ความท้าทาย
เทคโนโลยีที่ร้านอาหารต้องใช้สำหรับโซลูชันที่จุดขาย (POS) และโซลูชันการชำระเงินอาจทั้งมีราคาสูงและติดตั้งใช้งานยาก EatMe ตั้งเป้าที่จะแก้ไขปัญหานี้และนำเสนอโซลูชันที่ราคาต่ำลงให้กับทั้งร้านอาหารและผู้บริโภค
การคิดค่าต้นทุนธุรกรรมให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และใช้ระบบเบิกจ่ายอัตโนมัติเป็นสิ่งที่ EatMe ให้ความสำคัญสูงสุด "เราต้องการให้ลูกค้าได้ราคาสั่งตรงจากร้านที่ต่ำลง ในการที่จะทำเช่นนี้ เราจึงช่วยให้ร้านอาหารขายได้โดยไม่คิดค่าคอมมิชชันและเปิดให้เข้าถึงเทคโนโลยีการสั่งอาหารใหม่ล่าสุดโดยมีต้นทุนต่ำสุดเท่าที่จะทำได้ เครื่องมือสั่งอาหารออนไลน์ของเราเปิดให้ใช้ฟรี ซึ่งต่างจากคู่แข่งที่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าค่อนข้างสูงและค่าใช้จ่ายรายเดือน" Jude Kumar ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ EatMe กล่าว
นอกจากนี้ ลูกค้าของ EatMe ยังต้องการเครื่องสำหรับผู้ที่มาชำระเงินด้วยตนเองด้วย รวมถึงการปรับกระทบยอดบัญชีที่สะดวกและเชื่อมต่อการทำงานทั้งหมดนี้กับ Xero ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของ Stripe "ความสามารถในการปรับกระทบยอดคำสั่งซื้อและการชำระเงินที่ง่ายดายเป็นข้อดีที่มีประโยชน์กับลูกค้าของเรามาก และช่วยให้แพ็กเกจที่เรานำเสนอแก่ร้านอาหารมีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง" Kumar บอก
โซลูชัน
เมื่อร่วมงานกับ Stripe ทาง EatMe ก็สามารถเชื่อมโยงทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันได้ด้วยการสร้างโซลูชันการสั่งซื้อ การชำระเงิน และการปรับกระทบยอดแบบหลายช่องทางที่ตอบโจทย์ของร้านอาหารได้อย่างลงตัวโดยมีต้นทุนที่ต่ำลง EatMe เปิดตัวในสิงคโปร์เมื่อปี 2022 โดยมี Stripe เป็นพาร์ทเนอร์ที่สำคัญในเส้นทางธุรกิจ
Stripe Connect ซึ่งเป็นโซลูชันเชื่อมต่อการทำงานด้านการชำระเงินสำหรับแพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสจาก Stripe ช่วยรับมือกับความต้องการด้านการเบิกจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างง่ายดาย และยังช่วยให้ขั้นตอนการลงทะเบียนของลูกค้าใหม่สะดวกและเข้าใจง่ายด้วยการใช้กระบวนการเริ่มต้นใช้งานทางไกลซึ่งใช้ฟีเจอร์รู้จักลูกค้าของคุณ (KYC) ของ Connect ทั้งหมดนี้ช่วยให้ร้านอาหารใหม่ๆ เริ่มต้นใช้งานและให้บริการผ่าน EatMe ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วขึ้น
Terminal ซึ่งเป็นโซลูชันสำหรับจุดขายของ Stripe ก็มีบทบาทสำคัญด้วยเช่นกัน Kumar บอกว่า "Terminal ทำให้เรามียอดธุรกรรมขั้นต้นหรือการเรียกเก็บเงินเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจากเดือนละ $40,000 SGD ซึ่งส่วนใหญ่มาทางออนไลน์ กลายเป็นมากกว่า $500,000 SGD ซึ่งรวมถึงการชำระเงินออฟไลน์ด้วยอุปกรณ์ POS สำหรับพกพาของเรา"
ผลลัพธ์
ลูกค้าที่พึงพอใจซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอัตราการเข้าสู่กระบวนการเริ่มต้นใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 126%
เมื่อมีวิธีให้ผู้บริโภคสั่งอาหารและชำระเงินได้มากขึ้น รวมถึงความสามารถในการโปรโมทข้อเสนอแบบไดนามิก ร้านอาหารก็มีอุปสงค์มากขึ้นและเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างมาก
Kumar กล่าวว่าทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างก็ได้รับผลกระทบในเชิงบวก โดยเฉพาะจากการเบิกจ่ายที่รวดเร็วซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ Stripe Connect "การใช้ Connect ทำให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่าย เราได้รับประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม ร้านอาหารเองก็ชอบเมื่อได้รับการชำระเงินโดยอัตโนมัติภายใน 1 วัน พวกเขาบอกว่าประสบการณ์การเริ่มต้นใช้งานนั้นเรียบง่ายด้วยเช่นกัน ซึ่งสร้างความแตกต่างได้เป็นอย่างมาก ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับประสบการณ์ที่ดี"
กระบวนการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นนี้ยังทำให้ลูกค้าของร้านอาหารมีค่าส่งที่ถูกลงและสามารถเข้าถึงดีลใหม่ๆ ได้ ไม่ว่าจะเข้ามารับประทานที่ร้าน สั่งให้ไปส่ง หรือสั่งกลับบ้าน
ธุรกรรมเพิ่มขึ้น 7 เท่าในเวลาเพียง 6 เดือน
นับตั้งแต่เริ่มใช้งาน Stripe EatMe ก็ได้เห็นการเติบโตที่น่าประทับใจและก็ได้เริ่มต่อยอดธุรกิจในระยะถัดไปแล้ว ในตอนนี้บริษัทให้ความสำคัญกับสิงคโปร์เป็นอันดับหนึ่งด้วยร้านอาหารกว่า 13,000 แห่งบนเกาะแห่งนี้ แต่ EatMe ก็มีแผนที่จะขยายธุรกิจให้ไกลออกไปอีก ทั้งในมาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย เมื่อพูดถึงอนาคต Kumar มั่นใจว่า EatMe ได้ทำการตัดสินใจที่ถูกต้องในการเลือก Stripe "เราเชื่อว่า Stripe จะช่วยเราขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ เหล่านี้และมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าต่อไปได้"
ขณะที่ EatMe เติบโตขึ้นเรื่อยๆ Stripe ก็ให้การสนับสนุนกระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่ง่ายขึ้นแก่ลูกค้าใหม่ ซึ่งหมายความว่าทีมงานของ EatMe จะสามารถทุ่มเทให้กับการพัฒนาบริการใหม่ๆ ได้มากขึ้นไปอีก
EatMe พร้อมที่จะเปิดตัวระบบสั่งอาหารผ่านตู้อัตโนมัติที่ใช้งานได้ทันทีหลังติดตั้ง การจองโต๊ะด้วยมูลค่าแบบจองล่วงหน้า และระบบจัดการอาหารงานเลี้ยง โดยทั้งหมดนี้เปิดให้ใช้ฟรีเมื่อใช้แพ็กเกจที่ EatMe รวบรวมไว้ผ่าน Stripe
เรามีความตั้งใจที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจบริการด้วยการเปิดให้เข้าถึงเทคโนโลยีโดยมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำลง Stripe ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้ได้ และการที่เราสามารถคิดราคานี้กับร้านอาหารก็เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก