธีการแบบ "ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง" ประสบความสำเร็จมาก" Rogers กล่าว "สมมติว่าคุณเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ 2 ล้านดอลลาร์ต่อวัน คุณก็จะทำรายได้มากขึ้นอีก 200,000 ดอลลาร์"

ปรับปรุงการชำระเงินผ่านธนาคาร

การชำระเงินผ่านธนาคารช่วยให้ลูกค้ามีตัวเลือกการชำระเงินที่มากขึ้นและลดการชำระเงินไม่สำเร็จซึ่งมักเกิดขึ้นกับบัตรที่หมดอายุ Financial Connections ที่มีการหักบัญชีอัตโนมัติแบบ ACH ได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการขยายกิจการของ Payment Plugins โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ Financial Connections ให้ลูกค้าเพิ่มบัญชีธนาคารและชำระเงินโดยไม่ต้องออกจากหน้าการชำระเงิน แทนที่จะต้องกรอกรายละเอียดบัญชีธนาคารเองและรอ 1-2 วันเพื่อยืนยันบัญชี

"หลังจากที่ใช้ Financial Connections แล้ว ลูกค้าก็สามารถเชื่อมโยงบัญชธนาคารได้อย่างราบรื่น ประสบการณ์การใช้งานก็เป็นไปอย่างปลอดภัยและง่ายดาย ช่วยให้เราลดอัตราการเลิกใช้งานกลางคันและเปลี่ยนผู้ใช้ที่ต้องการชำระเงินผ่านธนาคารมาเป็นลูกค้าได้มากขึ้น" Rogers กล่าว

รู้เสมอว่าคุณต้องจ่ายเท่าไร

ค่าบริการต่อธุรกรรมที่รวมไว้หมดแล้วโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

เริ่มต้นผสานการทำงาน

เริ่มใช้งาน Stripe ได้ภายใน 10 นาที