การชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเติมเงินในอิตาลี

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การทำงานของบัตรเติมเงินทั้งออนไลน์และในร้านค้า
  3. ประโยชน์ที่ธุรกิจในอิตาลีจะได้รับหากยอมรับบัตรเติมเงิน
  4. การทำงานของการชำระเงินด้วยบัตรเติมเงิน
    1. การเติมเงินบัตร
    2. การใช้งานรายวัน
    3. การควบคุมการใช้จ่าย
    4. การทำงานของการชำระเงินด้วยบัตรเติมเงิน
    5. การชำระเงินด้วยบัตรเติมเงินจะถูกเรียกเก็บเมื่อใด
  5. ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยและประโยชน์ของบัตรเติมเงิน
  6. ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างบัตรเติมเงินกับบัตรเครดิต
  7. วิธีใช้บัตรเติมเงินสำหรับทำธุรกรรมออนไลน์
  8. Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง

บัตรเติมเงินมีบทบาทสำคัญในการชำระเงินดิจิทัลในอิตาลี มีลูกค้าจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เลือกชำระเงินด้วยบัตรเติมเงินสำหรับการซื้อสินค้าทางออนไลน์และในร้าน เพราะจะช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการงบประมาณได้ง่ายขึ้น หากคุณมีธุรกิจ หากคุณรับการชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเติมเงิน ก็จะสามารถช่วยขยายฐานลูกค้าของคุณได้ วิธีนี้เป็นวิธีการชำระเงินที่ปลอดภัยและยืดหยุ่นซึ่งได้รับความนิยมอย่างยิ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตแบบดั้งเดิม

ในบทความนี้ เราจะอธิบายวิธีการทำงานของบัตรเติมเงิน ประโยชน์สำหรับลูกค้าและธุรกิจ ความแตกต่างจากบัตรเครดิต และวิธีการชำระเงินออนไลน์ที่เรียบง่ายและปลอดภัย นอกจากนี้เรายังอธิบายเหตุผลที่ธุรกิจต่างๆ เริ่มนำบัตรเติมเงินมาผสานการทำงานเข้ากับระบบการชำระเงินของตนมากขึ้นเรื่อยๆ

เนื้อหาหลักในบทความ

  • การทำงานของบัตรเติมเงินทั้งออนไลน์และในร้านค้า
  • ประโยชน์ที่ธุรกิจในอิตาลีจะได้รับหากยอมรับบัตรเติมเงิน
  • การทำงานของการชำระเงินด้วยบัตรเติมเงิน
  • ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยและประโยชน์ของบัตรเติมเงิน
  • ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างบัตรเติมเงินกับบัตรเครดิต
  • วิธีใช้บัตรเติมเงินสำหรับทำธุรกรรมออนไลน์
  • Stripe Payments ช่วยเหลือคุณได้อย่างไร

การทำงานของบัตรเติมเงินทั้งออนไลน์และในร้านค้า

บัตรเติมเงินช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้ตามขีดจำกัดจำนวนเงินที่เติมในบัตร ซึ่งไม่เหมือนบัตรเครดิต บัตรเติมเงินไม่ได้มีวงเงินแต่อย่างใด แต่จะทำงานโดยมี "ยอดคงเหลือที่ใช้ได้" หมายถึง เจ้าของบัตรจะใช้ได้เฉพาะเงินจำนวนที่เติมไว้ในบัตรเท่านั้น

บัตรเติมเงินได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษในอิตาลี จากข้อมูลการวิเคราะห์ของ Osservatorio Visa Italia และ Ipsos เผยว่า 41% ของชาวอิตาลีใช้บัตรเติมเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการเป็นประจำ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 31% ในปี 2021 บัตรเติมเงินเป็นวิธีการชำระเงินอันดับที่ 3 รองจากบัตรเครดิต และแอปชำระเงิน/กระเป๋าเงินดิจิทัล

บัตรเติมเงินยังถูกใช้อย่างแพร่หลายในการชำระเงินออนไลน์เนื่องจากมีความปลอดภัยและใช้งานง่าย บางบัตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อย่าง PostePay หรือ HYPE ยังมาพร้อมกับหมายเลขบัญชีธนาคารระหว่างประเทศ (IBAN) ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถรับการโอนเงินผ่านธนาคารหรือโอนเงินเดือนเข้าบัญชีของตัวเองได้ ฟีเจอร์นี้เปลี่ยนบัตรเติมเงินเหล่านี้ให้กลายเป็นเครื่องมือจัดการทางการเงินได้

สำหรับการชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเติมเงิน สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือการรู้สึกถึงความปลอดภัยมากขึ้น ลูกค้าหลายคนต้องการใช้บัตรเติมเงินแบบเติมซ้ำได้เพื่อการซื้อสินค้าออนไลน์มากกว่า เนื่องจากความเสี่ยงของการฉ้อโกงจะถูกจำกัดให้มีผลต่อจำนวนเงินที่เติมในบัตรเท่านั้น ซึ่งถือว่าช่วยลดโอกาสในการเกิดการฉ้อโกงลงได้เมื่อเทียบกับการใช้บัญชีกระแสรายวันหรือบัตรเครดิตที่เชื่อมโยงกับวงเงินเครดิตขนาดใหญ่

เมื่อซื้อสินค้าในร้านค้า บัตรเติมเงินจะทำงานเหมือนกับบัตรอื่นๆ โดยลูกค้าสามารถเสียบที่เทอร์มินัลระบบบันทึกการขาย (POS) หรือแตะเพื่อใช้การชำระเงินแบบไร้สัมผัส นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถใช้ บัตรเติมเงินในลักษณะเดียวกับบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตได้เมื่อซื้อสินค้าออนไลน์ หากลูกค้าต้องการซื้อสินค้า ลูกค้าจะต้องป้อนหมายเลขบัตร วันหมดอายุ และรหัสยืนยันบัตร (CVV)

ประโยชน์ที่ธุรกิจในอิตาลีจะได้รับหากยอมรับบัตรเติมเงิน

หากคุณดำเนินธุรกิจในอิตาลีหรือมีความคิดที่จะเริ่มทำธุรกิจดังกล่าว การรับชำระเงินด้วยบัตรเติมเงินถือเป็นโอกาสที่สำคัญทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ เมื่อคุณรับชำระเงินด้วยบัตรเติมเงิน เท่ากับว่าคุณได้เพิ่มวิธีการชำระเงินอีกหนึ่งช่องทางและยังตอบสนองความต้องการของตลาดจริงอีกด้วย เพราะลูกค้าในอิตาลีนับล้านคนต่างใช้บัตรเติมเงินเพื่อซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำอยู่แล้ว และลูกค้าในอิตาลีต่างคาดหวังว่าจะสามารถใช้บัตรเหล่านี้ในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือร้านค้าของคุณได้โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ

ประโยชน์หลักของบัตรเติมเงินสำหรับธุรกิจมีดังนี้

  • ฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น: ลูกค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ นักศึกษา และผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงเครดิตได้ โดยส่วนใหญ่จะชำระเงินด้วยบัตรเติมเงิน หากคุณไม่ยอมรับวิธีนี้ ถือว่าคุณตัดขาดจากกลุ่มลูกค้าที่มีโอกาสเป็นลูกค้าจำนวนมากเหล่านี้ไปเลย
  • ลดความเสี่ยงการล้มละลาย: บัตรเติมเงินมีการใช้การชำระเงินล่วงหน้า จึงไม่มีความเสี่ยงเรื่องการไม่ชำระเงิน เพราะเงินทุนจะถูกโอนทันที ทำให้ธุรกรรมมีความปลอดภัยมากขึ้นจากมุมมองของธุรกิจ
  • ลูกค้ารู้สึกมีความปลอดภัยมากขึ้น ผู้คนเลือกชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเติมเงินเพราะพวกเขามองว่าวิธีนี้ปลอดภัยกว่า การมีตัวตัวเลือกนี้ให้ลูกค้าก็จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ของคุณนั่นเอง
  • อัตราคอนเวอร์ชันเพิ่มขึ้น: จากการศึกษาด้านอีคอมเมิร์ซหลายฉบับ เช่น การศึกษาปี 2025 ของ Baymard Institute เรื่องการละทิ้งรถเข็น เผยว่าการไม่มีวิธีการชำระเงินที่ลูกค้าต้องการ เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ลูกค้าละทิ้งรถเข็น การผสานรวมบัตรเติมเงินไว้สำหรับการชำระเงินออนไลน์จะช่วยเพิ่มอัตราการดำเนินคำสั่งซื้อให้สำเร็จได้

การทำงานของการชำระเงินด้วยบัตรเติมเงิน

การใช้บัตรเติมเงินเป็นวิธีที่ง่ายและออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานสะดวก ผู้ซื้อจะเติมเงินล่วงหน้าและสามารถใช้เงินนั้นในออนไลน์หรือในร้านค้าได้จนกว่ายอดคงเหลือจะหมด โดยรายละเอียดการทำงานของบัตรเติมเงินมีดังนี้

การเติมเงินบัตร

ตัวเลือกการเติมเงินบัตรมีหลายแบบซึ่งเหมาะกับลูกค้าที่หลากหลาย:

  • __ การโอนเงินต่างชาติ:__ หากบัตรมี IBAN ลูกค้าก็จะสามารถโอนเงินทุนจากบัญชีกระแสรายวันได้แบบเดียวกับการโอนเงินต่างชาติ
  • เงินสด: บัตรเติมเงินบางบัตรสามารถเติมเงินจากด้วยเงินสดได้ที่ร้านค้าทั่วไป เครื่องเอทีเอ็ม (ATM) หรือผู้ค้าปลีกที่ร่วมรายการ
  • บัตรหรือแอปอื่นๆ: ธนาคารและบริษัทฟินเทคหลายแห่งอนุญาตให้ลูกค้าสามารถเติมเงินจากแอปได้โดยตรงโดยใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือการโอนเงินระหว่างบุคคล (P2P) โดย P2P ก็คือการโอนเงินโดยตรงระหว่างคนสองคนโดยใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล หรือแอปธนาคารและฟินเทค
  • การโอนเครดิตเป็นงวด: ลูกค้าบางรายได้รับเงินเดือนเข้า IBAN ของบัตรเติมเงินโดยตรง ทำให้บัตรนั้นเป็นเหมือนบัญชีกระแสรายวันแบบง่าย

การใช้งานรายวัน

เมื่อเติมเงินแล้ว ลูกค้าจะใช้บัตรได้ในบริบทต่างๆ ดังนี้

  • __ การชำระเงินออนไลน์:__ ในการชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเติมเงิน ลูกค้าก็จะสามารถป้อนรายละเอียดของบัตรได้ (เช่น หมายเลขบัตร วันหมดอายุ และ CVV) ไม่ต่างจากการใช้บัตรเครดิต
  • การชำระเงินในร้านค้า: บัตรเติมเงินสามารถใช้กับเทอร์มินัล POS ได้เหมือนกับบัตรแบบดั้งเดิม โดยจะใช้ชิป หมายเลขประจำตัวประชาชน (PIN) และ การชำระเงินแบบไร้สัมผัส
  • การถอนเงินสด: บัตรเติมเงินเกือบทั้งหมดช่วยให้ลูกค้าสามารถถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในอิตาลีและต่างประเทศได้
  • การชำระเงินระหว่างประเทศ: เนื่องจากใช้งานเครือข่าย Visa หรือ Mastercard ลูกค้าจึงสามารถชำระเงินในต่างประเทศโดยใช้บัตรเติมเงินได้ เหมือนกับการใช้บัตรเดบิต

การควบคุมการใช้จ่าย

หนึ่งในเหตุผลหลักที่ลูกค้าเลือกเครื่องมือนี้คือสามารถติดตามตรวจสอบได้อย่างสะดวก

  • ลูกค้าสามารถตรวจสอบยอดคงเหลือและธุรกรรมแบบเรียลไทม์ได้ผ่านแอปหรือบริการธนาคารได้
  • ไม่มีความเสี่ยงที่จะติดหนี้ เพราะลูกค้าจะใช้ได้เฉพาะเงินที่เติมไว้ในบัตรเท่านั้น
  • สำหรับคนรุ่นใหม่และเด็ก บัตรเติมเงินยังเป็นเครื่องมือเชิงการเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเรียนรู้วิธีจัดการเงิน

ฟีเจอร์เพิ่มเติม

ปัจจุบันนี้ บัตรเติมเงินจำนวนมากสำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์มีบริการเพิ่มเติมดังนี้

  • บัตรดิจิทัลสำหรับการชำระเงินแบบครั้งเดียว
    บัตรเหล่านี้จะสร้างขึ้นจากแอปโดยตรง โดยมีหมายเลขที่แตกต่างจากบัตรจริง และมักจะหมดอายุหลังจากการใช้งานครั้งเดียว บัตรเหล่านี้มีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ต้องการใช้บัตรเติมเงินเพื่อชำระเงินทางออนไลน์โดยมีความปลอดภัยสูงสุด บัตรดิจิทัลจะป้องกันไม่ให้ข้อมูลของบัตรหลักถูกรั่วไหลหากเกิดเหตุการณ์การฉ้อโกงหรือการแฮ็คเว็บไซต์
  • การแจ้งเตือนพุชแบบเรียลไทม์
    ธุรกรรมทุกรายการจะสร้างการแจ้งเตือนที่ส่งไปยังสมาร์ตโฟนของลูกค้าโดยทันที ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตามค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้ทันที แม้จะเป็นค่าใช้จ่ายที่ยิบย่อย และสามารถระบุธุรกรรมที่น่าสงสัยได้ทันที ฟีเจอร์นี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าที่ต้องการควบคุมการใช้จ่ายของตนได้
  • การจัดการขั้นสูงผ่านแอป
    แอปจำนวนมากที่เชื่อมโยงกับบัตรเติมเงินช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบยอดคงเหลือและธุรกรรมของตนได้ และยังช่วยให้ลูกค้าสามารถบล็อกหรือยกเลิกการบล็อกบัตรได้โดยการแตะเพียงครั้งเดียว สามารถเปลี่ยน PIN กำหนดวงเงินใช้จ่าย หรือปิดใช้งานการชำระเงินในต่างประเทศได้ การจัดการนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอฝ่ายสนับสนุนลูกค้า

การทำงานของการชำระเงินด้วยบัตรเติมเงิน

การชำระเงินด้วยบัตรเติมเงินทำงานเหมือนกับการชำระเงินด้วยบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตปกติ โดยขั้นแรก ลูกค้าจะเติมเงินในจำนวนที่ต้องการในบัตร จากนั้นลูกค้าใช้บัตรเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการทางออนไลน์โดยป้อนรายละเอียดของบัตรหรือแตะบัตรบนเทอร์มินัล POS ลูกค้าจะใช้ได้เฉพาะเงินที่เติมไว้ในบัตรเท่านั้น ซึ่งไม่มีความเสี่ยงที่จะติดหนี้

การชำระเงินด้วยบัตรเติมเงินจะถูกเรียกเก็บเมื่อใด

การชำระเงินด้วยบัตรเติมเงินจะถูกเรียกเก็บตอนที่ทำธุรกรรม โดยจะหักเงินจากยอดคงเหลือที่ใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอหรือชำระเงินเป็นงวด

ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยและประโยชน์ของบัตรเติมเงิน

ความปลอดภัยเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ลูกค้าอยากชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเติมเงินแทนบัตรเครดิตแบบดั้งเดิม

โดยประโยชน์หลักๆ ด้านความปลอดภัยมีดังต่อไปนี้

  • การจำกัดความเสี่ยง: ลูกค้าสามารถใช้ได้เฉพาะเงินที่เติมในบัตรเท่านั้น ซึ่งช่วยลดความเสียหายได้ในกรณีที่เกิดการฉ้อโกง
  • บัตรดิจิทัล: บริษัทผู้ออกบัตรบางรายสามารถออกบัตรชั่วคราวสำหรับการใช้งานครั้งเดียวได้ ซึ่งเหมาะสำหรับการซื้อบนเว็บไซต์ที่ไม่คุ้นเคย
  • การตรวจสอบการฉ้อโกง: ธุรกรรมต่างๆ มักต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งว่าด้วยบริการชำระเงินฉบับปรับปรุง (PSD2)
  • การแยกตัวจากบัญชีกระแสรายวัน การใช้บัตรเติมเงินเพื่อซื้อสินค้าออนไลน์จะเป็นการแยกการชำระเงินดิจิทัลออกจากบัญชีหลัก

ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างบัตรเติมเงินกับบัตรเครดิต

หากต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเติมเงินและข้อดีของบัตรเหล่านี้ ควรเปรียบเทียบบัตรเหล่านี้กับบัตรเครดิตโดยตรง โดยข้อแตกต่างที่สำคัญมีดังนี้

  • แหล่งเงินทุน
    เมื่อใช้บัตรเติมเงิน ลูกค้าจะใช้ได้เฉพาะเงินที่เติมล่วงหน้าไว้ในบัตรเท่านั้น และไม่มีสิทธิ์เข้าถึงวงเงินเครดิตใดๆ ในทางกลับกัน บัตรเครดิตจะทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้แม้ว่าเงินทุนจะไม่พอใช้ในทันที เพราะธนาคารจะชำระให้ล่วงหน้า แล้วลูกค้าจะต้องชำระคืนธนาคารในภายหลัง
  • การจัดการการใช้จ่ายและความเสี่ยงในการติดหนี้
    เมื่อใช้บัตรเติมเงิน ลูกค้าจะไม่สามารถเป็นหนี้ได้เนื่องจากระบบจะบล็อกธุรกรรมที่เกินยอดคงเหลือที่ใช้ได้ แต่ในทางกลับกัน ค่าใช้จ่ายที่ชำระผ่านบัตรเครดิตจะสะสมเรื่อยๆ และจะเรียกเก็บเป็นการชำระเงินรายการเดียวเมื่อถึงสิ้นเดือนหรือเป็นการผ่อนชำระ หากเจ้าของบัตรไม่ชำระเงินตามวันครบกำหนดชำระ จะมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเพิ่ม ซึ่งอาจทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ข้อกำหนดด้านคุณสมบัติ
    โดยทั่วไปแล้วการขอรับเครดิตต้องมีการตรวจสอบเครดิต หลักฐานแสดงรายได้ และบางครั้งก็มีหลักประกันเพิ่มเติม ในทางกลับกัน ทุกคนสามารถใช้บัตรเติมเงินได้เลย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษาหรือผู้ที่ไม่มีบัญชีกระแสรายวันแบบดั้งเดิม
  • กลุ่มเป้าหมาย
    บัตรเครดิตถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการชำระเงิน และสามารถจัดการการเรียกเก็บเงินในอนาคตได้ อีกวิธีหนึ่งคือ การชำระเงินด้วยบัตรเติมเงิน ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่ต้องการควบคุมการใช้จ่ายของตัวเองมากขึ้น โดยสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการติดหนี้ได้ และช่วยแยกการชำระเงินออนไลน์ออกจากการเงินส่วนตัวได้
  • กับการรับชำระเงิน
    บัตรทั้งสองแบบสามารถใช้สำหรับการซื้อทางออนไลน์และในร้านค้าได้ อย่างไรก็ตาม รายการจองบางรายการ (เช่น การเช่ารถ) กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าต้องใช้บัตรเครดิต ธุรกรรมเหล่านี้ช่วยให้สามารถกันวงเงินไว้เป็นเงินมัดจำได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่บัตรเติมเงินไม่รองรับ

ฟีเจอร์

บัตรเติมเงิน

บัตรเครดิต

แหล่งเงินทุน

จากเงินที่เติมเท่านั้น

วงเงินเครดิตที่ธนาคารให้

ความเสี่ยงในการติดหนี้

ไม่มี

สูง หากไม่ชำระคืนภายในวันครบกำหนดชำระ

ข้อกำหนดในการใช้งาน

น้อยที่สุด ทุกคนสามารถใช้ได้

ต้องมีการประเมินเครดิตหรือรายได้

การควบคุมการใช้จ่าย

ดีมาก ค่าใช้จ่ายจะถูกจำกัดตามยอดคงเหลือที่ใช้ได้

ยากกว่า มีความเสี่ยงที่จะมีหนี้สะสม

การยอมรับ

ถูกใช้อย่างแพร่หลายทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยมีการจำกัดจำนวนเงินฝาก

ยอมรับในทุกที่ จำเป็นสำหรับการวางมัดจำ (เช่น โรงแรม รถยนต์)

วิธีใช้บัตรเติมเงินสำหรับทำธุรกรรมออนไลน์

การใช้บัตรเติมเงินเพื่อการชำระเงินออนไลน์เป็นวิธีที่เรียบง่ายและใช้งานง่าย แต่การทราบขั้นตอนอย่างละเอียดก็จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์และเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมได้ด้วย

ขั้นตอนทั่วไปจะดำเนินดังนี้:

  • เลือกผลิตภัณฑ์หรือบริการ: เมื่อลูกค้าเลือกสิ่งที่จะซื้อบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซได้แล้ว ลูกค้าจะไปที่รถเข็นเพื่อเริ่มขั้นตอนการชำระเงิน เครือข่าย Visa และ Mastercard จะยอมรับบัตรเติมเงิน เหมือนกับบัตร การชำระเงินอื่นๆ
  • เลือกวิธีการชำระเงิน: ในขั้นตอนการชำระเงิน ลูกค้าจะพบกับตัวเลือกต่างๆ (เช่น บัตร, PayPal, การโอนเงินต่างชาติ) หากลูกค้าต้องการชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเติมเงิน ลูกค้าจะต้องเลือกตัวเลือก "ชำระเงินด้วยบัตร" หรือ "ชำระเงินด้วยบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต"
  • ป้อนรายละเอียดบัตร: ในการซื้อสินค้าออนไลน์ ลูกค้าจะต้องป้อนรายละเอียดของบัตรเติมเงิน ซึ่งได้แก่ หมายเลขบัตร 16 หลัก วันหมดอายุ และรหัสความปลอดภัยของ CVV นอกจากนี้ บางแพลตฟอร์มยังอนุญาตให้ลูกค้าสามารถบันทึกข้อมูลของตนไว้สำหรับการซื้อในอนาคตได้อีกด้วย แต่ขอแนะนำให้บันทึกเฉพาะบนเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น
  • ดำเนินการตรวจสอบสิทธิ์และการรักษาความปลอดภัยให้เสร็จสิ้น: กฎหมาย PSD2 ของยุโรปกำหนดให้ต้องดำเนินการการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม (SCA) ดังนั้น ลูกค้าจะต้องยืนยันการชำระเงินด้วยรหัสชั่วคราวที่ได้รับผ่านข้อความ SMS หรือการแจ้งเตือนแบบพุชบนแอปธนาคาร หรือยืนยันด้วยการจดจำข้อมูลไบโอเมตริก ขั้นตอนนี้จะเป็นการเพิ่มชั้นการป้องกันการฉ้อโกงขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง
  • รับการยืนยันและใบเสร็จ: หลังจากดำเนินการอนุมัติแล้ว ระบบจะประมวลผลการชำระเงินภายในไม่กี่วินาที โดยลูกค้าจะได้รับการยืนยันบนเว็บไซต์และการยืนยันผ่านทางอีเมล และในแอปที่เชื่อมโยงกับบัตรเติมเงินของลูกค้าก็จะแสดงรายการเรียกเก็บเงินทันทีเมื่ออัปเดตยอดคงเหลือ

นอกเหนือจากการชำระเงินแยกรายการแล้ว บัตรเติมเงินยังสามารถใช้ในธุรกรรมอื่นๆ ได้ดังต่อไปนี้

  • การสมัครใช้บริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์ (เช่น สตรีมมิง ซอฟต์แวร์ บริการดิจิทัล) โดยมีการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า
  • การชำระเงินระหว่างประเทศในสกุลเงินต่างประเทศโดยใช้เครือข่าย Mastercard หรือ Visa
  • มีการสร้างบัตรดิจิทัลขึ้นเพื่อปกป้องข้อมูลขณะซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ที่ไม่คุ้นเคย

Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง

Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจใดๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลกรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้

Stripe Payments ช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้

  • เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ให้แล้ว, สิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe
  • ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและกว่า 135 สกุลเงิน
  • รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายได้
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและความสามารถขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
  • เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการที่แทบจะไม่หยุดทำงานเลย และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของวงการ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe Payments สามารถช่วยให้คุณรับการชำระเงินออนไลน์และที่จุดขายได้ หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

บทความอื่นๆ

  • เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง โปรดลองอีกครั้งหรือติดต่อฝ่ายสนับสนุน

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe