ปัญหา
EasyParcel มีโมเดลธุรกิจแบบ "เติมเงิน" ดังนั้นการชำระเงินจึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก ธุรกิจต่างๆ จะซื้อเครดิตจาก EasyParcel แล้วให้ลูกค้าเลือกบริการจัดส่งที่ต้องการ EasyParcel พบปัญหาจากผู้ให้บริการชำระเงินรายอื่นๆ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่สูง และการเปลี่ยนเส้นทางที่ทำให้มีจำนวนลูกค้าที่เลิกดำเนินการในขั้นตอนการชำระเงินเพิ่มขึ้น ในระยะแรก EasyParcel จึงเปลี่ยนมาใช้ Stripe เป็นตัวเลือกเพิ่มเติมด้านการชำระเงิน
วิธีแก้ปัญหา
แผนของ EasyParcel คือการใช้ Stripe เป็นผู้ให้บริการสำรอง แต่หลังจากพบว่ามีอัตราการเปลี่ยนเป็นผู้ใช้แบบชำระเงินมากขึ้น ช่วงเวลาให้บริการเพิ่มขึ้น และฝ่ายบริการลูกค้าที่ให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว Stripe จึงกลายเป็นผู้ให้บริการรายหลักในไม่กี่สัปดาห์ Stripe ให้บริการประมวลผลการชำระเงินที่ราบรื่นซึ่งผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์ของ EasyParcel ได้โดยตรงและไม่ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปยังเกตเวย์การชำระเงินสำรอง Clement Chau ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า "Stripe เป็นผู้ให้บริการชำระเงินที่เสถียรที่สุดเท่าที่เราเคยใช้มา"
ผลลัพธ์
หลังจากที่เปลี่ยนมาใช้ Stripe แล้ว EasyParcel มีอัตราการเลิกดำเนินการในขั้นตอนการชำระเงินลดลง 20% ทำให้มีคำสั่งซื้อและรายรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีช่วงเวลาหยุดทำงานเนื่องจากการบำรุงรักษาน้อยมาก โดยเฉพาะในช่วงที่มีความต้องการใช้งานสูงสุด เช่น เทศกาลรอมฎอนหรือ 11/11
ลดขั้นตอนในการชำระเงิน
โดยปกติแล้วลูกค้าของ EasyParcel จะชำระเงินผ่าน Financial Process Exchange (FPX) และบัตรเครดิตในอัตราที่เท่าๆ กัน ซึ่งก่อนหน้านี้กระบวนการชำระเงินของ EasyParcel จะแสดงข้อความแจ้งเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้เลือก 1 ใน 2 ตัวเลือกนี้ และเนื่องจาก Stripe รองรับทั้ง 2 ตัวเลือกดังกล่าว จึงทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การชำระเงินที่ต่อเนื่อง รวมถึงไม่ต้องเลือกธนาคารและเปลี่ยนเส้นทางหลายรอบ
Stripe มอบทุกสิ่งที่เราต้องการซึ่งช่วยให้ผสานการทำงานลงในเว็บไซต์ได้อย่างราบรื่น และยังเป็นผู้ให้บริการการชำระเงินที่เสถียรที่สุดเท่าที่เราเคยใช้มา Stripe แทบจะไม่มีเวลาหยุดทำงานและปัญหาด้านการบำรุงรักษาใดๆ เลย