ความท้าทาย
Journey เปิดตัวในสหราชอาณาจักรในปี 2012 ในฐานะเอเจนซีด้านการตลาดดิจิทัลที่ช่วยให้โรงแรมหรูอิสระเพิ่มยอดการจองโดยตรงมากขึ้นและลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มของบุคคลที่สามได้ ในปี 2015 บริษัทได้เปิดตัว Gifted ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์เวาเชอร์ของขวัญสำหรับโรงแรมหรู และเลือก Stripe เป็นพาร์ทเนอร์ด้านการชำระเงิน โดยใช้ Stripe Payments เพื่อการชำระเงินที่รวดเร็วและง่ายดาย
เมื่อเวลาผ่านไป บริษัทได้เริ่มดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาหลักสำหรับโรงแรม ซึ่งก็คือระบบดั้งเดิมที่แยกส่วนกันที่ใช้ในการรับจองของแขกและประมวลผลการชำระเงิน แขกที่เข้าพักในรีสอร์ทมักจะชำระเงินสำหรับค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด และประสบการณ์ต่างๆ เช่น การเข้าใช้สปาหรือการรับประทานอาหาร ผ่านแพลตฟอร์มมากมายหลายรูปแบบ ระบบที่ไม่สอดคล้องกันเหล่านี้ได้บั่นทอนประสบการณ์การเข้าพักของแขกและลดการใช้จ่ายโดยรวมของพวกเขา ขณะเดียวกันก็ทำให้การรายงานทางการเงินของโรงแรมมีความซับซ้อนเกินความจำเป็น
ในปี 2022 ทาง Journey ได้ขยายบริการไปสู่แพลตฟอร์มด้านประสิทธิภาพงานบริการแบบองค์รวม บริษัทต้องการนำเสนอโซลูชันการชำระเงินแบบไวท์เลเบลให้แก่โรงแรมและทำให้การชำระเงินในทุกช่วงประสบการณ์ของแขกผู้เข้าพักเป็นเรื่องง่ายขึ้น ตั้งแต่การจองออนไลน์ไปจนถึงการชำระเงิน ณ สถานที่และการเช็คเอาท์โรงแรม นอกเหนือจากการจ่ายเงินจากแพลตฟอร์มไปยังโรงแรมแต่ละแห่ง โครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินแบบผสานการทำงานจำเป็นต้องรองรับความต้องการที่ซับซ้อนและหลากหลายของโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นเงินมัดจำของแขกผู้เข้าพัก การอนุมัติวงเงินล่วงหน้า การเรียกเก็บเงินบางส่วน และการคืนเงิน โดยประสิทธิภาพนั้นเป็นส่วนสำคัญในคุณค่าที่นำเสนอของ Journey ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่รวดเร็วสำหรับโรงแรมใหม่ รวมถึงการมองเห็นข้อมูลที่ชัดเจนและการรายงานครอบคลุมทุกธุรกรรม
ในส่วนของฟรอนท์เอนด์ โรงแรมหรูที่เป็นลูกค้าของ Journey ต้องการประสบการณ์การชำระเงินที่ล้ำสมัยและปลอดภัย พร้อมด้วยวิธีการชำระเงินและสกุลเงินที่หลากหลาย ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสำหรับแผนการขยายธุรกิจทางภูมิศาสตร์ของบริษัท
นอกจากนี้ โรงแรมยังต้องป้องกันตัวเองจากภูมิทัศน์การฉ้อโกงที่ซับซ้อน ที่ซึ่งมีช่องทางสำหรับกิจกรรมที่เป็นการฉ้อโกงอยู่ทั่วทั้งการจองออนไลน์ ธุรกรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของโรงแรม และโปรแกรมเวาเชอร์และการสะสมคะแนน "การฉ้อโกงและการดึงเงินคืนเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ประกอบการโรงแรม เครือโรงแรมขนาดกลางในสหราชอาณาจักรสูญเสียเงินราวๆ 20,000-50,000 ปอนด์ต่อปีจากการฉ้อโกงการชำระเงินที่สามารถป้องกันได้" ไซมอน บูลลิงแฮม ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Journey กล่าว พร้อมเสริมว่า "การป้องกันความสูญเสียดังกล่าวจะช่วยเพิ่มกำไรสุทธิให้กับพวกเขาโดยตรง"
สุดท้าย Journey ก็ต้องการใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านการเรียกเก็บเงินที่สามารถรองรับโมเดลค่าบริการที่ยืดหยุ่นสำหรับโรงแรมและโครงสร้างค่าคอมมิชชันประเภทต่างๆ ได้ นอกจากนี้ บริษัทยังต้องการวิธีในการติดตามธุรกรรมนอกแพลตฟอร์ม เช่น การจองที่ชำระเงินทางโทรศัพท์หรือระหว่างที่แขกเข้าพัก และสร้างรายได้จากธุรกรรมเหล่านั้นด้วย
โซลูชัน
เพื่อให้กำหนดเส้นทางเงินระหว่างแขกผู้เข้าพักและโรงแรมได้อย่างง่ายดาย Journey ได้นำ Stripe Connect มาใช้เพื่อเปิดตัว Journey Pay ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินของบริษัทในปี 2024 บริษัทเลือกใช้กระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่จัดการอัตโนมัติโดย Stripe ซึ่งจะสร้างขั้นตอนการทำงานที่เรียบง่ายสำหรับโรงแรมใหม่ๆ เพื่อรับการตั้งค่าบนแพลตฟอร์มนี้และเพื่อยื่นเอกสารการปฏิบัติตามข้อกำหนด ประสบการณ์การเริ่มต้นใช้งานที่มีประสิทธิภาพนี้ช่วยให้โรงแรมเริ่มเห็นคุณค่าจากแพลตฟอร์มนี้ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการสนับสนุนด้านการติดตั้งที่ใช้เวลามากจากทีมติดตั้งระบบของ Journey นอกจากนี้ Journey ยังได้ใช้แดชบอร์ด Express ของ Stripe ซึ่งเป็นแดชบอร์ดแบบบริการตนเองที่ช่วยให้โรงแรมสามารถเห็นภาพรวมที่เป็นหนึ่งเดียวและทันทีของธุรกรรม ยอดคงค้าง การจ่ายเงิน และรายได้ เพื่อให้สามารถจัดการการดำเนินงานทางการเงินให้ดียิ่งขึ้นได้ การใช้แดชบอร์ด Express ทำให้ทีมพัฒนาของ Journey ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการตั้งค่าแดชบอร์ดการรายงานแบบกำหนดเองสำหรับโรงแรมใหม่แต่ละแห่ง
การผสานการทำงาน Connect เข้ากับ Payments ที่ราบรื่นหมายความว่า Journey สามารถนำชุดเครื่องมือด้านการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพของ Stripe มาใช้เพื่อมอบประสบการณ์การชำระเงินที่ล้ำสมัยได้ ซึ่งเป็นความคาดหวังของแขกผู้เข้าพักในโรงแรมหรู การใช้ Payment Element ของ Stripe ช่วยให้ Journey สามารถเปิดใช้งานวิธีการชำระเงินใหม่ๆ ได้อย่างง่ายดายตามคำขอของโรงแรม ปัจจุบันแพลตฟอร์มนี้รองรับบัตรเครดิตและกระเป๋าเงินดิจิทัลต่างๆ เช่น Apple Pay และ Google Pay เช่นเดียวกับ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระเงินได้เร็วขึ้น โมเดล AI ที่ติดตั้งมาพร้อมกับชุดเครื่องมือด้านการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพจะกำหนดวิธีการชำระเงินที่ดีที่สุดที่จะแสดงสำหรับแขกแต่ละรายและลำดับในการแสดงผลแบบไดนามิก เพื่อปรับประสบการณ์การชำระเงินให้เหมาะกับแต่ละบุคคลและเพิ่มการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินให้สูงที่สุด
นอกจากนี้ Journey ยังได้นำ Stripe Terminal มาใช้ ซึ่งช่วยให้โรงแรมสามารถรับธุรกรรมที่ชำระด้วยตนเองได้สำหรับลูกค้าที่ต้องการชำระเงินทันที ณ จุดนั้น แทนการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายไปยังห้องพักของตน ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าแขกผู้เข้าพักจะชำระเงินผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เว็บไซต์โรงแรม หรือชำระด้วยตนเองที่สปา ห้องอาหาร หรือเคาน์เตอร์ต้อนรับ ข้อมูลการชำระเงินของพวกเขาจะรวมเป็นหนึ่งเดียวบน Stripe
เพื่อลดการดึงเงินคืนสำหรับโรงแรม Journey ได้ใช้ Stripe Radar ซึ่งจะใช้ AI ที่ผ่านการฝึกฝนจากข้อมูลของบริษัทหลายล้านแห่งทั่วโลกเพื่อให้การตรวจจับการฉ้อโกงที่รัดกุมในทุกธุรกรรม
ในปี 2025 Journey ได้ผสานการทำงาน Connect เข้ากับ Stripe Billing เพื่อรองรับโมเดลการเรียกเก็บเงินตามรอบบิลที่ยืดหยุ่นของบริษัท โดยปัจจุบัน Journey สามารถใช้การเรียกเก็บเงินตามการใช้งานของ Stripe เพื่อสร้างมาตรวัดสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์และบริการที่โรงแรมนำเสนอได้แล้ว แล้วจึงออกใบแจ้งหนี้ให้กับโรงแรมตามมูลค่าการจองเต็มจำนวนของแขกผู้เข้าพักแต่ละราย แม้ว่าการเข้าพักนั้นจะไม่ได้ทำธุรกรรมทั้งหมดทางออนไลน์ก็ตาม ตัวอย่างเช่น หากลูกค้าจองบริการนวด 30 นาที แต่เมื่อมาถึงแล้วตัดสินใจขยายเป็น 90 นาที ปัจจุบัน Journey สามารถเรียกเก็บเงินจากโรงแรมตามมูลค่าจริงของธุรกรรมนั้นได้แล้ว แทนที่จะเป็นเพียงส่วนที่จองไว้ทางออนไลน์เท่านั้น การเปลี่ยนไปใช้ระบบนี้ช่วยให้ Journey เก็บรายรับที่เคยพลาดไปก่อนหน้านี้ได้ ขณะเดียวกันก็ทำให้การกระทบยอดของโรงแรมง่ายขึ้นด้วย
ผลลัพธ์
Journey มีรายรับเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนนับตั้งแต่เปิดตัว Journey Pay ที่ใช้งาน Connect และ Billing
Journey Pay ซึ่งขับเคลื่อนด้วย Connect และ Billing ได้สร้างช่องทางรายรับใหม่ๆ ให้กับบริษัท ปัจจุบัน Journey สามารถบันทึกการใช้จ่ายทั้งหมดของนักเดินทางได้ผ่านการเรียกเก็บเงินตามการใช้งาน ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทสามารถติดตามการชำระเงินของโรงแรมได้อย่างแม่นยำ นับตั้งแต่เริ่มสร้างรายได้จากการชำระเงินด้วย Journey Pay ในปี 2024 บริษัทก็มีการเติบโตของรายได้ 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน
"เราสามารถสร้างรายรับได้มากขึ้นกว่าเดิม และเรายังสามารถรายงานรายได้ต่อหนึ่งโรงแรมให้กับลูกค้าแต่ละรายได้ง่ายขึ้นมาก" บูลลิงแฮมกล่าว
เขาให้เครดิตความสำเร็จของ Journey ในการผสานการทำงาน Connect เข้ากับ Billing อันซับซ้อนนี้ว่ามาจากการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทีมบริการเฉพาะทางของ Stripe "พวกเขาเป็น ศูนย์กลางขับเคลื่อนเบื้องหลังโปรเจ็กต์การผสานการทำงานนี้ พร้อมทั้งช่วยเราจัดการกับความซับซ้อนในการวางโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของโซลูชัน ไม่ใช่แค่สำหรับวันนี้ แต่เพื่อรองรับความต้องการและการเติบโตในอนาคต" เขากล่าว
ประสบการณ์การชำระเงินที่ดีขึ้นของ Journey ส่งผลให้อัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินสูงถึง 96%
หลังจากเปิดใช้วิธีการชำระเงินและกระเป๋าเงินดิจิทัลผ่านชุดเครื่องมือด้านการชำระเงินที่เพิ่มประสิทธิภาพ อัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินของ Journey ก็แตะที่ 96%
นอกจากนี้ ธุรกรรมที่มาจาก Link ปัจจุบันยังคิดเป็น 2% ของรายรับของ Journey โดยผู้ใช้ Link เกือบครึ่งหนึ่ง (49%) เป็นลูกค้าที่กลับมาใช้บริการซ้ำ ซึ่งบ่งชี้ว่าแขกที่กลับมาใช้บริการซ้ำชื่นชอบความสะดวกสบายของ Link และมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นผ่าน Link เมื่อเวลาผ่านไป ในอนาคต Journey วางแผนที่จะเปิดใช้งาน Klarna เพื่อให้บริการแก่แขกที่ชื่นชอบความยืดหยุ่นของตัวเลือกซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง
Journey ขยายธุรกิจไปสู่ระดับนานาชาติด้วยการสนับสนุนทั่วโลกของ Stripe
ในปี 2025 Journey ได้ขยายธุรกิจไปยังไอร์แลนด์ อิตาลี และสเปน โดยได้รับความช่วยเหลือจากความครอบคลุมทั่วโลกของ Stripe และการรองรับสกุลเงินในกว่า 195 ประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนที่จะขยายไปยังสหรัฐอเมริกาในอนาคตอันใกล้นี้
"ข้อดีของการทำงานร่วมกับ Stripe คือเราไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความท้าทายด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบทางการเงินหรือปัญหาในการรองรับสกุลเงินและวิธีการชำระเงินที่แตกต่างกันเมื่อขยายธุรกิจสู่ระดับนานาชาติ" บูลลิงแฮมกล่าว พร้อมเสริมว่า "มันช่วยลดปัญหาปวดหัวที่เราต้องกังวลไปได้อีกหนึ่งเรื่อง"
โรงแรมที่เป็นลูกค้าของ Journey มีการฉ้อโกงลดลงสูงสุดถึง 60% จากการใช้ Radar
ลูกค้าโรงแรมของ Journey พบว่าธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงที่ตรวจจับได้ ณ จุดทำการจองลดลง 20% ถึง 60% โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา Radar ได้ระบุว่า 1.17% ของการจองของ Journey เป็นการฉ้อโกงและได้ทำการบล็อกธุรกรรมเหล่านั้น ซึ่งช่วยปกป้องรายรับของผู้ประกอบการโรงแรมจากการฉ้อโกงได้เป็นมูลค่า 1,500,000 ปอนด์
Stripe เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายสำหรับนักพัฒนา โดยมีสถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่นและเน้น API เป็นหลัก เราสามารถปรับปรุงประสบการณ์การชำระเงินของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความเป็นนวัตกรรม ทันสมัย และสะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลาหรือทรัพยากรจำนวนมากจากทีมพัฒนาของเรา ผมไม่คิดว่าผู้ให้บริการชำระเงินรายอื่นบนโลกนี้จะมีระดับนวัตกรรมเทียบเท่ากับที่ Stripe มี