ขายหลักสูตรออนไลน์: วิธีจัดตั้งธุรกิจในอิตาลี

Payments
Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรใหญ่ระดับโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ภาคธุรกิจการฝึกอบรมออนไลน์ในอิตาลี
  3. โมเดลธุรกิจสำหรับการขายหลักสูตรออนไลน์
  4. ฉันจะขายหลักสูตรออนไลน์ได้ที่ใดบ้าง
    1. แพลตฟอร์มที่ถือกรรมสิทธิ์เอง
    2. แพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม
  5. ภาระผูกพันทางกฎหมายและการคลัง
    1. การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
    2. รหัส ATECO สำหรับหลักสูตรออนไลน์
    3. เงื่อนไขทั่วไปของการขายออนไลน์
    4. ความเป็นส่วนตัวและ GDPR
    5. ข้อพิจารณาด้านการคลังและภาษีมูลค่าเพิ่ม
    6. ภาระผูกพันอื่นๆ
  6. วิธีขายหลักสูตรออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของคุณเอง
    1. เริ่มต้น
    2. เลือกระบบจัดการเนื้อหา (CMS) หรือระบบจัดการการเรียนรู้ (LMS)
    3. เลือกโฮสติ้งเพื่อประสิทธิภาพสูงที่มั่นใจได้
    4. เพิ่มประกาศนียบัตร แบบทดสอบ และการติดตามความคืบหน้า
    5. รับรองความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
  7. วิธีขายหลักสูตรบนแพลตฟอร์มการฝึกอบรมออนไลน์
  8. วิธีโปรโมตธุรกิจการฝึกอบรมออนไลน์
  9. Stripe Payments ช่วยได้อย่างไร

การขายหลักสูตรออนไลน์เป็นโอกาสที่น่าสนใจในอิตาลี โดยเฉพาะสำหรับมืออาชีพที่ต้องการสร้างรายได้จากทักษะและบริษัทที่ต้องการขยายโมเดลธุรกิจผ่านการฝึกอบรมดิจิทัล ซึ่งในบทความนี้จะอธิบายวิธีขายหลักสูตรการฝึกอบรมออนไลน์ รวมถึงโมเดลธุรกิจหลัก ความแตกต่างระหว่างแพลตฟอร์มที่ถือกรรมสิทธิ์เองกับแพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม และข้อกำหนดทางกฎหมายในอิตาลี

นอกจากนี้ เรายังจะอธิบายวิธีสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการขายหลักสูตรออนไลน์ของคุณเอง รวมถึงการใช้โซลูชันที่มีให้บริการอยู่แล้ว เพื่อเริ่มธุรกิจนี้อย่างรวดเร็ว และสุดท้าย เราจะพูดคุยเกี่ยวกับผลกระทบทางการคลังและรหัสจำแนกประเภทกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (ATECO) ที่ถูกต้องสำหรับการขายหลักสูตรออนไลน์

เนื้อหาหลักในบทความ

  • ภาคธุรกิจการฝึกอบรมออนไลน์ในอิตาลี
  • โมเดลธุรกิจสำหรับการขายหลักสูตรออนไลน์
  • ฉันจะขายหลักสูตรออนไลน์ได้ที่ใดบ้าง
  • ภาระผูกพันทางกฎหมายและการคลัง
  • วิธีขายหลักสูตรผ่านเว็บไซต์ของคุณเอง
  • วิธีขายหลักสูตรบนแพลตฟอร์มการฝึกอบรมออนไลน์
  • วิธีโปรโมตธุรกิจการฝึกอบรมออนไลน์
  • Stripe Payments ช่วยได้อย่างไร

ภาคธุรกิจการฝึกอบรมออนไลน์ในอิตาลี

ตลาดการฝึกอบรมออนไลน์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วสหภาพยุโรป โดยมีแนวโน้มสูงขึ้นในอิตาลีเช่นกัน จากข้อมูลของ Eurostat ในปี 2024 ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวน 33% ในสหภาพยุโรปรายงานว่าตนเรียนหลักสูตรออนไลน์หรือใช้สื่อการเรียนรู้ดิจิทัลในช่วง 3 เดือนก่อนทำแบบสำรวจ ซึ่งเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปี 2023 และอิตาลีก็ยังคงมีเปอร์เซ็นต์สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยของยุโรป ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันความสนใจอย่างกว้างขวางในการฝึกอบรมดิจิทัล

สถานการณ์นี้เผยให้เห็นโอกาสที่แท้จริงสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มขายหลักสูตรออนไลน์ ความต้องการมีอยู่แล้ว และเสริมด้วยความต้องการพัฒนาทักษะและเรียนรู้ผ่านเครื่องมือดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหมู่พลเมืองอิตาลี ในบริบทนี้ การสร้างและขายหลักสูตรออนไลน์อาจพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าเป็นการลงทุนทางธุรกิจที่มีแนวโน้มดีและยั่งยืน

โมเดลธุรกิจสำหรับการขายหลักสูตรออนไลน์

ก่อนเริ่มขายหลักสูตรออนไลน์ คุณจะต้องกำหนดโมเดลธุรกิจก่อน โดยมีตัวเลือกโมเดลหลักๆ ดังนี้

  • ขายตรงหลักสูตรแบบออนดีมานด์
    โมเดลธุรกิจนี้เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เข้าถึงหลักสูตรได้แบบไม่จำกัดหรือจำกัดเวลาจากการชำระเงินครั้งเดียว ซึ่งโมเดลนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับหลักสูตรครบสมบูรณ์ที่มีการกำหนดวันเริ่มต้นและสิ้นสุด คุณสามารถสร้างรายได้โดยตรงเมื่อใช้โมเดลนี้ โดยที่ยังคงควบคุมราคาและโปรโมชันได้อย่างเต็มที่

  • โมเดลแบบชำระเงินตามรอบบิล
    สำหรับโมเดลนี้ คุณเสนอสิทธิ์เข้าถึงหลักสูตรแบบชำระเงินตามรอบบิล ลูกค้าจะจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นรายเดือนหรือรายปีเพื่อเข้าถึงเนื้อหาทั้งหมด โมเดลธุรกิจนี้เหมาะอย่างยิ่งหากคุณเผยแพร่หลักสูตรเป็นประจำหรือมีแคตตาล็อกที่หลากหลายและมีขนาดใหญ่

  • โมเดลฟรีเมียม
    สำหรับโมเดลนี้ ลูกค้าสามารถเข้าถึงเนื้อหาบางส่วนได้ฟรีและจ่ายเงินสำหรับส่วนที่เหลือ โมเดลนี้มีประโยชน์ในการดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิม โดยยังคงมีโอกาสสร้างรายได้ผ่านเนื้อหาพรีเมียม ประกาศนียบัตร หรือการช่วยเหลือพิเศษเฉพาะบุคคล

  • หลักสูตรแบบถ่ายทอดสด
    โมเดลนี้นำเสนอการฝึกอบรมสดผ่าน Zoom หรือแพลตฟอร์มที่คล้ายกัน ซึ่งช่วยให้ผู้สอนและผู้เรียนโต้ตอบกันได้โดยตรง และเหมาะสำหรับหลักสูตรภาคปฏิบัติ การโค้ช หรือเวิร์กช็อปแบบเรียลไทม์

  • โมเดล B2B
    โมเดลนี้ขายหลักสูตรออนไลน์ให้กับบริษัทที่มีใบอนุญาตผู้ใช้หลายคน โมเดลนี้เหมาะสำหรับผู้ฝึกสอนมืออาชีพหรือองค์กรที่ต้องการขยายบริการโดยนำเสนอโซลูชันสำหรับการฝึกอบรมภายในองค์กร

ฉันจะขายหลักสูตรออนไลน์ได้ที่ใดบ้าง

สถานที่ขายหลักสูตรออนไลน์คือหนึ่งในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุด ซึ่งคุณมี 2 ทางเลือกด้วยกัน คือ ขายบนแพลตฟอร์มที่ถือกรรมสิทธิ์เอง (เว็บไซต์ของคุณเอง) หรือบนแพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม (เช่น Udemy หรือ Coursera) ด้านล่างนี้ เราจะมาสำรวจว่าทั้งสองตัวเลือกแตกต่างกันอย่างไร รวมถึงข้อดีและข้อเสียด้วย ดังนี้

แพลตฟอร์มที่ถือกรรมสิทธิ์เอง

เมื่อเลือกที่จะสร้างเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มเพื่อขายหลักสูตรออนไลน์เอง คุณก็สามารถควบคุมการสร้างแบรนด์ ลูกค้า ประสบการณ์ ราคา และข้อมูลผู้ใช้ได้โดยสมบูรณ์ แต่ตัวเลือกนี้ก็มีข้อเสียเช่นกัน

แพลตฟอร์มที่ถือกรรมสิทธิ์เอง

ข้อดี

ข้อเสีย

ปรับแต่งได้ทุกอย่าง: ควบคุมการออกแบบ ฟังก์ชันการทำงาน และประสบการณ์ของลูกค้าได้เต็มที่

ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นแพง: มีความเกี่ยวข้องกับการพัฒนา โฮสติ้ง และการบำรุงรักษา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของคุณ

ส่วนต่างกำไรสูงกว่า: ไม่มีค่าคอมมิชชันของบุคคลที่สาม

ความรับผิดชอบทางกฎหมายสูงกว่า: กฎระเบียบการคุ้มครองข้อมูลทั่วไป (GDPR), ความปลอดภัย, สัญญา, การออกใบแจ้งหนี้

ความภักดีของลูกค้า: ควบคุมข้อมูลและความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้าได้มากกว่า

ต้องมีการจัดการทางเทคนิค: ต้องมีผู้เชี่ยวชาญภายในหรือการสนับสนุนจากภายนอก

แพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม

คุณสามารถขายหลักสูตรออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Udemy, Teachable, Thinkific, Podia หรือ Skillshare ได้ ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็มีข้อดีและข้อเสียเช่นกัน

ข้อดี

ข้อเสีย

เข้าถึงฐานผู้ชมที่มีอยู่แล้วได้: ลูกค้าบนแพลตฟอร์มสามารถค้นพบหลักสูตรของคุณได้

ค่าคอมมิชชันจากการขาย: เก็บเปอร์เซ็นต์จากยอดขายที่เกิดขึ้น

โครงสร้างพื้นฐานพร้อมใช้งาน: ไม่ต้องบริหารจัดการด้านเทคนิคเอง

ควบคุมข้อมูลได้น้อยกว่า: แพลตฟอร์มเป็นคนจัดการข้อมูลผู้ใช้

ต้นทุนเริ่มต้นต่ำ: ไม่ต้องลงทุนด้านเทคโนโลยีเมื่อเริ่มต้น

ราคาถูกกำหนด: แพลตฟอร์มมักเป็นผู้กำหนดค่าธรรมเนียมหลักสูตร

การเลือกระหว่างแพลตฟอร์มที่ถือกรรมสิทธิ์เองกับแพลตฟอร์มของบุคคลที่สามขึ้นอยู่กับว่าคุณคิดว่าเรื่องใดสำคัญ หากต้องการควบคุมองค์ประกอบต่างๆ ได้มากกว่า เช่น การสร้างแบรนด์ และต้องการได้ส่วนต่างกำไรสูงกว่า แพลตฟอร์มแบบถือกรรมสิทธิ์เองก็อาจตอบโจทย์กว่า ในทางกลับกัน หากคุณเพิ่งเริ่มและต้องการลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเริ่ม แพลตฟอร์มของบุคคลที่สามก็เป็นช่องทางที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วและใช้งานได้ทันทีสำหรับทดสอบตลาด

ภาระผูกพันทางกฎหมายและการคลัง

การขายหลักสูตรออนไลน์ในอิตาลีมีความรับผิดชอบทางกฎหมายและการคลังที่สำคัญหลายประการ ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องเป็นพิเศษหากธุรกิจดำเนินต่อไปและสร้างกระแสรายได้ที่มั่นคง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเข้าใจว่ากฎหมายของอิตาลีและยุโรปมีข้อกำหนดใดบ้าง เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามข้อกำหนดและหลีกเลี่ยงบทลงโทษ

การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

หากการขายหลักสูตรออนไลน์เป็นแบบครั้งคราวและมีมูลค่าจำกัด ก็อาจถือเป็นการให้บริการครั้งคราวและไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณจัดตั้งธุรกิจตามกฎหมาย คุณจะไม่สามารถขายหลักสูตรออนไลน์โดยไม่มีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้อีกต่อไปและต้องจดทะเบียน เมื่อคุณจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว คุณจะสามารถดำเนินธุรกิจ ออกใบแจ้งหนี้ และเข้าถึงระบบภาษีพิเศษได้อย่างเต็มที่ เช่น ภาษีอัตราคงที่ หากคุณมีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อกำหนด

หากคาดว่าธุรกิจจะเติบโตไม่มาก คุณก็สามารถเริ่มต้นจากการเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณมีเป้าหมายที่จะพัฒนาธุรกิจที่มีโครงสร้างเป็นระบบมากขึ้น คุณก็สามารถพิจารณาการจัดตั้งองค์กรได้ เช่น การจัดตั้งธุรกิจจำกัดความรับผิด (S.r.l.) แต่ไม่ว่าในกรณีใด ก็ขอแนะนำให้วางแผนกับนักบัญชีและพิจารณาผลประกอบการ ต้นทุน และเงินสมทบประกันสังคม

รหัส ATECO สำหรับหลักสูตรออนไลน์

รหัส ATECO ที่แนะนำสำหรับการขายหลักสูตรออนไลน์คือ 85.59.20: หลักสูตรการฝึกอบรมและหลักสูตรการพัฒนาวิชาชีพ ซึ่งจำแนกประเภทกิจกรรมอีเลิร์นนิงได้อย่างถูกต้อง

เงื่อนไขทั่วไปของการขายออนไลน์

ทุกแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์ที่ให้บริการหลักสูตรออนไลน์ต้องกำหนดเงื่อนไขการขายที่ชัดเจนที่สอดคล้องกับกฎหมายของอิตาลีและยุโรป เงื่อนไขทั่วไปของการขายกำหนดสัญญาดิจิทัลสำหรับการขายหลักสูตรออนไลน์ โดยควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อเมื่อใช้เครื่องมือดิจิทัลในการซื้อ

เงื่อนไขดังกล่าวต้องระบุข้อมูลต่อไปนี้ไว้อย่างชัดเจน

  • ราคาและวิธีการชำระเงิน

  • วิธีการเข้าถึงเนื้อหา

  • การจำกัดเวลา

  • สิทธิในการเพิกถอน (เช่น 14 วัน ยกเว้นเนื้อหาดิจิทัลที่ใช้ไปแล้ว)

  • นโยบายการคืนเงิน

  • ความรับผิดชอบของซัพพลายเออร์

  • ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา

ในขั้นตอนการชำระเงิน ลูกค้าต้องยอมรับเงื่อนไขเหล่านี้อย่างชัดแจ้ง ซึ่งจะมีผลผูกพันอย่างสมบูรณ์

ความเป็นส่วนตัวและ GDPR

การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้านั้นอยู่ภายใต้ GDPR โดยคุณต้องจัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจน แต่งตั้งผู้ประมวลผลข้อมูลภายนอก (เช่น ผู้ให้บริการโฮสติ้งหรือแพลตฟอร์มการชำระเงิน) และได้รับความยินยอมสำหรับกิจกรรมทางการตลาด นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนด้วย เช่น ข้อมูลประจำตัวสำหรับเข้าสู่ระบบและรายละเอียดการชำระเงิน

ข้อพิจารณาด้านการคลังและภาษีมูลค่าเพิ่ม

จากมุมมองด้านภาษี คุณต้องออกใบแจ้งหนี้ปกติหากขายหลักสูตรออนไลน์ ในส่วนของลูกค้าที่อาศัยอยู่ในประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป คุณสามารถพิจารณาแผน One Stop Shop (OSS) สำหรับการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศของลูกค้าได้ ในส่วนของการขายนอกสหภาพยุโรป กฎจะแตกต่างยิ่งขึ้นไปอีก และอาจจำเป็นต้องระบุการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มในใบแจ้งหนี้

สิ่งสำคัญคือการปรึกษากับนักบัญชีที่เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซเพื่อจัดการกรณีเหล่านี้อย่างเหมาะสม

ภาระผูกพันอื่นๆ

สุดท้าย หากคุณนำเสนอหลักสูตรวิชาชีพในภาคส่วนที่มีการควบคุม (เช่น ความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน การดูแลสุขภาพ การเงิน) คุณต้องตรวจสอบการอนุญาตจากกระทรวงหรือการรับรองระดับภูมิภาค เพราะการไม่ปฏิบัติตามอาจทำให้ประกาศนียบัตรที่ออกให้เป็นโมฆะ และถูกลงโทษโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

วิธีขายหลักสูตรออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของคุณเอง

เมื่อขายหลักสูตรออนไลน์ คุณสามารถเริ่มต้นด้วยเว็บไซต์แบบง่ายๆ ระบบการชำระเงินที่เชื่อถือได้ และเนื้อหาการฝึกอบรมคุณภาพสูง จากนั้นจึงค่อยๆ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้วยเครื่องมือขั้นสูงเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและสร้างความเติบโตให้ธุรกิจ

เริ่มต้น

เมื่อเริ่มต้น คุณต้องมีเว็บไซต์ที่ใช้งานได้ ซึ่งอาจเป็นเพียงเว็บไซต์ WordPress ที่มีธีมพื้นฐาน นอกจากนี้ คุณยังจำเป็นต้องมีปลั๊กอินหรือบริการเพื่ออัปโหลดเนื้อหาการศึกษาและระบบการชำระเงินที่ปลอดภัยเพื่อจัดการธุรกรรมด้วย องค์ประกอบพื้นฐานนี้ช่วยให้คุณนำเสนอและขายหลักสูตรออนไลน์แบบมีค่าใช้จ่ายได้

เลือกระบบจัดการเนื้อหา (CMS) หรือระบบจัดการการเรียนรู้ (LMS)

ถัดไป คุณสามารถปรับแต่งแพลตฟอร์มได้โดยเลือก CMS เช่น WordPress โดยใช้ปลั๊กอินเฉพาะได้ รวมถึง LearnDash หรือ Tutor LMS โดยปลั๊กอินเหล่านี้สามารถเปลี่ยน WordPress ให้กลายเป็นแพลตฟอร์มการสอนที่ครบครันซึ่งมีทั้งหลักสูตร บทเรียน และแบบทดสอบ หรือจะใช้ LMS เฉพาะก็ได้ เช่น Moodle หรือ Chamilo โดยระบบเหล่านี้ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อจัดการ เผยแพร่ และตรวจสอบหลักสูตรออนไลน์ โดยจะเลือกแบบใดก็ขึ้นอยู่กับระดับการปรับแต่งที่คุณต้องการและงบประมาณที่มี

เลือกโฮสติ้งเพื่อประสิทธิภาพสูงที่มั่นใจได้

เลือกโฮสติ้งประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะหากคุณขายหลักสูตรวิดีโอออนไลน์ หากต้องการเพิ่มความเร็ว ให้พิจารณาใช้เครือข่ายการจัดส่งเนื้อหา (CDN) ซึ่งเป็นเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลกซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งเนื้อหาดิจิทัลให้ลูกค้า นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบด้วยว่าแพลตฟอร์มมีความยืดหยุ่น เพื่อให้สามารถเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจของคุณและรับมือกับการเข้าชมที่พุ่งสูงขึ้นได้หรือไม่

เพิ่มประกาศนียบัตร แบบทดสอบ และการติดตามความคืบหน้า

ใช้เครื่องมือเพื่อติดตามความคืบหน้า สร้างประกาศนียบัตร และดึงดูดลูกค้าด้วยแบบทดสอบแบบอินเทอร์แอกทีฟ คุณสมบัติเหล่านี้สามารถเพิ่มมูลค่าที่รับรู้และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้

รับรองความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย

ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น ด้วย GDPR) ใช้การสำรองข้อมูล และใช้ HyperText Transfer Protocol Secure (HTTPS) ซึ่งโปรโตคอลนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการสื่อสารระหว่างเบราว์เซอร์ของลูกค้ากับเซิร์ฟเวอร์จะเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้รับการเข้ารหัส นอกจากนี้ คุณยังควรมีการเข้าถึงที่ปลอดภัยและนโยบายการจัดการคุกกี้ด้วย สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสามารถสร้างความมั่นใจและส่งเสริมความภักดีของลูกค้าได้

วิธีขายหลักสูตรบนแพลตฟอร์มการฝึกอบรมออนไลน์

หากต้องการเริ่มต้นง่ายๆ คุณสามารถใช้แพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงเพื่อขายหลักสูตรออนไลน์พร้อมใช้งานได้ แพลตฟอร์มยอดนิยมเหล่านี้รวมถึง

  • Udemy: แพลตฟอร์มนี้มีฐานผู้ใช้งานกว้างและมีชื่อเสียงอยู่แล้วในหมู่ผู้ชมต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มสามารถปรับราคาหลักสูตรได้ตามนโยบาย พลังของมาร์เก็ตเพลสทำให้แพลตฟอร์มนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเข้าถึงฐานผู้ชมอย่างรวดเร็วเป็นวงกว้าง แม้แต่ในระดับสากล

  • Teachable: คุณสามารถทำการปรับแต่งได้พอสมควรในแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งเหมาะกับครีเอเตอร์อิสระ โดยสามารถปรับแต่งหน้าการขายและนำเครื่องมือทางการตลาดมาผสานการทำงานได้

  • Thinkific: แพลตฟอร์มนี้มอบความสมดุลระหว่างฟังก์ชันการทำงานกับราคา คุณสามารถเสนอหลักสูตรฟรีหรือหลักสูตรแบบมีค่าใช้จ่ายและสร้างชุมชนผู้ใช้ได้

  • Podia: แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้คุณจัดการการเป็นสมาชิกและการสัมมนาผ่านเว็บได้ง่ายขึ้น จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเสนอการฝึกอบรมที่ต่อเนื่องและหลากหลาย

  • Skillshare: บนแพลตฟอร์มนี้ คุณสามารถใช้การจ่ายค่าตอบแทนตามจำนวนการรับชมและการสมัครสมาชิกได้ ซึ่งโมเดลนี้โฟกัสไปที่ชุมชนและการแบ่งปันอย่างสร้างสรรค์

แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้คุณสร้างและขายหลักสูตรออนไลน์โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับแง่มุมด้านเทคนิคของโฮสติ้งหรือความปลอดภัย หากคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาประจำ คุณต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเลือกรหัส ATECO ที่ถูกต้องสำหรับการขายหลักสูตรออนไลน์

นอกจากนี้ หลายแพลตฟอร์มยังมีเครื่องมือในการโปรโมตและขายหลักสูตรออนไลน์ด้วย รวมถึงคูปอง แลนดิ้งเพจ และเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามประสิทธิภาพ เครื่องมือเหล่านี้สามารถช่วยให้ปรับแต่งกลยุทธ์ทางการตลาดและปรับปรุงการนำเสนอหลักสูตรได้

ไม่เพียงเท่านั้น คุณยังสามารถขายหลักสูตรออนไลน์ในตลาดเฉพาะหรือชุมชนเฉพาะกลุ่มได้ด้วย โดยขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของคุณ ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถเข้าถึงผู้ชมที่สนใจหัวข้อของคุณอยู่แล้วและอาจเพิ่มคอนเวอร์ชันได้

เมื่อตัดสินใจว่าตัวเลือกใดเหมาะกับธุรกิจ ให้มองว่าแพลตฟอร์มของบุคคลที่สามเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการทดสอบข้อเสนอหลักสูตรและเริ่มสร้างรายได้ก้อนแรก จากนั้น คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าต้องการย้ายไปใช้โซลูชันแบบถือกรรมสิทธิ์เองที่ปรับแต่งได้มากขึ้นในอนาคตหรือไม่

วิธีโปรโมตธุรกิจการฝึกอบรมออนไลน์

การสร้างและขายหลักสูตรออนไลน์เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น สิ่งสำคัญคือการโปรโมตธุรกิจการฝึกอบรมออนไลน์ หากต้องการดึงดูดลูกค้าและสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ คุณควรมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่เจาะจง โดยเฉพาะหากเลือกที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มที่ถือกรรมสิทธิ์เอง ในกรณีนี้ ก็ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะดึงดูดผู้ชม สร้างชื่อเสียงบนโลกดิจิทัล และกระตุ้นความต้องการของหลักสูตรอย่างไร

ในทางกลับกัน หากใช้แพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม การมองเห็นส่วนใหญ่จะมาจากมาร์เก็ตเพลสดังกล่าวโดยตรง แพลตฟอร์มจัดการการโปรโมตและการวางตำแหน่งหลักสูตรให้ คุณจึงมีบทบาทที่จำกัดมากกว่าในด้านการตลาด

กลยุทธ์ส่งเสริมการขายสำหรับเว็บไซต์ที่ถือกรรมสิทธิ์เองมีหลายวิธี ได้แก่

  • การตลาดเนื้อหา: คุณสามารถดึงดูดผู้เข้าชมที่เหมาะสมและสร้างความน่าเชื่อถือได้ด้วยการเผยแพร่บทความ คู่มือ วิดีโอ และพอดแคสต์ที่เน้นไปที่ความเชี่ยวชาญของคุณ

  • การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา (SEO): วิธีนี้ใช้ข้อความ ชื่อ และคีย์เวิร์ดเพื่อช่วยให้เนื้อหาของคุณมีอันดับสูงขึ้นในเครื่องมือค้นหา วิธีนี้เพิ่มการมองเห็นแบบออร์แกนิกได้

  • แคมเปญโฆษณาแบบเสียค่าใช้จ่าย: Google Ads และการโฆษณาบนโซเชียลมีเดียช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงแรก

  • การตลาดผ่านอีเมล: การสร้างรายชื่อผู้ติดต่อที่สนใจหลักสูตรช่วยให้คุณเสนอข้อเสนอสำหรับคนเหล่านี้และรักษาลูกค้าที่มีอยู่ได้

  • โซเชียลมีเดียและการสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล: การสร้างและโพสต์เนื้อหาที่มีประโยชน์ การรับรองจากผู้ใช้ และการร่วมงานอย่างสม่ำเสมอบน LinkedIn, Instagram, YouTube หรือ TikTok ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้

  • การสัมมนาผ่านเว็บและกิจกรรมออนไลน์: คุณสามารถเสนอเซสชันฟรีหรือเซสชันแนะนำหลักสูตรที่แสดงประโยชน์ของหลักสูตรการฝึกอบรมออนไลน์ ซึ่งอาจช่วยดึงดูดสมาชิกใหม่ได้

Stripe Payments ช่วยได้อย่างไร

Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจใดๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลกรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้

Stripe Payments สามารถช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ให้แล้ว, สิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe
  • ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดนที่มีให้บริการใน 195 ประเทศในมากกว่า 135 สกุลเงิน
  • รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบ ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายรับ
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและฟังก์ชันขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
  • เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการที่แทบจะไม่หยุดทำงานเลย และมีความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าของวงการ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมว่า Stripe Payments ช่วยให้คุณสามารถรับการชำระเงินออนไลน์และการชำระเงินที่จุดขายได้อย่างไร หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

บทความอื่นๆ

  • เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง โปรดลองอีกครั้งหรือติดต่อฝ่ายสนับสนุน

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Payments

Payments

รับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกด้วยโซลูชันการชำระเงินที่สร้างมาสำหรับธุรกิจทุกขนาด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Payments

ค้นหาคู่มือเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Payments API ของ Stripe