นับตั้งแต่กฎระเบียบสหภาพยุโรป 2015/751 มีผลบังคับใช้ในปี 2015 กฎเกณฑ์ใหม่ก็ได้ถูกนำมาใช้กับบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ กฎเกณฑ์เหล่านี้มีผลกระทบโดยตรงต่อความรับผิดของบริษัท ดังนั้นการทำความเข้าใจข้อกำหนดของสหภาพยุโรปจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
ในบทความนี้ เราจะพูดถึงว่าอะไรบ้างที่ถือว่าเป็นบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ ข้อดีและข้อเสียที่มี รวมถึงข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติตามตั้งแต่กฎระเบียบสหภาพยุโรป 2015/751 มีผลบังคับใช้ นอกจากนี้เรายังจะอธิบายถึงผลกระทบของกฎระเบียบดังกล่าวที่มีต่อภาคธุรกิจ และข้อควรระวังที่ธุรกิจควรดำเนินการเพื่อปกป้องตนเอง
เนื้อหาหลักในบทความนี้
- บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจคืออะไร
- ข้อดีของบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจคืออะไร
- ข้อเสียของบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจคืออะไร
- กฎระเบียบของสหภาพยุโรปใดบ้างที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่กฎระเบียบสหภาพยุโรป 2015/751 เริ่มมีผลบังคับใช้
- กฎระเบียบของสหภาพยุโรปมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างไร
บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจคืออะไร
บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ หรือที่บางครั้งเรียกว่าบัตรเครดิตบริษัท คือบัตรเครดิตที่บริษัทใช้สำหรับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ พนักงานของบริษัทสามารถใช้บัตรนี้ชำระค่าสินค้าหรือบริการได้โดยไม่ต้องใช้เงินสด ตัวอย่างเช่น พนักงานไม่จำเป็นต้องใช้บัญชีส่วนตัวในการซื้ออุปกรณ์สำนักงาน หรือจ่ายค่าที่พัก และค่าเดินทางในระหว่างการไปทำงานต่างถิ่น พวกเขาสามารถใช้บัญชีของบริษัทแทนได้ บัตรพลาสติกนี้จะแสดงชื่อบริษัท หมายเลขบัตรเครดิต และชื่อพนักงาน
ข้อได้เปรียบหลักของบัตรคือความสามารถในการให้เครดิตระยะสั้น ในขณะที่เงินสดถูกใช้ไปทันที และการชำระเงินด้วย girocard จะถูกหักออกจากบัญชีหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้บัตรเครดิตจะถูกชำระเมื่อสิ้นเดือนผ่านบัญชีอ้างอิง สำหรับบัตรประเภทนี้ บริษัทบัตรเครดิตจะไม่คิดดอกเบี้ยจากเงินที่สำรองจ่ายไปล่วงหน้า ปัจจุบันมีบัตรเครดิตประมาณ 38.4 ล้านใบ ที่หมุนเวียนอยู่ในประเทศเยอรมนี
บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจสามารถใช้งานได้กับบริษัททุกขนาด ตั้งแต่กิจการเจ้าของคนเดียวไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ เงื่อนไขเพียงอย่างเดียวในการขอรับบัตรคือจะต้องมีประวัติเครดิตที่ดี การสมัครสามารถทำได้ผ่านธนาคารหรือกับผู้ออกบัตรโดยตรง ผู้ออกบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ได้แก่ Visa, Mastercard, American Express และ Diners Club
บัตรเครดิตธุรกิจเสมือนจริงหรือดิจิทัลยังสามารถใช้เป็นทางเลือกแทนบัตรพลาสติกแบบเดิมได้เช่นกัน โดยสามารถใช้งานผ่านระบบการชำระเงินบนมือถือ เช่น Apple Pay หรือ Google Pay ได้ Stripe Issuing สามารถช่วยสนับสนุนโปรแกรมจัดการบัตรของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นบัตรแบบจริงหรือเสมือนจริง โดยบริการ Issuing จะช่วยให้คุณสามารถสร้าง จัดการ ปรับแต่ง และขยายโปรแกรมบัตรธุรกิจของคุณได้
บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจมีกี่ประเภท
แม้ว่าความแตกต่างจะเริ่มไม่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่บัตรเครดิตของบริษัทสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลัก คือ บัตรธุรกิจ และบัตรองค์กร
บัตรธุรกิจ เป็นบัตรเครดิตที่ออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าและสมัครได้ง่ายกว่าบัตรองค์กร แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีเฉพาะฟังก์ชันในการจัดการค่าใช้จ่าย และการจัดทำบัญชีขั้นพื้นฐานเท่านั้น ในทางกลับกันบัตรองค์กรนำเสนอโซลูชันที่สามารถกำหนดเองได้ สำหรับการจัดการกับค่าใช้จ่ายจำนวนมาก การจัดการกับแผนการเดินทางที่ซับซ้อน รวมถึงการเข้าถึงส่วนลดพิเศษ ด้วยเหตุนี้บัตรประเภทนี้จึงเหมาะสมสำหรับบริษัทขนาดใหญ่มากกว่า
