ความท้าทาย
ธุรกิจแฟชั่นเป็นธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงเร็วตามเทรนด์และมีวงจรการขายที่ไม่หยุดนิ่ง บ่อยครั้งที่ยอดขายอาจเพิ่มขึ้นสูงกว่าปกติ ซึ่งมักจะเป็นแนวโน้มที่คาดเดาไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ขายรายย่อย สำหรับ Yoycol แล้ว ยอดขายที่พุ่งสูงขึ้นนี้มักจะก่อให้เกิดอุปสรรคด้านการตรวจจับการฉ้อโกง เนื่องจากระบุอัตราการฉ้อโกงที่เพิ่มสูงกว่าปกติได้ยากในช่วงแฟลชเซลส์
จุดแข็งของ Yoycol คือระบบอัตโนมัติและประสิทธิภาพ แต่การจัดการการฉ้อโกงมักให้มีประสิทธิภาพนั้นทำได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อแบรนด์บัตรระบุความเสี่ยงในโปรแกรมตรวจสอบ เนื่องจากต้องการทราบแผนการแก้ไขแบบละเอียด ขณะเดียวกัน สินค้าเสื้อผ้าที่ผลิตเฉพาะเพื่อลูกค้าแต่ละคนยังเพิ่มปัญหาซับซ้อนซึ่งเกิดขึ้นจากการฉ้อโกง เนื่องจากสินค้าที่จัดส่งมักมีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน และยากต่อการหาสินค้ามาแทนที่หรือเติมสต็อก นอกจากนี้ เนื่องจาก Yoycol เชื่อมต่อระบบกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซภายนอกจำนวนมาก และพาร์ทเนอร์เหล่านี้ทำงานร่วมกับผู้ขายรายย่อย Yoycol จึงจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ในฐานะพาร์ทเนอร์ที่น่าเชื่อถืออยู่เสมอ
โซลูชัน
Yoycol เป็นพาร์ทเนอร์กับทีมบริการเฉพาะทางของ Stripe เพื่อทำงานร่วมกันในด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกลยุทธ์การฉ้อโกงเป็นเวลา 8 สัปดาห์ และระบุโอกาสที่จะได้ผลลัพธ์ดี รวมถึงจุดที่ควรปรับปรุงเพื่อลดการเพิ่มสูงขึ้นของพฤติกรรมที่น่าสงสัยก่อนจะกลายเป็นการฉ้อโกงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้างกระบวนการติดตามการฉ้อโกงอย่างต่อเนื่อง
การป้องกันการฉ้อโกงต้องอาศัยวิธีการที่รอบคอบ โดย Stripe แนะนำวิธีการที่ใช้ข้อมูลแบบต่อเนื่อง ในการจัดการการฉ้อโกงโดยใช้ Stripe Radar for Fraud Teams และผลิตภัณฑ์ด้านข้อมูลของ Stripe เช่น Stripe Sigma หรือ Stripe Data Pipeline ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือแก่ Yoycol สำหรับติดตามแนวโน้มการฉ้อโกง รวมถึงมีเมตริกการคาดการณ์ที่แม่นยำสำหรับใช้ในโปรแกรมการติดตาม และสามารถนำไปดำเนินการได้อย่างสอดคล้องกัน
วิธีการของ Stripe ในการทำงานร่วมกันนั้นเริ่มต้นจากการออกแบบโมเดลภัยคุกคาม โดยเน้นที่ความเสี่ยงแต่ละอย่างและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ซึ่งลักษณะผู้ใช้ที่หลากหลายของ Yoycol ตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่ที่มียอดธุรกรรมสูงไปจนถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ทำให้ต้องใช้การจับคู่ชุดกฎเข้ากับลักษณะผู้ใช้เหล่านี้ทีละแบบ โดย Stripe ใช้การวิเคราะห์รูปแบบลักษณะผู้ใช้เหล่านี้และสร้างเมตริกเพื่อติดตาม ทำให้สามารถมอบคำแนะนำสำหรับการระบุการฉ้อโกงประเภทต่างๆ ไปพร้อมกับการรักษาระดับความพึงพอใจของลูกค้าได้
"ทีมงาน Stripe เป็นมืออาชีพมากในด้านการป้องกันการฉ้อโกง โดยใช้การตีความนโยบายแพลตฟอร์มของเราและของบริษัทผู้ออกบัตรที่ชัดเจนและแม่นยำ ทำให้ระบุโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการนำบัตรเครดิตออกจากรายชื่อในโปรแกรมตรวจสอบได้" Wang Xiao Xi ตำแหน่ง CFO ของ Yoycol กล่าว
ผลลัพธ์
ในช่วงที่เริ่มต้นทำงานร่วมกัน อัตราการโต้แย้งและอัตราการเติบโตของ Yoycol สร้างความกดดันด้านการดำเนินการให้กับทีมด้านความเสี่ยงภายใน เนื่องจากทีมต้องทำงานเพิ่มเพื่อติดตามเมตริกการตรวจสอบของแบรนด์บัตร แต่ทีมบริการเฉพาะทางของ Stripe สามารถนำเครื่องมือต่างๆ เช่น การออกแบบโมเดลภัยคุกคาม มาใช้งานได้อย่างทันท่วงทีเพื่อลดภาระการดำเนินงานของ Yoycol ทำให้ลดการโต้แย้งการชำระเงินและคำเตือนว่าอาจเป็นการฉ้อโกงลงจนถึงระดับต่ำที่สุดเท่าที่ Yoycol เคยทำได้
หลังจากที่ใช้ Stripe Checkout และ Link แล้ว Yoycol ก็เปิดใช้งานการตรวจจับการฉ้อโกงขั้นสูงได้ด้วย Radar for Fraud Teams ซึ่งมอบผลลัพธ์ที่ดีให้แก่โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงของ Radar โดยมีอัตราการบล็อกธุรกรรมความเสี่ยงสูงจากความผิดพลาดลดลงจนน้อยกว่า 0.2% นอกจากนี้ อัตราการดึงเงินคืนก็ยึงลดลงจนน้อยกว่า 0.1% (รวมถึงการโต้แย้งการชำระเงินที่เป็นการฉ้อโกงด้วย"
"เราจัดการกับวิกฤติด้านการฉ้อโกงผ่านการทำงานร่วมกับทีมบริการเฉพาะทางของ Stripe ได้อย่างราบรื่น เนื่องจากมีกำหนดการที่เหมาะสมและการตอบกลับที่ทันท่วงที" Wang กล่าว
ทีมบริการเฉพาะทางของ Stripe ช่วยให้เราควบคุมแพลตฟอร์มได้มากขึ้นและลดเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยและความเสี่ยงที่ไม่เกี่ยวกับการชำระเงินลงได้ อีกทั้งยังรักษาอัตราการชำระเงินสำเร็จให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม