ในปี 2022 อิตาลีได้บังคับใช้การออกใบแจ้งหนี้แก่ลูกค้าต่างประเทศทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งธุรกิจและบุคคลทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่ในรัฐสมาชิกของสหภาพยุโรปหรือไม่ก็ตาม บทความนี้จะอธิบายการทำงานของการออกใบแจ้งหนี้ทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับลูกค้าต่างประเทศ โดยเน้นที่วิธีการออกใบแจ้งหนี้ การจัดเก็บใบแจ้งหนี้อย่างถูกต้อง และการพิจารณาว่าจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือไม่

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

• ข้อกำหนดในการออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ไปยังต่างประเทศ
  
• วิธีออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ลูกค้าต่างประเทศ
  
• วิธีการจัดเก็บใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ที่ออกให้กับลูกค้าในต่างประเทศอย่างถูกต้อง
  
• ภาษีมูลค่าเพิ่มในใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ที่ออกให้แก่ลูกค้าต่างประเทศ
  
• ใบแจ้งหนี้จากผู้เสียภาษีอัตราคงที่ออกให้แก่ลูกค้าต่างประเทศ
  

ข้อกำหนดในการออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ไปยังต่างประเทศ

ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2022 เป็นต้นไป อิตาลีได้กำหนดให้ธุรกิจต่างๆ ต้องออกใบแจ้งหนี้สำหรับธุรกรรมกับนิติบุคคลต่างประเทศ มาตรา 1 ย่อหน้า 3 ทวิของกฎหมายหมายเลข 127/2015 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎหมายงบประมาณปี 2021 ระบุว่าข้อมูลจากใบแจ้งหนี้ข้ามพรมแดนจะต้องส่งทางอิเล็กทรอนิกส์ในภาษามาร์กอัปที่ขยายได้ (XML) ผ่านระบบการแลกเปลี่ยน (SdI)

ก่อนหน้านี้ บริษัทที่ออกใบแจ้งหนี้ให้แก่ลูกค้าต่างประเทศสามารถใช้ใบแจ้งหนี้แบบกระดาษหรือดิจิทัลแบบดั้งเดิมได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาจำเป็นต้องรายงานข้อมูลใบแจ้งหนี้สำหรับธุรกรรมข้ามพรมแดน (เช่น การขายสินค้าและบริการให้กับนิติบุคคลนอกอิตาลี) ให้กับหน่วยงานรายได้ของอิตาลี (Agenzia delle Entrate) ทุกไตรมาสผ่าน Esterometro ซึ่งเป็นระบบการสื่อสารใบแจ้งหนี้ข้ามพรมแดน ขณะนี้ Esterometro ถูกแทนที่ด้วยการออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์

วิธีออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ลูกค้าต่างประเทศ

เมื่อกรอกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์สำหรับลูกค้าต่างประเทศ คุณจะต้องกรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้อย่างระมัดระวัง:

• ช่องรหัสผู้รับ (Codice Destinatario): ป้อน X จำนวน 7 ตัว (นั่นคือ "XXXXXXX") ทั้งสําหรับลูกค้าที่อยู่ในสหภาพยุโรปและลูกค้าที่ไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรป

• ช่องข้อมูล ID ประเทศ (IdPaese): หากต้องการระบุประเทศของ "ผู้รับโอน/ผู้ซื้อ" ในใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ ให้เลือกรหัสประเทศสองตัวอักษรที่เกี่ยวข้องในมาตรฐาน International Organization for Standardization (ISO) 3166-1 alpha-2 เมื่อป้อนประเทศต่างประเทศในส่วนนี้ คุณสามารถเว้นช่องจังหวัดให้ว่างไว้ได้

• ช่องรหัสไปรษณีย์ (CAP): สำหรับใบแจ้งหนี้ที่ส่งไปยังต่างประเทศ โปรดกรอก "00000" ในช่องรหัสไปรษณีย์ คุณยังสามารถใช้ช่องที่อยู่เพื่อป้อนรหัสไปรษณีย์ในต่างประเทศได้ด้วย

• ช่องหมายเลขประจําตัวประชาชนและรหัสภาษี (IdCodice และ Codice Fiscale): ในช่องรหัส ID ให้ป้อนรหัสที่ประกอบด้วยตัวเลขและตัวอักษรของผู้รับ โดยมีอักขระได้สูงสุด 28 ตัว SdI จะไม่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลนี้ สำหรับใบแจ้งหนี้ที่ส่งให้กับบุคคลต่างประเทศ ให้กรอกเฉพาะช่องรหัส ID และเว้นช่องรหัสภาษีว่างไว้

ส่งใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้า

เมื่อส่งใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าต่างประเทศ คุณต้องส่งไปที่ SdI โดยใช้ซอฟต์แวร์การออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะตรวจสอบใบแจ้งหนี้

จากนั้นคุณจะต้องส่งสำเนาใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าต่างประเทศของคุณ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเอกสารพกพา (PDF) หรือใบแจ้งหนี้แบบพิมพ์ เนื่องจากพวกเขาจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ส่งผ่าน SdI ได้

รหัสภาษีมูลค่าเพิ่มประเภท (Natura IVA) สำหรับใบแจ้งหนี้ของลูกค้าต่างประเทศ

ใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์สําหรับลูกค้าต่างประเทศต้องมีรหัสประเภทภาษีมูลค่าเพิ่มที่เป็นลําดับตัวอักษรและตัวเลขที่ระบุประเภทของธุรกรรม ซึ่งต้องป้อนในช่องประเภทของใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์

รหัสประเภทของภาษีมูลค่าเพิ่มสําหรับใบแจ้งหนี้ต่างประเทศมีดังนี้:

• N3.1: ไม่ต้องเสียภาษี, การส่งออก
  
• N3.2: ไม่ต้องเสียภาษี, การจัดหาสินค้าและบริการภายในชุมชน
  
• N3.3: ไม่ต้องเสียภาษี, การจัดการสินค้าและบริการไปยังซาน มาริโน
  

เราขอแนะนําให้คุณพูดคุยกับนักบัญชีเพื่อให้มั่นใจว่ามีการใช้รหัสประเภทของภาษีมูลค่าเพิ่มที่ถูกต้อง

วิธีการจัดเก็บใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ที่ออกให้กับลูกค้าในต่างประเทศอย่างถูกต้อง

หากธุรกิจของคุณตั้งอยู่ในอิตาลีและคุณออกใบแจ้งหนี้ทางอิเล็กทรอนิกส์ใน SdI ที่ระบุรหัสประเทศอื่นที่ไม่ใช่ "IT" สำหรับผู้รับ ใบแจ้งหนี้จะต้องถูกจัดเก็บในระบบอิเล็กทรอนิกส์

ใบแจ้งหนี้ทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด รวมถึงใบแจ้งหนี้ที่ออกให้ลูกค้าต่างประเทศ จะต้องถูกจัดเก็บไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี (โดยใช้ "การเก็บถาวรทดแทน" โดยการแทนที่ใบแจ้งหนี้แบบกระดาษด้วยใบแจ้งหนี้แบบดิจิทัล) กระบวนการนี้อยู่ภายใต้ Digital Administration Code (CAD) โดยการบันทึกเอกสารเป็น PDF บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ

สำหรับการจัดเก็บ คุณสามารถใช้บริการที่จัดหาให้โดยหน่วยงานรายได้ของอิตาลีผ่านพอร์ทัลใบแจ้งหนี้และใบเสร็จรับเงิน หรือคุณสามารถเลือกซอฟต์แวร์การออกใบแจ้งหนี้ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีฟังก์ชันการจัดเก็บที่เป็นไปตามข้อกำหนดก็ได้

การจัดการใบแจ้งหนี้สําหรับธุรกิจอาจมีความซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น เครื่องมือบางอย่าง เช่น Stripe Invoicing ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมและปรับขนาดได้ จะช่วยทําให้กระบวนการเป็นอัตโนมัติ Invoicing จะช่วยคุณสร้างและส่งใบแจ้งหนี้สําหรับทั้งการชําระเงินครั้งเดียวและการชําระเงินตามแบบแผนล่วงหน้าโดยไม่ต้องเขียนโค้ดเลย Invoicing ช่วยให้คุณประหยัดเวลาและรับเงินได้เร็วขึ้น โดย 87% ของใบแจ้งหนี้จาก Stripe ได้รับการชําระภายใน 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ เมื่อคุณร่วมงานกับพาร์ทเนอร์บริษัทอื่น คุณก็สามารถใช้ Invoicing เพื่อจัดการใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ได้เช่นกัน

ภาษีมูลค่าเพิ่มในใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ที่ออกให้แก่ลูกค้าต่างประเทศ

สําหรับใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งให้ลูกค้าต่างประเทศ การยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มจะขึ้นอยู่กับตําแหน่งที่ตั้งของลูกค้า หากลูกค้าอยู่ในประเทศสหภาพยุโรป คุณจะต้องพิจารณาด้วยว่าธุรกรรมนั้นเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ และผู้รับเป็นธุรกิจหรือบุคคล หากลูกค้าอยู่นอกสหภาพยุโรป จะมีการนํากฎที่แตกต่างกันมาใช้

การขายสินค้าให้กับธุรกิจในประเทศอื่นในสหภาพยุโรป

ในกรณีนี้ คุณต้องออกใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหากลูกค้ามีหมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่มของสหภาพยุโรปที่ถูกต้อง คุณยังสามารถหักภาษีมูลค่าเพิ่มที่จ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น สินค้าหรือบริการที่ซื้อเป็นส่วนหนึ่งของการขายนี้ได้ หากบริษัทของลูกค้าไม่มีหมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่มของสหภาพยุโรปที่ถูกต้อง คุณมักจะต้องใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราที่บังคับใช้ในประเทศของคุณ

การขายสินค้าให้แก่บุคคลทั่วไปที่อาศัยอยู่ในประเทศอื่นในสหภาพยุโรป

ธุรกรรมเหล่านี้จัดเป็นการขายระยะไกลและมีภาษีมูลค่าเพิ่มขั้นต่ำที่ 10,000 ยูโรภายในสหภาพยุโรป สำหรับการขายระยะไกลของบริการโทรคมนาคม การออกอากาศ และบริการอิเล็กทรอนิกส์ (TTE) ที่ต่ำกว่าเกณฑ์นี้ สามารถใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามประเทศที่ซัพพลายเออร์จัดตั้งขึ้น (นั่นคือ ประเทศต้นทาง) ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกินกว่าเกณฑ์นี้จะต้องเสียภาษีในประเทศที่บุคคลนั้นอาศัยอยู่ (เช่น ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ)

หากคุณดําเนินธุรกิจขายออนไลน์ เช่น มาร์เก็ตเพลสหรือแพลตฟอร์ม และขายสินค้าและบริการในหลายประเทศในสหภาพยุโรป คุณสามารถจดทะเบียนเข้าร่วมหลักเกณฑ์ VAT Stop Shop (OSS) ได้ วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถจัดการการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มและการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งหมดผ่านขั้นตอนเดียวสำหรับทุกประเทศในสหภาพยุโรปที่คุณมีลูกค้า

การขายบริการแก่ธุรกิจในประเทศอื่นในสหภาพยุโรป

หากคุณขายบริการให้แก่ธุรกิจหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ โดยทั่วไปแล้วคุณไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในใบแจ้งหนี้ที่ออกให้แก่ลูกค้าต่างประเทศ ในกรณีนี้ ลูกค้าต้องรับผิดชอบการชําระภาษีมูลค่าเพิ่มตามอัตราที่บังคับใช้ในประเทศของตนภายใต้ขั้นตอนการเรียกเก็บย้อนกลับ คุณยังสามารถหักภาษีมูลค่าเพิ่มที่จ่ายจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น สินค้าหรือบริการที่ซื้อเป็นส่วนหนึ่งของการขายนั้นได้

การขายบริการให้แก่บุคคลทั่วไปที่อาศัยอยู่ในประเทศอื่นในสหภาพยุโรป

โดยปกติแล้วคุณจะต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามอัตราที่บังคับใช้ในประเทศของคุณ ยกเว้นบริการ TTE ซึ่งอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจะขึ้นอยู่กับประเทศที่ลูกค้าอาศัยอยู่

การขายสินค้าให้แก่ลูกค้านอกสหภาพยุโรป

หากคุณขายสินค้าให้กับลูกค้านอกสหภาพยุโรป คุณไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในใบแจ้งหนี้ของคุณ คุณยังสามารถหักภาษีมูลค่าเพิ่มที่จ่ายจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น สินค้าหรือบริการเพื่อวัตถุประสงค์ของการขายนั้นได้

การขายบริการให้แก่ลูกค้านอกสหภาพยุโรป

หากคุณให้บริการแก่ลูกค้านอกสหภาพยุโรป โดยทั่วไปคุณไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในใบแจ้งหนี้ อย่างไรก็ตาม หากมีการใช้บริการในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่น ประเทศนั้นๆ อาจตัดสินใจเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณสามารถหักภาษีมูลค่าเพิ่มที่จ่ายไปจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น สินค้าหรือบริการที่ซื้อเป็นส่วนหนึ่งของการขายนั้นได้

ใบแจ้งหนี้จากผู้เสียภาษีอัตราคงที่ที่ออกให้แก่ลูกค้าต่างประเทศ

สำหรับผู้เสียภาษีแบบอัตราคงที่ที่ออกใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าต่างประเทศ สิ่งสำคัญคือต้องแยกแยะระหว่างการขายสินค้าภายในสหภาพยุโรป การขายสินค้านอกสหภาพยุโรป และการขายบริการทั้งในและนอกสหภาพยุโรป

การขายสินค้าในสหภาพยุโรปสําหรับผู้เสียภาษีอัตราคงที่

สำหรับใบแจ้งหนี้ที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าภายในสหภาพยุโรป ธุรกรรมที่ดำเนินการโดยผู้เสียภาษีภายใต้หลักเกณฑ์อัตราคงที่จะไม่ถือเป็นการจัดหาภายในชุมชน มาตรา 41 ย่อหน้า 2 ทวิของพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 331/1993 ระบุว่าการขายสินค้าโดยผู้เสียภาษีแบบอัตราคงที่ให้กับลูกค้าในสหภาพยุโรปจะถือเป็นธุรกรรมในประเทศ

หากเข้าหลักเกณฑ์อัตราคงที่ คุณไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายและต้องรวมคำชี้แจงนี้ในใบแจ้งหนี้ของคุณ: "การทำธุรกรรมไม่ถือเป็นการจัดหาภายในชุมชน ตามมาตรา 41(2) แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 331/93" คุณไม่จำเป็นต้องส่งแบบฟอร์ม Intrastat รายไตรมาส (นั่นคือ เอกสารที่สรุปยอดขายภายในชุมชนและธุรกรรมที่ดำเนินการโดยบุคคลที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในช่วงระยะเวลาที่ระบุ)

การขายสินค้านอกสหภาพยุโรปสำหรับผู้เสียภาษีแบบอัตราคงที่

ในกรณีนี้ คุณต้องออกใบแจ้งหนี้ที่ไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยระบุว่าเป็นธุรกรรมที่ไม่ต้องเสียภาษีภายใต้มาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาประธานาธิบดีฉบับที่ 633/72 เนื่องจากไม่มีข้อกำหนดเรื่องอาณาเขต

การขายบริการในและนอกสหภาพยุโรปสําหรับผู้เสียภาษีอัตราคงที่

หากคุณออกใบแจ้งหนี้สำหรับบริการที่มอบให้แก่ลูกค้าในสหภาพยุโรป คุณสามารถปฏิบัติต่อลูกค้ารายดังกล่าวในฐานะผู้ค้าในประเทศได้ ใบแจ้งหนี้ควรออกโดยไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่มและมีการระบุการเรียกเก็บย้อนกลับ คุณจะต้องส่งแบบฟอร์ม Intrastat สำหรับบริการนั้นด้วย