How do businesses in Germany obtain a BaFin license?

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ใบอนุญาต BaFin คืออะไร
  3. องค์กรใดเป็นผู้กำกับดูแลและออกใบอนุญาต
  4. ใครบ้างที่ต้องยื่นคำขอใบอนุญาต BaFin
  5. เกณฑ์ใดบ้างที่ต้องพิจารณาในการออกใบอนุญาต BaFin
  6. กระบวนการยื่นคำขอมีรูปแบบอย่างไร
  7. ใบอนุญาต BaFin มีค่าใช้จ่ายเท่าใด
  8. ข้อดีข้อเสียของยื่นขอใบอนุญาต BaFin มีอะไรบ้าง
  9. หากไม่มีใบอนุญาต BaFin จะมีความเสี่ยงอย่างไร

ธุรกิจที่ต้องการให้บริการทางการเงินในเยอรมนีจะต้องยื่นคำขอใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคาร หาคำตอบว่าใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารคืออะไร กระบวนการยื่นคำขอเป็นอย่างไร สิ่งที่ธุรกิจต้องพิจารณา และความเสี่ยงจากการไม่ยื่นคำขอใบอนุญาต

เนื้อหาหลักในบทความ

  • ใบอนุญาต BaFin คืออะไร
  • องค์กรใดเป็นผู้กำกับดูแลและออกใบอนุญาต
  • ใครบ้างที่ต้องยื่นคำขอใบอนุญาต BaFin
  • เกณฑ์ใดบ้างที่ต้องพิจารณาในการออกใบอนุญาต BaFin
  • กระบวนการยื่นคำขอมีรูปแบบอย่างไร
  • ใบอนุญาต BaFin มีค่าใช้จ่ายเท่าใด
  • ข้อดีข้อเสียของยื่นขอใบอนุญาต BaFin มีอะไรบ้าง
  • หากไม่มีใบอนุญาต BaFin จะมีความเสี่ยงอย่างไร

ใบอนุญาต BaFin คืออะไร

BaFin ย่อมาจาก "Bundesanstalt für Finanzdienstleistungsaufsicht" ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินแห่งสหพันธรัฐเยอรมนี โดยใบอนุญาตจาก BaFin และใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารถือเป็นการอนุญาตอย่างเป็นทางการให้บริษัทสามารถนำเสนอบริการทางการเงินและบริการด้านการธนาคารโดยทั่วไปได้ตามลำดับ และยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าใบอนุญาต BaFin หรือใบอนุญาต KWG ซึ่ง KWG ย่อมาจาก "Kreditwesengesetz" หรือก็คือพระราชบัญญัติการธนาคารของเยอรมนี

มาตรา 32 (1) ประโยคที่ 1 แห่ง KWG ได้บัญญัติไว้ว่า บริษัทจำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตจาก BaFin ก่อนเริ่มดำเนินกิจกรรมที่มีลักษณะดังกล่าว

องค์กรใดเป็นผู้กำกับดูแลและออกใบอนุญาต

หน่วยงานที่รับผิดชอบในการออกใบอนุญาต BaFin ในเยอรมนีคือหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินแห่งสหพันธรัฐ (BaFin) ในเมืองโบนน์ของเยอรมนี ก่อนเดือนพฤษภาคม 2002 หน่วยงานนี้มีชื่อว่าสำนักงานกำกับดูแลการธนาคารแห่งสหพันธรัฐ (BAKred) โดยหน่วยงานดังกล่าวได้ควบรวมเข้ากับหน่วยงานกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์แห่งสหพันธรัฐ (BAWe) และประกันภัย (BAV) เพื่อจัดตั้งเป็น BaFin อันเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูป ในฐานะองค์กรกลาง BaFin มีหน้าที่กำกับดูแลธนาคาร บริษัทผู้ให้บริการทางการเงิน บริษัทประกันภัย และผู้ค้าหลักทรัพย์

เมื่อการซื้อขายออนไลน์เติบโตขึ้น BaFin ต้องติดต่อกับบริษัทจากภาคส่วนเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) มากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มระดมทุน มาร์เก็ตเพลสออนไลน์ หรือบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสกุลเงินเสมือน

BaFin เป็นสถาบันอิสระที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายมหาชน และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลด้านกฎหมายและด้านเทคนิคของกระทรวงการคลังแห่งสหพันธรัฐ โดย BaFin เป็นสถาบันที่บริหารงานโดยคณะกรรมการบริหาร และได้รับเงินทุนจากค่าธรรมเนียมและเงินสมทบที่เรียกเก็บจากบริษัทและสถาบันต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล

ตามที่ระบุไว้ในข้อบังคับการก่อตั้ง BaFin ไม่เพียงรับผิดชอบการกำกับดูแลทั่วไปในด้านการธนาคารและการเงินเท่านั้น แต่ยังรับผิดชอบการป้องกันการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายด้วย เป้าหมายอีกส่วนหนึ่งคือการคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล BaFin จะคอยติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ในตลาดการเงิน และในกรณีที่ตรวจพบแนวโน้มเชิงลบ ก็จะนำมาตรการป้องกันมาใช้เพื่อรับมือกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว

ใครบ้างที่ต้องยื่นคำขอใบอนุญาต BaFin

มาตรา 32 แห่ง KWG ที่กล่าวถึงข้างต้น ได้กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับใบอนุญาตภาคบังคับสำหรับธุรกรรมธนาคารแบบดั้งเดิมและบริการทางการเงิน ตามกฎหมายแล้ว บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องมีใบอนุญาต BaFin ด้วยเช่นกัน หากมีการระดมเงินทุนจากหลายบุคคล โดยมีเป้าหมายเพื่อนำไปลงทุนในนามและเพื่อผลประโยชน์ของบุคคลเหล่านั้น อันเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนที่กำหนดไว้

ในกรณีที่เป็นรูปแบบของกองทุนรวมที่มีผู้จัดการกองทุน บริษัทจัดการกองทุนแค่ลงทะเบียนกับ BaFin ตามมาตรา 44 ประกอบกับมาตรา 2 (4) แห่งประมวลกฎหมายการลงทุนของเยอรมนี (KAGB) เท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตจาก BaFin

ธุรกิจต่อไปนี้จากภาคการธนาคารและการเงินต้องมีใบอนุญาต BaFin ตามโมเดลธุรกิจของตนเอง:

  • ธุรกรรมธนาคาร: การดำเนินงานโดยทั่วไปของธนาคาร ซึ่งได้แก่การรับฝากเงินและการให้สินเชื่อนั้น จำเป็นต้องมีใบอนุญาตจาก BaFin ทั้งสิ้น ไม่ว่าสถาบันการเงินนั้นจะนำเสนอบริการด้านการธนาคารครบวงจร หรือเชี่ยวชาญเฉพาะทางเพียงหนึ่งหรือสองด้าน ก็ไม่ต่างกัน กล่าวคือยังคงต้องมีใบอนุญาตอยู่ดี
  • บริการการซื้อขายหลักทรัพย์: ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและการขายหลักทรัพย์โดยเฉพาะจะต้องมีใบอนุญาต BaFin
  • บริการทางการเงิน: ต้องมีใบอนุญาต BaFin สำหรับธุรกรรมทั้งหมดที่ดำเนินการเกี่ยวกับการเช่าซื้อ การจัดการสินทรัพย์ หรือโมเดลทางการเงินอื่นๆ
  • การซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี: การออก การบริหารจัดการ และการป้องกันความเสี่ยงสินทรัพย์คริปโตหรือคีย์คริปโตส่วนตัวซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการถือครอง จัดเก็บ และโอนย้ายสินทรัพย์คริปโต ก็จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาต BaFin ด้วยเช่นกัน
  • บริการชําระเงินและเงินอิเล็กทรอนิกส์: ธุรกิจต้องได้รับการอนุมัติในรูปแบบใบอนุญาต BaFin เพื่อให้บริการชำระเงินบางอย่างหรือการออกเงินอิเล็กทรอนิกส์
  • โมเดลธุรกิจแบบผสมหรือแบบไฮบริด: ในกรณีที่บริษัทได้ให้บริการธุรกรรมบางอย่างที่กล่าวถึงข้างต้นในกลุ่มธุรกิจธนาคารและบริการทางการเงินอยู่แล้ว และกำลังพิจารณานำเสนอบริการทางการเงินอื่นๆ เพิ่มเติม ก็อาจจำเป็นต้องมีใบอนุญาต BaFin เพิ่มเติมด้วย

เกณฑ์ใดบ้างที่ต้องพิจารณาในการออกใบอนุญาต BaFin

การธนาคารสมัยใหม่และโลกการเงินได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา การเติบโตของระบบดิจิทัลและโมเดลธุรกิจออนไลน์รูปแบบใหม่ๆ หมายความว่าการให้สินเชื่อมักเกิดขึ้นโดยแทบจะไม่พิจารณาหลักทรัพย์จับต้องได้เลย ในอดีตเราเคยใช้โลหะมีค่าเป็นหลักประกันความเสี่ยงด้านเครดิตเป็นหลัก

ยิ่งไปกว่านั้น ระบบการเงินโลกมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องมาจากการขยายตัวของเครือข่ายระหว่างประเทศ โลกาภิวัตน์ของธุรกรรมทางการเงินได้นำไปสู่ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน แนวโน้มที่โลกการเงินจะเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ดังนั้น BaFin จึงกำหนดเกณฑ์บางประการอย่างเข้มงวดในการพิจารณาคำขอใบอนุญาตเพื่อคุ้มครองลูกค้า

การบริหารธุรกิจที่เชื่อถือได้เป็นหนึ่งในข้อกำหนดหลักสำหรับการอนุมัติคำขอใบอนุญาตจาก BaFin การบริหารจะได้รับพิจารณาว่ามีความน่าเชื่อถือ เมื่อสามารถพิสูจน์ให้เห็นความเชี่ยวชาญทางเทคนิคที่จําเป็นได้ นอกจากนี้ ทีมบริหารควรมีประสบการณ์ระดับหนึ่งด้วย โดย BaFin จะพิจารณาว่าการบริหารของบริษัทนั้นไม่น่าเชื่อถือ หากมีการกระทำผิดปกติบางประการ เช่น การฉ้อโกงหรือการยักยอกทรัพย์ หรือการละเมิดกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่บังคับใช้ในลักษณะคล้ายกัน

หากต้องการรับใบอนุญาต BaFin ธุรกิจผู้ยื่นคำขอจะเป็นต้องมีแผนธุรกิจที่ระบุแหล่งเงินทุน พร้อมด้วยการคาดการณ์งบประมาณสำหรับระยะเวลาอย่างน้อยสามปี ข้อกำหนดนี้มีขึ้นเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของลูกค้าด้วยเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ BaFin ต้องการทราบก็คือแนวคิดทางธุรกิจของบริษัทจะสามารถดำเนินการได้จริงหรือไม่ (กล่าวคือ บริษัทจะมีเงินทุนที่จำเป็นสำหรับดำเนินกิจการไปได้อย่างน้อยสามปีหรือไม่)

สุดท้าย BaFin จะพิจารณาด้วยว่าธุรกิจจะปฏิบัติตามและนำพระราชบัญญัติการฟอกเงินมาบังคับใช้ด้วยหรือไม่ ซึ่งอาจฟังดูเป็นเรื่องยากเนื่องจากไม่มีใครคาดการณ์อนาคตได้ แต่ในทางปฏิบัติ ธุรกิจจึงต้องแสดงให้เห็นในคำขอว่ามีข้อกําหนดด้านการปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้งานได้ ซึ่งก็คือการสัญญาอย่างชัดแจ้งและเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายในอนาคต

กระบวนการยื่นคำขอมีรูปแบบอย่างไร

การยื่นขอใบอนุญาต BaFin จะต้องเป็นลายลักษณ์อักษรเสมอ ในกรณีของบริษัทจํากัด คณะกรรมการบริหารหรือฝ่ายบริหารจะเป็นผู้รับผิดชอบในการยื่นคำขอในนามของธุรกิจ แต่ในกรณีที่เป็นห้างหุ้นส่วนเชิงพาณิชย์ หุ้นส่วนแต่ละรายจะต้องยื่นคำขอเป็นลายลักษณ์อักษร

นอกเหนือจากเกณฑ์ที่ระบุข้างต้นแล้ว ธุรกิจจะต้องรักษาระดับเงินทุนขั้นต่ำด้วย โดยเริ่มที่ 50,000 ยูโรสําหรับบริการทางการเงิน สําหรับบริษัทในภาคธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์และพันธบัตร ‘pfandbrief’ จำนวนเงินนี้จะเพิ่มขึ้นสูงสุด 25 ล้านยูโร

หากบริษัทมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์หลักที่ระบุไว้ในมาตรา 32 ของ KWG บริษัทจะมีสิทธิ์ตามกฎหมายในการขอรับใบอนุญาตจาก BaFin อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานจะเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโมเดลธุรกิจออนไลน์สมัยใหม่ เช่น บริษัทฟินเทค ธุรกิจจะต้องเตรียมตอบคําถามจาก BaFin ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจจึงควรใช้ความระมัดระวังและใส่ใจเป็นพิเศษในการจัดเตรียมเอกสารยื่นสมัครเป็นลายลักษณ์อักษร

ตามกฎแล้ว BaFin จะใช้เวลา 6 ถึง 12 เดือนในการตรวจสอบเอกสารที่ส่ง แล้วจึงจะอนุมัติใบอนุญาต BaFin ที่เกี่ยวข้อง

ใบอนุญาต BaFin มีค่าใช้จ่ายเท่าใด

BaFin เรียกเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ซึ่งจะคำนวณแตกต่างกันไปตามโมเดลธุรกิจของผู้ยื่นคำขอ

  • ค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกิจที่ให้บริการทางการเงินจะอยู่ที่ 2,000 ถึง 17,000 ยูโร
  • ค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกิจที่ให้บริการการธนาคารทั่วไปจะอยู่ที่ 5,000 ถึง 20,000 ยูโร

นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตของ BaFin แล้ว อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย ซึ่งปกติแล้วจะคำนวณตามเวลาที่ใช้ในการยื่นคำขอ คำแนะนำ: สอบถามค่าบริการโดยรวมล่วงหน้า สำนักงานกฎหมายบางแห่งจะเสนอราคาแบบคงที่สําหรับการยื่นขอใบอนุญาต BaFin

ข้อดีข้อเสียของยื่นขอใบอนุญาต BaFin มีอะไรบ้าง

ประโยชน์ที่สําคัญที่สุดของการมีใบอนุญาต BaFin คือความมั่นคงทางกฎหมาย เพราะเมื่อมีใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคาร ธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดจะถือว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของ BaFin โดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ยังเปรียบเสมือนตราประทับรับรองคุณภาพ ซึ่งเป็นการบอกให้โลกภายนอกรับรู้ว่าธุรกิจให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการคุ้มครองลูกค้า ใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารของเยอรมนียังช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงตลาดยุโรปได้ เนื่องจากใบอนุญาตนี้มีผลบังคับใช้ในสหภาพยุโรปด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูสู่ตลาดที่มีลูกค้ามากกว่า 500 ล้านคน

การยื่นคำขอใบอนุญาต BaFin นั้นต้องใช้เวลา เงิน และความระมัดระวัง ผลทางกฎหมายของการไม่ได้รับใบอนุญาตการธนาคารที่เกี่ยวข้องอาจส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นอย่างมาก ประการแรก อาจนําไปสู่บทลงโทษในรูปแบบของคำเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ค่าปรับ การเรียกร้องค่าสินไหม หรือในกรณีที่ร้ายแรงเป็นพิเศษคือโทษจำคุก ยิ่งไปกว่านั้น การไม่มีใบอนุญาต BaFin ยังเป็นอันตรายต่อทั้งบริษัทด้วย

หากไม่มีใบอนุญาต BaFin จะมีความเสี่ยงอย่างไร

ตามหลักการแล้ว ธุรกิจที่เข้าข่ายต้องมีใบอนุญาตภาคบังคับจะมีความเสี่ยงอย่างยิ่ง หากดำเนินกิจการโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจาก BaFin โดยบทลงโทษมีตั้งแต่การชำระค่าปรับไปจนถึงการถูกสืบสวนคดีอาญา

แม้จะเป็นการกระทำโดยประมาทก็อาจมีผลให้ได้รับโทษจำคุกสูงสุดสามปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของความผิด นอกจากนี้ BaFin ยังสงวนสิทธิ์ในการสั่งห้ามไม่ให้ธุรกิจดำเนินกิจการต่อ ไม่ว่าจะเป็นการห้ามเพียงบางส่วนหรือทั้งหมด

ในทางกฎหมายแพ่ง ธุรกิจอาจต้องเผชิญกับการเรียกร้องค่าเสียหายจากลูกค้าที่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ บริษัทคู่แข่งอาจใช้สิทธิ์ยื่นฟ้องบริษัทที่ไม่มีใบอนุญาต BaFin ภายใต้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าได้

ดูบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อสําหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ หากคุณต้องการทราบว่า Stripe จะช่วยกระตุ้นการเติบโตให้ธุรกิจของคุณได้อย่างไร โปรดติดต่อฝ่ายขายของเรา

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe