วิธีโอนทรัพย์สินทางปัญญาให้ธุรกิจ

Atlas
Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ใครเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาได้บ้าง
  3. ข้อตกลงการโอนทรัพย์สินทางปัญญา
  4. วิธีโอนทรัพย์สินทางปัญญาให้ธุรกิจ
    1. ขั้นตอนที่ 1: ระบุความจําเป็นในการโอน
    2. ขั้นตอนที่ 2: ดําเนินการตรวจสอบข้อมูล
    3. ขั้นตอนที่ 3: เจรจาต่อรองข้อกําหนด
    4. ขั้นตอนที่ 4: ร่างข้อตกลงการโอน
    5. ขั้นตอนที่ 5: ดําเนินการตามข้อตกลง
    6. ขั้นตอนที่ 6: บันทึกข้อมูลการโอน
    7. ขั้นตอนที่ 7: แจ้งบุคคลที่เกี่ยวข้อง
    8. ขั้นตอนที่ 8: นำทรัพย์สินทางปัญญามาใช้ประโยชน์
  5. ข้อดีและข้อเสียของการโอนทรัพย์สินทางปัญญา
    1. ข้อดีของการโอนทรัพย์สินทางปัญญา
    2. ข้อเสียของการโอนทรัพย์สินทางปัญญา
  6. Stripe Atlas จะช่วยคุณได้อย่างไร
    1. การสมัครใช้งาน Atlas
    2. การรับชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN ของคุณ
    3. การซื้อหุ้นของผู้ก่อตั้งแบบไร้เงินสด
    4. การยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) อัตโนมัติ
    5. เอกสารทางกฎหมายของบริษัทระดับโลก
    6. Stripe Payments ฟรีหนึ่งปี พร้อมเครดิตและส่วนลดสำหรับพาร์ทเนอร์มูลค่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ

สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา (IP) แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ ได้แก่ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ และความลับทางการค้า ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นของใครบางคนตามกฎหมายเสมอ บุคคลทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา และนิติบุคคลอย่างเช่นธุรกิจและองค์กรไม่แสวงผลกําไรก็เช่นกัน ทรัพย์สินทางปัญญาสามารถเปลี่ยนเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้หลายครั้งและการโอนทรัพย์สินทางปัญญาคือกระบวนการที่เจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาโอนสิทธิ์เหล่านั้นให้กับบุคคลอื่น การโอนนี้จะสมบูรณ์และเพิกถอนไม่ได้ นั่นหมายความว่าเจ้าของเดิมสละสิทธิ์ในการเรียกร้องทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดหลังจากมอบหมายเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับการขายสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เมื่อขายแล้ว เจ้าของเดิมจะไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นอีกต่อไป

การโอนสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ศิลปินโอนลิขสิทธิ์ในผลงานให้แก่แกลเลอรี่หรือสํานักพิมพ์ การโอนทรัพย์สินทางปัญญารูปแบบหนึ่งที่พบบ่อยคือ ผู้ประดิษฐ์ผลงานโอนสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของตนให้กับธุรกิจเพื่อแลกกับเงินหรือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการจ้างงาน แล้วการโอนทรัพย์สินทางปัญญาให้ธุรกิจหมายความว่าอย่างไร ในบทความนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับวิธีโอนทรัพย์สินทางปัญญาให้กับธุรกิจ ผลกระทบทางกฎหมายของการโอนสิทธิ์ประเภทนี้ รวมถึงข้อดีและข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • ใครเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาได้บ้าง
  • ข้อตกลงการโอนทรัพย์สินทางปัญญา
  • วิธีโอนทรัพย์สินทางปัญญาให้ธุรกิจ
  • ข้อดีและข้อเสียของการโอนทรัพย์สินทางปัญญา

ใครเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาได้บ้าง

สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาสามารถเป็นเจ้าของได้โดยบุคคลประเภทต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับลักษณะของทรัพย์สินทางปัญญาและบริบทในการสร้างทรัพย์สินทางปัญญาขึ้นมา ต่อไปนี้คือผู้ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาโดยทั่วไป

  • บุคคลทั่วไป: ผู้สร้างผลงานที่เป็นบุคคลทั่วไป เช่น ศิลปิน ผู้เขียน นักเขียน และนักดนตรีสามารถเป็นเจ้าของสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาได้ ตัวอย่างเช่น โดยทั่วไปผู้เขียนจะถือครองลิขสิทธิ์ของงานเขียนของตัวเอง

  • ธุรกิจและองค์กร: ธุรกิจมักจะเป็นเจ้าของสิทธิ์ในการใช้ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือกระบวนการที่พัฒนาขึ้นมา ตัวอย่างเช่น ธุรกิจอาจจะมีสิทธิบัตรคุ้มครองเทคโนโลยีใหม่หรือเครื่องหมายการค้าสําหรับโลโก้แบรนด์ของบริษัท

  • สถาบันการศึกษาและองค์กรการวิจัย: มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยมักจะถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาในสิ่งที่ค้นพบใหม่และสิ่งประดิษฐ์ของพนักงานและนักศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถาบันเป็นผู้ให้ทุนการวิจัย

  • หน่วยงานรัฐ: สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาอาจเป็นของหน่วยงานรัฐบาล โดยเฉพาะสําหรับสิ่งประดิษฐ์หรือผลงานที่พนักงานของรัฐบาลสร้างขึ้นในระหว่างทำงานของตน

  • เจ้าของหลายราย: เมื่อผลงานชิ้นหนึ่งถูกสร้างขึ้นร่วมกันโดยบุคคลหรือหน่วยงานหลายฝ่าย สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาอาจแชร์ร่วมกันตามข้อกําหนดในข้อตกลงของพวกเขา

  • ทายาทและกองมรดก: สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาสามารถสืบทอดหรือทำพินัยกรรมยกให้ได้ ทำให้ทายาทหรือกองมรดกได้รับสิทธิ์เหล่านั้นหลังจากเจ้าของเดิมเสียชีวิต

  • ผู้รับโอนสิทธิ์และผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ์: สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาสามารถโอนหรืออนุญาตให้บุคคลอื่นใช้ประโยชน์ได้ ผู้รับโอนสิทธิ์จะได้รับกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา ในขณะที่ผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ์จะได้รับอนุญาตให้ใช้ทรัพย์สินทางปัญญานั้นภายใต้เงื่อนไขบางอย่างโดยไม่ได้รับกรรมสิทธิ์

ข้อตกลงการโอนทรัพย์สินทางปัญญา

ข้อตกลงการโอนทรัพย์สินทางปัญญาจะจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร มีความครอบคลุม และมีผลผูกพันตามกฎหมาย รวมทั้งระบุข้อกําหนดในการโอนสิทธิ์การเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา ในการร่างข้อตกลงการโอนสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา จะต้องพิจารณาและระบุหัวข้อดังต่อไปนี้

  • ตัวตนของคู่สัญญา: ชื่อ-นามสกุลตามกฎหมายและที่อยู่ของผู้โอน (เจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาคนปัจจุบัน) และผู้รับโอน (ฝ่ายที่ได้รับโอนสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา)

  • รายละเอียดเฉพาะของทรัพย์สินทางปัญญา: คําอธิบายโดยละเอียดและชัดเจนเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาที่จะโอน สําหรับสิทธิบัตร ข้อมูลนี้ควรประกอบด้วยหมายเลขสิทธิบัตร กรรมสิทธิ์ และคําอธิบายสั้นๆ สําหรับเครื่องหมายการค้า ควรระบุหมายเลขการจดทะเบียนและเครื่องหมายที่เฉพาะเจาะจง และสำหรับลิขสิทธิ์ ต้องระบุผลงานที่เจาะจงและรายละเอียดการจดทะเบียน (หากมี)

  • ข้อความแจ้งกรรมสิทธิ์และสิทธิ์ในการโอน: ข้อความแจ้งกรรมสิทธิ์และสิทธิ์ทางกฎหมายจากผู้โอน ซึ่งยืนยันว่าผู้โอนมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาอย่างชัดเจนโดยไม่มีภาระติดพันใดๆ และมีสิทธิ์ตามกฎหมายในการโอนสิทธิ์ ข้อพิพาทหรือภาระผูกพันในทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่เดิมจะทําให้กรรมสิทธิ์มีความซับซ้อนและอาจจะทําให้การโอนไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นควรเปิดเผยและแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ ข้อตกลง หรือการอ้างสิทธิ์ทั้งหมดที่อาจส่งผลต่อการโอน

  • ข้อกําหนดในการโอน: ข้อความที่ระบุว่าผู้โอนจะโอนสิทธิ์ กรรมสิทธิ์ และประโยชน์ในทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดให้แก่ผู้รับโอน พร้อมทั้งระบุว่าการโอนนั้นสมบูรณ์และไม่สามารถเพิกถอนได้ หรือมาพร้อมกับเงื่อนไขที่กำหนด

  • การโอนสิทธิ์กับการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์: ระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นการโอนสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา (การโอนกรรมสิทธิ์) หรือเป็นการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ (มอบสิทธิ์ให้ใช้ทรัพย์สินทางปัญญานั้น ไม่ใช่ความเป็นเจ้าของ)

  • สิ่งตอบแทน: ค่าตอบแทนหรือสิ่งตอบแทนที่จะมอบให้เพื่อแลกกับสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งอาจเป็นเงิน หุ้น ทรัพย์สินอื่นๆ หรือสิ่งอื่นที่มีมูลค่าตามที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ โดยจำเป็นต้องมีค่าตอบแทนเพื่อให้ข้อตกลงมีผลผูกพันตามกฎหมาย

  • การรับประกันและการรับรอง: การรับประกันเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งอาจรวมถึงการรับประกันว่าทรัพย์สินทางปัญญานั้นไม่ได้ละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ผู้โอนเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาที่แท้จริง และไม่มีความรับผิดที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญานั้น โดยทั่วไปแล้ว ผู้โอนจะให้การรับประกันเกี่ยวกับความถูกต้องของทรัพย์สินทางปัญญา กรรมสิทธิ์ของพวกเขา และการไม่มีการละเมิดหรือภาระผูกพัน การละเมิดการรับประกันเหล่านี้อาจทําให้เกิดความรับผิดทางกฎหมายได้

  • การชดเชยความเสียหาย: ในกรณีที่มีการละเมิดการรับประกันบางอย่าง เช่น หากบุคคลที่สามอ้างว่ามีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเกิดขึ้น ผู้โอนจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ผู้รับโอน

  • การระงับข้อพิพาท: ข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับการโอนทรัพย์สินทางปัญญาจะได้รับการระงับด้วยวิธีการใด ผ่านกระบวนการอนุญาโตตุลาการ การฟ้องร้องดําเนินคดี หรือกระบวนการอื่น นอกจากนี้ยังควรระบุกฎหมายที่ใช้บังคับกับข้อพิพาทต่างๆ ด้วย

  • การโอนสิทธิ์และการมอบหมาย: ข้อความที่ระบุว่าผู้รับโอนสามารถโอนสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาหรือมอบมอบหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่จะถูกจํากัดไว้ในข้อตกลง

  • การพัฒนาในอนาคต: การพัฒนาที่กําลังดําเนินอยู่จะได้รับการจัดการอย่างไร และผู้รับโอนมีสิทธิ์หรือหน้าที่ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาในอนาคตเหล่านี้หรือไม่

  • ลายเซ็น: ลายเซ็นและวันที่จากทั้งสองฝ่าย การโอนทรัพย์สินทางปัญญาบางประเภทจําเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนเฉพาะบางอย่าง เช่น การรับรองความถูกต้องโดยโนตารีหรือการบันทึกข้อมูลกับหน่วยงานราชการที่เหมาะสมเพื่อให้มีผลหรือบังคับใช้ได้

  • ข้อกําหนดเบ็ดเตล็ด: ข้อกําหนดเพิ่มเติมใดๆ ที่คู่สัญญาต้องการระบุไว้ในข้อตกลง รวมถึงหน้าที่ในการรักษาความลับ การคืนวัสดุอุปกรณ์ หรือข้อกําหนดเฉพาะใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโอนทรัพย์สินทางปัญญา ส่วนนี้อาจระบุผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้โอนหรือผู้รับโอนล้มละลาย ทรัพย์สินทางปัญญาถือเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สินที่ล้มละลาย ซึ่งอาจส่งผลต่อสิทธิ์และผลประโยชน์ของคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย

วิธีโอนทรัพย์สินทางปัญญาให้ธุรกิจ

การโอนทรัพย์สินทางปัญญาให้ธุรกิจมี 8 ขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 1: ระบุความจําเป็นในการโอน

ความจําเป็นในการโอนทรัพย์สินทางปัญญาอาจเกิดขึ้นได้หลายสถานการณ์ รวมถึงการขายธุรกิจ ข้อตกลงการจ้างงานใหม่ ข้อตกลงการออกใบอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ หรือธุรกิจหนึ่งซื้อทรัพย์สินทางปัญญาของธุรกิจอื่น เมื่อมีความจําเป็นต้องโอนทรัพย์สินทางปัญญา คู่สัญญาที่เกี่ยวข้องจะต้องระบุทรัพย์สินทางปัญญาที่จะโอน

ขั้นตอนที่ 2: ดําเนินการตรวจสอบข้อมูล

ผู้รับโอนควรตรวจสอบข้อมูลของผู้โอนเพื่อยืนยันกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้โอน ระบุภาระผูกพัน ข้อจํากัด หรือปัญหาการละเมิดที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งประเมินมูลค่าและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา ขั้นตอนนี้อาจต้องมีการตรวจสอบทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาจากหน่วยงานราชการ สัญญา และการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์หรือการโอนที่เกิดขึ้นก่อนหน้า

ขั้นตอนที่ 3: เจรจาต่อรองข้อกําหนด

คู่สัญญาจะเจรจาเกี่ยวกับข้อกําหนดในการโอนสิทธิ์ รวมถึงขอบเขตของสิทธิ์ที่โอน สิ่งตอบแทน (การชําระเงินหรือค่าตอบแทนอื่นๆ) การรับประกัน ค่าชดเชย และข้อกําหนดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนการเจรจานี้เป็นการกําหนดความคาดหวังและหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย

ขั้นตอนที่ 4: ร่างข้อตกลงการโอน

หลังจากเจรจาแล้ว คู่สัญญาจะร่างข้อตกลงการโอนทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายสามารถให้ที่ปรึกษาทางกฎหมายของตนตรวจสอบข้อตกลงนี้เพื่อยืนยันว่าข้อตกลงดังกล่าวตรงกับความเข้าใจและเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ขั้นตอนที่ 5: ดําเนินการตามข้อตกลง

เมื่อสรุปข้อตกลงแล้ว คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะลงนามในเอกสาร การลงนามอาจต้องมีพยานหรือได้รับการรับรองจากโนตารี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเขตอํานาจศาลและลักษณะของทรัพย์สินทางปัญญา แม้จะไม่มีข้อกําหนดทางกฎหมายเสมอไป แต่เราแนะนำให้ขอการรับรองจากโนตารีเพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งให้กับธุรกรรม วิธีนี้จะช่วยให้เอกสารได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังโดยหน่วยงานราชการ และลดความเสี่ยงที่จะเกิดความซับซ้อนทางกฎหมาย เมื่อลงนามในเอกสารแล้ว (และอาจได้รับการรับรองจากโนตารีแล้ว) หมายความว่ามีการดำเนินการตามข้อตกลงแล้ว และโอนสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาจากผู้โอนให้กับผู้รับโอนอย่างเป็นทางการ

ขั้นตอนที่ 6: บันทึกข้อมูลการโอน

ในบางกรณี โดยเฉพาะกับทรัพย์สินทางปัญญาที่จดทะเบียน เช่น สิทธิบัตรหรือเครื่องหมายการค้า การโอนจะต้องบันทึกข้อมูลกับสํานักงานทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้อง การบันทึกข้อมูลนี้เป็นการแจ้งเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ต่อหน่วยงานราชการและบ่อยครั้งก็มีความจําเป็นต่อการช่วยให้ผู้โอนบังคับใช้สิทธิ์ต่างๆ ได้ คู่สัญญาควรอัปเดตข้อมูลหรือการจดทะเบียนกับหน่วยงานรัฐให้ตรงกับสถานะกรรมสิทธิ์ใหม่ด้วย

ขั้นตอนที่ 7: แจ้งบุคคลที่เกี่ยวข้อง

คู่สัญญาควรแจ้งให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายอื่นๆ หรือบุคคลที่สามทราบ เช่น ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ์หรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนแจ้งว่าสิทธิ์หรือหน้าที่ของพวกเขาที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

ขั้นตอนที่ 8: นำทรัพย์สินทางปัญญามาใช้ประโยชน์

ธุรกิจควรนำทรัพย์สินทางปัญญาที่เพิ่งได้รับมาใช้การดําเนินงาน อัปเดตบันทึกข้อมูลสินทรัพย์ และวางแผนวิธีใช้และปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจของบริษัท

ข้อดีและข้อเสียของการโอนทรัพย์สินทางปัญญา

การโอนทรัพย์สินทางปัญญามีทั้งข้อดีและข้อเสียสําหรับธุรกิจ

ข้อดีของการโอนทรัพย์สินทางปัญญา

  • กรรมสิทธิ์และการควบคุม: การโอนสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาให้แก่ผู้รับโอนเป็นการมอบสิทธิ์ทางกฎหมายอย่างชัดเจนให้ผู้รับโอนสามารถควบคุมทรัพย์สินทางปัญญา ตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา และบังคับใช้สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญากับผู้ละเมิด ความชัดเจนนี้มีความสําคัญอย่างยิ่งสําหรับธุรกิจที่ต้องการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาอย่างมีกลยุทธ์

