"ขั้นต้นเป็นสุทธิ" หมายความว่าอย่างไร

Revenue Recognition
Revenue Recognition

Stripe Revenue Recognition เพิ่มประสิทธิภาพในการทำบัญชีคงค้างเพื่อให้คุณปิดบัญชีได้รวดเร็วและถูกต้อง รวมทั้งยังกำหนดค่าและปรับขั้นตอนการจัดทำรายงานรายรับให้เป็นอัตโนมัติ คุณจึงปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรู้รายรับ ASC 606 และ IFRS 15 ได้อย่างง่ายดาย

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. วิธีการคํานวณรายรับขั้นต้นเป็นรายรับสุทธิ
    1. ระบุรายรับขั้นต้น
    2. คํานวณการหักค่าใช้จ่าย
    3. คํานวณรายรับสุทธิ
  3. ทําไมการคำนวณยอดขั้นต้นเป็นสุทธิจึงสำคัญ
  4. วิธีรายงานตัวเลขขั้นต้นและตัวเลขสุทธิในงบการเงิน
    1. งบกําไรขาดทุน
    2. งบดุล
    3. งบกระแสเงินสด
    4. หมายเหตุประกอบงบการเงิน
  5. ความท้าทายที่พบบ่อยในการปรับยอดขั้นต้นเป็นยอดสุทธิ
    1. การคํานวณการหักค่าใช้จ่าย
    2. การคาดการณ์ผลลัพธ์ในอนาคต
    3. กระบวนการภายใน
    4. วิธีแก้ปัญหา

ในการทําบัญชี "ขั้นต้นเป็นสุทธิ" (GTN) คือกระบวนการที่เปลี่ยนยอดรวมหรือ "ขั้นต้น" เป็นตัวเลข "สุทธิ" จริงๆ ซึ่งเป็นยอดคงเหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายที่จำเป็น กระบวนการนี้เป็นวิธีที่ธุรกิจต่างๆ จะเข้าใจสถานะทางการเงินที่แท้จริงของตน ไม่ว่าธุรกิจจะมองหาข้อมูลเงินเดือนหรือรายรับก็ตาม

นอกจากนี้ GTN ยังมีบทบาทสําคัญในการรับรู้รายรับอีกด้วย รายรับขั้นต้นหมายถึงยอดขายทั้งหมดของบริษัท โดยไม่รวมการปรับยอดหลังคำนวณการคืนเงิน การเผื่อยอด หรือส่วนลด รายรับสุทธิจะแสดงเงินที่บริษัทได้รับจริงๆ หลังจากการหักยอดเหล่านี้ ธุรกิจจะต้องเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างตัวเลขขั้นต้นกับตัวเลขสุทธิ เพื่อให้รับรู้รายรับได้อย่างถูกต้องและแสดงภาพรวมสถานะทางการเงินที่ชัดเจนและนําไปปฏิบัติได้

ด้านล่างนี้เราจะอธิบายวิธีคํานวณรายรับด้วย GTN สาเหตุที่สิ่งนี้มีความสําคัญต่อการรับรู้รายรับ วิธีรายงานตัวเลขขั้นต้นและตัวเลขสุทธิในงบการเงิน รวมถึงความท้าทายที่พบบ่อยในการปรับยอด GTN

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • วิธีการคํานวณรายรับขั้นต้นเป็นรายรับสุทธิ
  • ทําไมการคำนวณยอดขั้นต้นเป็นสุทธิจึงสำคัญ
  • วิธีรายงานตัวเลขขั้นต้นและตัวเลขสุทธิในงบการเงิน
  • ความท้าทายที่พบบ่อยในการปรับยอดขั้นต้นเป็นยอดสุทธิ

วิธีการคํานวณรายรับขั้นต้นเป็นรายรับสุทธิ

การคํานวณรายรับด้วย GTN เป็นการทําความเข้าใจส่วนต่างระหว่างรายรับรวม (ขั้นต้น) ของบริษัทกับรายได้หลังหักหักค่าใช้จ่ายต่างๆ (สุทธิ) ต่อไปนี้คือวิธีคำนวณรายรับด้วย GTN

ระบุรายรับขั้นต้น

รายรับขั้นต้นคือยอดขายรวมหรือรายได้ที่บริษัทสร้างก่อนหักค่าใช้จ่ายใดๆ ตัวเลขนี้รวมรายรับจากยอดขายทั้งหมด ไม่รวมการคืนสินค้า การเผื่อยอด และส่วนลด

สูตร: รายรับขั้นต้น = จํานวนผลิตภัณฑ์หรือบริการทั้งหมดที่ขาย x ราคาขายเฉลี่ย

คํานวณการหักค่าใช้จ่าย

การหักค่าใช้จ่ายมักจะประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้

  • การคืนสินค้าและการเผื่อยอด: มูลค่าของสินค้าที่ลูกค้าส่งคืน พร้อมกับการปรับราคาหรือการเผื่อยอดใดๆ

  • ส่วนลด: ส่วนลดการขายใดๆ ที่มอบให้กับลูกค้า เช่น ส่วนลดโปรโมชัน ส่วนลดตามปริมาณ และส่วนลดสําหรับการชําระเงินก่อนกําหนด

  • การหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ: เงินคืน ค่าคอมมิชชั่น หรือการหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่คล้ายกันซึ่งหักออกจากยอดขายรวม

สูตร: การหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด = การคืนสินค้าและการเผื่อยอด + ส่วนลด + การหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ

คํานวณรายรับสุทธิ

รายรับสุทธิคือรายรับที่คงเหลือหลังจากลงบัญชีสําหรับการหักค่าใช้จ่ายเหล่านี้ หากคํานวณรายรับขั้นต้นเรียบร้อยแล้ว คุณจะทราบรายรับสุทธิโดยหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกจากยอดขั้นตอน

สูตร: รายรับสุทธิ = (จํานวนผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ขาย x ราคาขายเฉลี่ย) -
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด

ตัวอย่างการคํานวณ

สมมติว่าบริษัทมีรายรับขั้นต้นอยู่ที่ $500,000 การคืนสินค้าและการเผื่อยอดจํานวน $20,000, ส่วนลด $10,000 และค่าใช้จ่ายอื่นๆ คือ $5,000 บริษัทจะคํานวณรายรับสุทธิดังนี้

รายรับสุทธิ = $500,000 - ($20,000 + $10,000 + $5,000) = $465,000

ทําไมการคำนวณยอดขั้นต้นเป็นสุทธิจึงสำคัญ

การทําความเข้าใจความแตกต่างระหว่างรายรับขั้นต้นกับรายรับสุทธิเป็นเรื่องจําเป็นสําหรับการรับรู้รายรับอย่างถูกต้องและประเมินสถานะการเงินของบริษัท เมื่อทราบรายรับสุทธิ คุณจะทําสิ่งต่อไปนี้ได้

  • มองเห็นภาพรวมของรายได้และความสามารถในการทํากําไรอย่างชัดเจน

  • ระบุสินค้าหรือบริการที่ทํากําไร

  • ปรับแนวทางการกําหนดราคาอย่างมีกลยุทธ์

  • ตัดสินใจว่าจะลดต้นทุนหรือลงทุนเงินที่ส่วนไหน

  • สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและนักวิเคราะห์

  • คํานวณภาษีที่คุณต้องชําระอย่างถูกต้อง

  • เปรียบเทียบผลการดําเนินงานกับคู่แข่งรายอื่นๆ

  • ปฏิบัติตามมาตรฐานการทำบัญชี

วิธีรายงานตัวเลขขั้นต้นและตัวเลขสุทธิในงบการเงิน

การรายงานรายรับขั้นต้นและรายรับสุทธิในงบการเงินช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมองเห็นภาพรวมเกี่ยวกับประสิทธิภาพโดยรวมของบริษัท ความสามารถในการสร้างรายรับ และสถานะโดยรวมอย่างชัดเจน

ต่อไปนี้คือวิธีที่ธุรกิจต่างๆ จะสามารถรายงานตัวเลขขั้นต้นและตัวเลขสุทธิในส่วนต่างๆ ของงบการเงิน

งบกําไรขาดทุน

งบกําไรขาดทุนเป็นงบการเงินหลักที่มีการรายงานตัวเลขขั้นต้นและตัวเลขสุทธิ โดยเฉพาะสําหรับรายรับและรายจ่าย ต่อไปนี้เป็นวิธีรายงานตัวเลขเหล่านี้

รายรับ

  • รายรับขั้นต้น: นี่คือรายรับทั้งหมดที่สร้างขึ้นจากการขายสินค้าหรือบริการก่อนที่จะหักค่าใช้จ่ายใดๆ โดยจะปรากฏเป็นบรรทัดบนสุดของงบกําไรขาดทุน

  • การหักค่าใช้จ่าย: ที่ด้านล่างของรายรับขั้นต้น บริษัทควรรายงานค่าใช้จ่าย เช่น การคืนสินค้าและการเผื่อยอด ส่วนลด และเงินคืน

  • รายรับสุทธิ: นี่คือรายรับขั้นต้นลบกับค่าใช้จ่ายทั้งหมด รายรับสุทธิจะแสดงรายได้จริงๆ จากการดําเนินงานอย่างถูกต้องแม่นยํามากขึ้น

รายได้จากการดำเนินงานและรายได้สุทธิ

  • กําไรขั้นต้น: กําไรขั้นต้นคือรายรับขั้นต้นลบด้วยต้นทุนสินค้าที่ขาย (COGS) โดยจะแสดงกําไรจากการดําเนินงานหลักก่อนหักค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน

  • กําไรสุทธิ: กําไรสุทธิคือตัวเลขบรรทัดสุดท้าย ซึ่งคํานวณโดยนำกำไรขั้นต้นมาลบด้วยค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานและค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่การดำเนินงาน (เช่น ภาษี) ตัวเลขนี้แสดงกําไรรวมของบริษัทหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด

งบดุล

  • ยอดขั้นต้นของลูกหนี้การค้า: ยอดขั้นต้นของลูกหนี้การค้าคือผลรวมของลูกหนี้การค้าทั้งหมดที่ธุรกิจบันทึกไว้

  • มูลค่าสุทธิที่รับรู้ได้สําหรับลูกหนี้การค้า: นี่คือยอดขั้นต้นของลูกหนี้ลบด้วยการเผื่อยอดสำหรับบัญชีที่น่าสงสัย (เช่น ยอดประมาณของลูกหนี้การค้าที่อาจจะเรียกเก็บไม่ได้)

งบกระแสเงินสด

  • กระแสเงินสดขั้นต้น: ข้อมูลนี้แสดงถึงกระแสเงินสดขาเข้าทั้งหมดจากช่วงเวลาหนึ่งๆ

  • กระแสเงินสดสุทธิ: นี่คือกระแสเงินสดขั้นต้นลบด้วยเงินสดทั้งหมดที่จ่ายสําหรับภาระหน้าที่และหนี้สิน โดยจะแสดงความแตกต่างระหว่างกระแสเงินสดเข้าและกระแสเงินสดขาออกทั้งหมด และรายงานสําหรับแต่ละส่วน (เช่น การดําเนินงาน การลงทุน การจัดหาเงินทุน)

หมายเหตุประกอบงบการเงิน

หมายเหตุประกอบงบการเงินจะให้บริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลขที่รายงานในงบการเงินหลัก ซึ่งควรประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้

  • นโยบายการรับรู้รายรับ: ข้อมูลเหล่านี้อธิบายวิธีคํานวณรายรับขั้นต้นและรายรับสุทธิ รวมทั้งพื้นฐานของการรับรู้รายได้ และการหักส่วนลด เงินคืน และการคืนสินค้า

  • การเผื่อยอดสําหรับบัญชีที่น่าสงสัย: ส่วนนี้อธิบายวิธีคำนวณการเผื่อยอดเหล่านี้

ความท้าทายที่พบบ่อยในการปรับยอดขั้นต้นเป็นยอดสุทธิ

กระบวนการคํานวณการปรับ GTN อาจมีความซับซ้อน ข้อผิดพลาดในทุกจุดของกระบวนการอาจนำไปสู่การคำนวณที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจัดทำงบประมาณ การวางแผน และการรายงานทางการเงิน ต่อไปนี้เป็นความท้าทายที่พบบ่อยที่สุดในการปรับยอด GTN

การคํานวณการหักค่าใช้จ่าย

  • โมเดลค่าบริการแบบแปรผัน: ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยา ค้าปลีก และสินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจอาจต้องรับมือกับการติดตามและทําบัญชีโมเดลค่าบริการที่ซับซ้อนอย่างแม่นยํา โดยมีเงินคืน ส่วนลด และรางวัลจูงใจที่หลากหลาย

  • ภาระหน้าที่ตามสัญญา: ธุรกิจต้องจัดการสัญญาต่างๆ ที่ทำกับตัวแทนจําหน่าย ลูกค้า และผู้ชําระเงินอย่างรอบคอบ โดยสัญญาแต่ละฉบับจะมีเงื่อนไขที่เฉพาะเจาะจง

  • เงินคืนและการดึงเงินคืน: บริษัทจะต้องประมาณเงินคืนอย่างถูกต้อง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินคืนตามปริมาณหรือตามประสิทธิภาพ) และการดึงเงินคืน (ซึ่งพบได้ทั่วไปในแวดวงเภสัชภัณฑ์)

  • การคืนสินค้าและการเผื่อยอด: ธุรกิจจะต้องคาดการณ์พฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างถูกต้องจึงจะคาดการณ์การคืนสินค้าและการเผื่อยอดในอนาคตได้

  • ส่วนลด: ธุรกิจต้องจัดการและคาดการณ์ส่วนลดทางการค้าและส่วนลดเงินสดที่แตกต่างกันไปตามลูกค้า ฤดูกาล หรือประเภทผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยจะต้องใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพในการปรับใช้อัตราส่วนลดที่ถูกต้องและติดตามผลลัพธ์ที่มีต่อรายได้

  • คุณภาพข้อมูล: บริษัทจะต้องเชื่อมต่อข้อมูลจากหลายแผนก (เช่น ฝ่ายขาย การเงิน ซัพพลายเชน การตลาด) ข้อมูลนี้จะต้องมีระเบียบ เป็นปัจจุบัน และถูกต้องสําหรับองค์ประกอบแต่ละส่วนในกระบวนการ GTN ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่งในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีหลายระบบและจุดสัมผัส

การคาดการณ์ผลลัพธ์ในอนาคต

  • การเปลี่ยนแปลงของตลาดและปัจจัยทางเศรษฐกิจ: ธุรกิจต่างๆ ต้องคํานึงถึงความผันผวนในอุปสงค์ของตลาดและการเปลี่ยนแปลงในค่าบริการที่ดึงดูด ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราเงินเฟ้อ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐ (เช่น กฎระเบียบด้านราคา โปรแกรมเงินคืน) อาจส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์ในอนาคตได้เช่นกัน

  • การเปิดตัวผลิตภัณฑ์และการเปลี่ยนแปลงในวงจร: ธุรกิจจะต้องปรับการคํานวณเพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การเปลี่ยนแปลงในวงจรของผลิตภัณฑ์ หรือการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ

  • การคาดการณ์: บริษัทจะต้องคํานึงถึงแนวโน้มในอดีต การเปลี่ยนแปลงในตลาด หรือหน้าที่ตามสัญญาในโมเดลการคาดการณ์ของบริษัท

กระบวนการภายใน

  • การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ: ธุรกิจในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด รวมถึงเภสัชภัณฑ์และการดูแลสุขภาพต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ เช่น โครงการคืนเงินค่ายา Medicaid ของสหรัฐอเมริกา และคําสั่งจากสภาสหภาพยุโรป 89/105/EEC ซึ่งกำกับดูแลค่าบริการ เงินคืน และข้อกำหนดในการรายงาน

  • การปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านการทําบัญชี: ธุรกิจต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรู้รายได้ เช่น Accounting Standards Codification (ASC) 606 และ International Financial Reporting Standard (IFRS) 15

  • ระบบเดิม: บริษัทต่างๆ ต้องอัปเดตระบบของตนเป็นประจํา นอกจากนี้ยังต้องเชื่อมต่อระบบการเงิน การวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) และระบบการจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) เพื่อความถูกต้องและประสิทธิภาพ

  • การควบคุมภายใน: ธุรกิจจะต้องมีการควบคุมภายในที่เข้มงวดเกี่ยวกับการปรับ GTN เพื่อป้องกันข้อผิดพลาด การฉ้อโกง หรือการรายงานข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในรายงานทางการเงิน

  • การตรวจสอบ: ธุรกิจต่างๆ ต้องมีการบันทึกข้อมูลอย่างละเอียดและมีการควบคุมที่เข้มงวดเพื่อให้สามารถแสดงเหตุผลในการประมาณและการคำนวณ GTN ต่อผู้ตรวจสอบบัญชีได้

  • การประสานงาน: ธุรกิจต่างๆ ต้องประสานงานทั้งฝ่ายการเงิน ฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด และซัพพลายเชนเพื่อให้ข้อมูลและการคํานวณนั้นถูกต้อง

วิธีแก้ปัญหา

บริษัทมักจะลงทุนในสิ่งต่อไปนี้เพื่อจัดการกับความท้าทายเหล่านี้

  • การวิเคราะห์ขั้นสูงและเครื่องมือการคาดการณ์ที่ใช้ AI และแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อปรับปรุงความแม่นยําของการปรับ GTN

  • ระบบแบบผสานรวมที่ช่วยให้มีการส่งต่อข้อมูลในแผนกต่างๆ

  • ขั้นตอนระบบอัตโนมัติที่ทํางานได้เร็วขึ้น ถูกต้องขึ้น และใช้แรงงานน้อยลง

  • มาตรการควบคุมภายในและแนวทางการกํากับดูแลที่รัดกุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้การปฏิบัติตามข้อกําหนดและความถูกต้องแม่นยํา

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Revenue Recognition

Revenue Recognition

กำหนดค่าและปรับขั้นตอนการจัดทำรายงานรายรับให้เป็นอัตโนมัติเพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการรับรู้รายรับ ASC 606 และ IFRS 15 ได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Revenue Recognition

สร้างกระบวนการทำบัญชีแบบเกณฑ์คงค้างอัตโนมัติด้วย Stripe Revenue Recognition