นอกจากนี้บริษัทมักถูกจำกัดจำนวนบัตรธุรกิจที่สามารถออกได้ ในขณะที่บัตรองค์กรโดยทั่วไปแล้วไม่มีการจำกัดจำนวนการออกบัตร อีกทั้งยังมีความแตกต่างระหว่างบัตรเครดิตองค์กร และบัตรเดินทางองค์กรด้วย
บัตรเดินทางองค์กรคืออะไร
บัตรเดินทางองค์กรเป็นบัตรเครดิตที่ใช้สำหรับชำระค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อธุรกิจเป็นหลัก ซึ่งรวมถึงการจองโรงแรม ค่าโดยสารเครื่องบิน รถไฟ หรือการเช่ารถเท่านั้น ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเพื่อธุรกิจจะไม่สามารถชำระด้วยบัตรเดินทางองค์กรได้ นอกจากนี้ ยังไม่สามารถใช้ถอนเงินสดหรือชำระเงินระหว่างการเดินทางได้ บัตรเดินทางองค์กรจะออกให้กับบริษัทไม่ใช่รายบุคคล โดยแทนที่จะออกบัตรจริง บริษัทมักจะให้หมายเลขที่สามารถแจ้งกับบริษัทพาร์ทเนอร์ เช่น สายการบินหรือโรงแรม
ข้อดีของบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจคืออะไร
บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจช่วยให้บริษัทมีวิธีที่สะดวกในการจัดการ และควบคุมการใช้จ่าย พร้อมทั้งมีคุณสมบัติและสิทธิประโยชน์หลายประการ ต่อไปนี้คือภาพรวมของสิทธิประโยชน์ที่สำคัญที่สุด
- ความง่าย: บัตรเครดิตธุรกิจช่วยลดความยุ่งยากในการชำระเงินทางธุรกิจอย่างมาก และช่วยแยกค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ และค่าใช้จ่ายส่วนตัวออกจากกัน นอกจากนี้ยังช่วยให้การจัดทำบัญชีง่ายขึ้นเนื่องจากพนักงานไม่จำเป็นต้องยื่นใบเสร็จรับเงินแต่ละใบให้กับบริษัท ค่าใช้จ่ายต่างๆ สามารถตรวจสอบได้ง่าย และรายงานค่าใช้จ่ายทางธุรกิจก็สามารถจัดทำออกมาได้อย่างรวดเร็ว
- สภาพคล่อง: เนื่องจากบัญชีธนาคารของธุรกิจจะยังไม่ถูกหักเงินจนกว่าจะถึงสิ้นเดือน การชำระเงินด้วยบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจจึงช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินระยะสั้นให้แก่บริษัทได้
- ไม่ต้องสำรองจ่าย: พนักงานไม่จำเป็นต้องสำรองเงินส่วนตัวเพื่อใช้จ่ายในนามบริษัท อีกทั้งยังแทบไม่ต้องพกเงินสดติดตัวหรืออาจไม่ต้องพกเลย
- เงื่อนไข: เมื่อเทียบกับการใช้บัตรเครดิตส่วนบุคคล บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจมักมาพร้อมกับเงื่อนไขที่ดีกว่า กล่าวคืออาจให้ข้อเสนอสำหรับการถอนเงินสดฟรีในต่างประเทศ หรือผ่อนผันระยะเวลาการชำระเงินให้ยาวนานขึ้น นอกจากนี้ยังมักจะมีส่วนลดให้สำหรับค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ เช่น คะแนนโบนัสสะสมไมล์สายการบิน หรือเงินคืนสำหรับการใช้จ่ายบางประเภท อีกทั้งยังอาจมาพร้อมกับแพ็กเกจประกันภัย เช่น ประกันการยกเลิกการเดินทาง หรือประกันสุขภาพระหว่างประเทศ
- ความรับผิด: สำหรับบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ บริษัทไม่ใช่พนักงานรายบุคคลจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อหนี้สิน และภาระผูกพันทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการใช้บัตร ซึ่งหมายความว่าพนักงานรายบุคคลไม่จำเป็นต้องผ่านการตรวจสอบเครดิต
- การควบคุมการใช้จ่าย: บริษัทสามารถใช้บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจในการกำหนดวงเงินใช้จ่ายเฉพาะ ด้วยเหตุนี้จึงช่วยควบคุมการใช้จ่ายของพนักงานได้
ข้อเสียของบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจคืออะไร
แม้ว่าบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ยังมีข้อเสียบางประการที่ควรพิจารณาเช่นกัน:
- ตัวเลือกผู้ออกบัตรที่จำกัด: มีผู้ให้บริการบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจน้อยกว่าผู้ให้บริการบัตรเครดิตส่วนบุคคล