  • โอกาสทางธุรกิจ: ธุรกรรมทางธุรกิจ เช่น การควบรวมกิจการ การซื้อกิจการ หรือการร่วมมือกันอาจได้รับประโยชน์จากมูลค่าและความน่าสนใจของทรัพย์สินทางปัญญาใหม่เมื่อมีการทำข้อตกลงการโอน

  • โอกาสในการสร้างรายรับ: ผู้โอนจะได้รับเงินก้อนหรือสิ่งตอบแทนอย่างอื่นตามที่ตกลงกันไว้เมื่อโอนทรัพย์สินทางปัญญา สําหรับผู้รับโอน การเป็นเจ้าของสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาเป็นการสร้างช่องทางสร้างรายรับใหม่ๆ เช่น การออกใบอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ การผลิต หรือการโอนสิทธิ์เพิ่มเติม

  • การดึงดูดนักลงทุน: ธุรกิจที่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญามักจะเป็นที่สนใจของนักลงทุนมากกว่า เนื่องจากทรัพย์สินเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดมูลค่าและศักยภาพในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขันในตลาด

ข้อเสียของการโอนทรัพย์สินทางปัญญา

  • ความถาวรของการโอน: เมื่อมีการโอนทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว ผู้โอนจะเสียสิทธิ์ทั้งหมดในทรัพย์สินทางปัญญานั้น นี่เป็นการดําเนินการแบบถาวร เว้นแต่จะมีข้อกำหนดเฉพาะในข้อตกลงการโอนที่อนุญาตให้ยกเลิกการโอนภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง

  • ความท้าทายด้านการประเมินมูลค่า: การหามูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สินทางปัญญาอาจเป็นเรื่องซับซ้อนและขึ้นอยู่กับมุมมอง การประเมินมูลทรัพย์สินทางปัญญาต่ำหรือสูงเกินไปมีความเสี่ยง ที่อาจนําไปสู่การขาดทุนหรือข้อพิพาททางการเงิน

  • โอกาสที่จะเกิดข้อพิพาท: หากข้อตกลงการโอนไม่ครอบคลุม ข้อพิพาทอาจเกิดขึ้นกับสิ่งที่อยู่เหนือขอบเขตของสิทธิ์ที่โอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาด้วยวิธีการต่างๆ ที่ผู้โอนไม่ได้คาดหวังไว้

  • ความท้าทายในการนำมาใช้งาน: สําหรับผู้รับโอน การนำทรัพย์สินทางปัญญาที่เพิ่งได้รับมาใช้ในการปฏิบัติงานหรือสายผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยต้องมีการปรับและเปลี่ยนโครงสร้างบางอย่าง

  • ความเสี่ยงต่อการให้ความสำคัญมากเกินไป: หากธุรกิจพึ่งพาทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้รับมามากเกินไปโดยไม่สร้างนวัตกรรมใหม่ อาจทำให้พลาดโอกาสอื่น ๆ หรือเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดเมื่อทรัพย์สินทางปัญญานั้นมีคุณค่าน้อยลง

Stripe Atlas จะช่วยคุณได้อย่างไร

Stripe Atlas สร้างรากฐานด้านกฎหมายของบริษัทเพื่อให้คุณสามารถระดมทุน เปิดบัญชีธนาคาร และรับชำระเงินได้ภายใน 2 วันทำการจากทุกที่ทั่วโลก

เข้าร่วมกับบริษัทกว่า 75,000 แห่งที่จัดตั้งขึ้นโดยใช้ Atlas ซึ่งรวมถึงสตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนชั้นนำ เช่น Y Combinator, a16z และ General Catalyst

การสมัครใช้งาน Atlas

การสมัครเพื่อจัดตั้งบริษัทกับ Atlas ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที คุณจะเลือกโครงสร้างบริษัทของคุณ จากนั้นจะยืนยันได้ทันทีว่าชื่อบริษัทของคุณใช้งานได้หรือไม่ และเพิ่มผู้ร่วมก่อตั้งได้ไม่เกิน 4 คน นอกจากนี้ คุณยังตัดสินใจได้ว่าจะแบ่งหุ้นอย่างไร สำรองหุ้นบางส่วนไว้สำหรับนักลงทุนและพนักงานในอนาคต แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ และลงนามเอกสารทั้งหมดแบบอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้นผู้ร่วมก่อตั้งจะได้รับอีเมลเชิญให้ลงนามในเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเช่นกัน

การรับชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN ของคุณ

หลังจากจัดตั้งบริษัทแล้ว Atlas จะยื่นเอกสาร EIN ให้คุณ ผู้ก่อตั้งที่มีหมายเลขประกันสังคมของสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์มือถือจะมีสิทธิ์รับการประมวลผลแบบเร่งด่วนของ IRS ขณะที่ผู้ก่อตั้งรายอื่นๆ จะได้รับการประมวลผลแบบมาตรฐาน ซึ่งอาจใช้เวลานานขึ้นอีกเล็กน้อย นอกจากนี้ Atlas ยังเปิดใช้การชำระเงินและการธนาคารก่อนที่จะได้รับ EIN เพื่อให้คุณสามารถเริ่มรับชำระเงินและทำธุรกรรมก่อนที่จะได้รับ EIN ได้

การซื้อหุ้นของผู้ก่อตั้งแบบไร้เงินสด

ผู้ก่อตั้งสามารถซื้อหุ้นเริ่มต้นโดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญา (เช่น ลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตร) แทนเงินสดได้ โดยมีหลักฐานการซื้อที่จัดเก็บไว้ในแดชบอร์ด Atlas คุณต้องมีทรัพย์สินทางปัญญามูลค่าไม่เกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐจึงจะใช้ฟีเจอร์นี้ได้ หากคุณมีทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมูลค่าสูงกว่านั้น โปรดปรึกษาทนายความก่อนที่จะดำเนินการต่อ

การยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) อัตโนมัติ

ผู้ก่อตั้งสามารถยื่นเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) เพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้ โดย Atlas จะยื่นเอกสารให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกาหรือนอกสหรัฐอเมริกา โดยใช้จดหมายรับรองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝากสหรัฐฯ (USPS Certified Mail) และติดตามข้อมูล คุณจะได้รับเอกสารการเลือกสถานะภาษี 83(b) ที่ลงนามและหลักฐานการ การยื่นเอกสารโดยตรงในแดชบอร์ด Stripe

เอกสารทางกฎหมายของบริษัทระดับโลก

Atlas ให้บริการเอกสารทางกฎหมายทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องใช้ในการเริ่มดำเนินธุรกิจบริษัทของคุณ โดยเอกสารของบริษัทประเภท C ของ Atlas ได้รับการสร้างขึ้นโดยร่วมงานกับ Cooley ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักงานกฎหมายการร่วมลงทุนชั้นนำของโลก โดยเอกสารเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณระดมทุนได้ทันทีและช่วยให้มั่นใจว่าบริษัทของคุณจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย โดยครอบคลุมถึงแง่มุมต่างๆ เช่น โครงสร้างกรรมสิทธิ์ การแจกจ่ายหุ้น และการ ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษี

Stripe Payments ฟรีหนึ่งปี พร้อมเครดิตและส่วนลดสำหรับพาร์ทเนอร์มูลค่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ

Atlas ร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ระดับแนวหน้าเพื่อมอบส่วนลดและเครดิตสุดพิเศษกับผู้ก่อตั้ง รวมถึงส่วนลดสำหรับเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการทำงานด้านวิศวกรรม ภาษี การเงิน การปฏิบัติตามข้อกำหนด และการปฏิบัติงานจากผู้นำอุตสาหกรรมอย่าง AWS, Carta และ Perplexity เรายังมอบตัวแทนที่จดทะเบียนในรัฐเดลาแวร์ให้คุณโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในปีแรกด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ในฐานะผู้ใช้ Atlas คุณยังได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจาก Stripe รวมถึงการประมวลผลการชำระเงินแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายสูงสุด 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Atlas ช่วยคุณจัดตั้งธุรกิจใหม่ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และเริ่มใช้งานได้เลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Atlas

Atlas

จัดตั้งบริษัทได้ด้วยการคลิกไม่กี่ครั้งและพร้อมที่จะเรียกเก็บเงินจากลูกค้า จัดจ้างทีมงาน และระดมทุน

Stripe Docs เกี่ยวกับ Atlas

ก่อตั้งบริษัทในสหรัฐอเมริกาได้จากทุกที่ทั่วโลกโดยใช้ Stripe Atlas