- ความเสี่ยงจากการฉ้อโกง: พนักงานที่ลาออกจากบริษัทอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการฉ้อโกงได้ หากบริษัทไม่สามารถเรียกเก็บบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจคืนจากพนักงานที่ออกจากงาน บริษัทจะยังคงต้องรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายใดๆ ที่พนักงานเหล่านั้นอาจก่อขึ้น
- ภาระด้านการจัดการ: บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจมักมาพร้อมกับภาระงานด้านการจัดการที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อกระบวนการทางบัญชีได้ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นระบบแล้ว ข้อเสียนี้อาจกลับกลายเป็นข้อได้เปรียบ เนื่องจากช่วยประหยัดเวลาในการทำงานลงได้
กฎระเบียบของสหภาพยุโรปใดบ้างที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่กฎระเบียบสหภาพยุโรป 2015/751 เริ่มมีผลบังคับใช้
ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา ได้มีกฎเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจที่ถูกนำมาใช้ในระดับสหภาพยุโรป ภายใต้กฎระเบียบว่าด้วย "ค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนสำหรับธุรกรรมการชำระเงินด้วยบัตร" (2015/751) ผลที่ตามมาคือ บัตรเครดิตสำหรับธุรกิจจะถูกจัดประเภทว่าเป็นบัตรดังกล่าวได้ ก็ต่อเมื่อธุรกรรมทั้งหมดถูกดำเนินการผ่านบัญชีองค์กรของบริษัทเท่านั้น
จนถึงปี 2015 ยังสามารถเชื่อมโยงบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจเข้ากับบัญชีส่วนตัวของผู้ถือบัตรได้ ผู้ออกบัตรสามารถเปิดบัญชีแยกสำหรับลูกค้า ซึ่งเชื่อมโยงไปยังบัญชีหลักของพวกเขาได้ แต่ปัจจุบันบริษัทจำเป็นต้องจัดตั้งบัญชีการชำระเงินอย่างเป็นทางการ ซึ่งหมายความว่าต้องมีการทำสัญญาเฉพาะระหว่างผู้ออกบัตรกับบริษัทเท่านั้น กฎระเบียบของสหภาพยุโรปมีเป้าหมายเพื่อให้มั่นใจได้ว่าสามารถแยกค่าใช้จ่ายส่วนตัวออกจากค่าใช้จ่ายทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน ผลที่ตามมา คือบริษัทต้องรับผิดอย่างเต็มที่ต่อธุรกรรมที่ทำผ่านบัตรเครดิตของบริษัท
กฎระเบียบของสหภาพยุโรปมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างไร
เนื่องจากบริษัทต้องรับผิดชอบต่อการชำระเงินทั้งหมดที่ทำผ่านบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ จึงจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม ควรมีความสัมพันธ์ที่ไว้เนื้อเชื่อใจกันได้ระหว่างผู้บริหารและผู้ถือบัตร อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้มีการจัดทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจสามารถ และไม่สามารถนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใดได้บ้าง
กฎที่สำคัญที่สุดคือ บัตรสามารถใช้ได้เฉพาะกับค่าใช้จ่ายทางธุรกิจเท่านั้น ห้ามใช้เพื่อการชำระเงินส่วนบุคคล นอกจากนี้ข้อตกลงควรระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้งานบัตรที่เหมาะสม และขั้นตอนที่ต้องดำเนินการในกรณีที่บัตรสูญหาย หรือถูกขโมย ผู้ออกบัตรบางรายมีบริการยืนยันการชำระเงินผ่าน SMS วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วว่าบัตรกำลังถูกใช้งานโดยไม่ได้รับการอนุญาตหรือไม่
ขอแนะนำให้กำหนดวงเงินการใช้จ่ายของบัตรด้วย โดยสามารถกำหนดวงเงินใช้จ่ายรายบุคคลสำหรับพนักงานแต่ละคนที่ใช้บัตรเครดิตบริษัทได้ วงเงินนี้สามารถปรับเพิ่มได้ในบางช่วงเวลา เช่น เมื่อมีการวางแผนเดินทางไปทำธุรกิจเป็นระยะเวลานานและคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
โดยหลักการแล้ว ฝ่ายบริหารควรแต่งตั้งบุคคลหนึ่งหรือหลายคน ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานสำหรับผู้ใช้บัตร บุคคลเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลได้ในกรณีที่เกิดความไม่แน่นอน และให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีในกรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้บุคคลเหล่านี้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าสัญญาบัตรเครดิตได้ถูกยกเลิกได้ทันเวลา และบัตรเครดิตของบริษัทได้ถูกเก็บคืนจากพนักงานที่ลาออกจากบริษัท
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