คุณจะประเมินการเติบโตของธุรกิจในช่วงสิ้นปีได้อย่างไร และจะคาดการณ์รายรับแต่ละปีให้แม่นยำได้อย่างไร หากต้องการจัดการภาษีของธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะต้องพิจารณาเกณฑ์ชี้วัดทางการเงินหรือตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพการทำงานหลัก (KPI) หลายอย่าง ในด้านล่างนี้ เราจะช่วยให้คุณได้ทราบข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับรายรับตามแบบแผนล่วงหน้าต่อปี (ARR) อาทิ ความหมาย วิธีคำนวณ วิธีการทำงาน และอื่นๆ
เนื้อหาหลักในบทความ
- ARR คืออะไร
- ARR ใช้กับธุรกิจใดบ้าง
- จุดประสงค์ด้านการเงินของ ARR คืออะไร
- ARR มีวิธีคำนวณอย่างไร
- ข้อจำกัดของ ARR มีอะไรบ้าง
- ประโยชน์ของ ARR มีอะไรบ้าง
- จะสามารถปรับปรุงการติดตาม ARR ได้อย่างไร
ARR คืออะไร
รายรับตามแบบแผนล่วงหน้าต่อปี (ARR) เป็นเกณฑ์ชี้วัดที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์กระแสรายรับภายในหนึ่งปี จุดประสงค์หลักของเกณฑ์ชี้วัดนี้คือ เพื่อให้สามารถคาดการณ์รายรับต่อปีได้ในระดับหนึ่ง
สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่า ARR เพียงอย่างเดียวไม่อาจสะท้อนสถานะทางการเงินของธุรกิจได้ และจำเป็นต้องใช้ข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้ประเมินได้อย่างครอบคลุม
ARR ใช้กับธุรกิจใดบ้าง
ARR มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่มีรายรับตามแบบแผนล่วงหน้าจากการดำเนินงานตามโมเดลการสมัครใช้บริการ ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปในภาคธุรกิจการให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) การคำนวณ ARR ขึ้นอยู่กับเกณฑ์สองข้อ ได้แก่ ข้อผูกมัดของสมาชิกขั้นต่ำ 12 เดือน และการยกเว้นรายรับที่ไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนล่วงหน้า
จุดประสงค์ด้านการเงินของ ARR คืออะไร
ARR ทำให้มองเห็นภาพรวมทั่วไปเกี่ยวกับการเงินของบริษัท แต่ไม่ใช่การวัดที่แม่นยำ แต่ถึงเป็นเช่นนั้น ธุรกิจส่วนใหญ่ก็ใช้ ARR เพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงของรายได้ตามแบบแผนล่วงหน้า ประเมินค่าใช้จ่ายเพื่อวัตถุประสงค์ในการวางแผนทางการเงิน และคาดการณ์รายรับในปีต่อๆ ไป
ARR มีวิธีคำนวณอย่างไร
ARR คำนวณจากตัวแปรสองตัว โดยการนำจำนวนสมาชิกภายในหนึ่งปีมาคูณด้วยค่าสมัครใช้บริการรายปี
ARR = จำนวนการสมัครใช้บริการ x ค่าสมัครใช้บริการรายปี
ธุรกิจที่ขายสัญญาระยะสั้นควรใช้การคำนวณรายรับตามแบบแผนล่วงหน้าต่อเดือน (MRR) ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่าง ARR กับ MRR คือช่วงเวลาที่วิเคราะห์รายรับ (เป็นปีกับเป็นเดือน)
การเปลี่ยนจาก MRR เป็น ARR ไม่ยุ่งยาก คุณเพียงต้องคูณรายรับต่อเดือนด้วย 12 ซึ่งเป็นจำนวนเดือนในหนึ่งปี ดังนี้
ARR = MRR x 12
ข้อจำกัดของ ARR มีอะไรบ้าง
การคำนวณ ARR มีขีดจำกัด โดยจะไม่สามารถนำจำนวนลูกค้าที่เลิกใช้บริการ จำนวนการอัปเกรดและการดาวน์เกรดจากสมาชิกปัจจุบัน จำนวนการสมัครใช้บริการที่ได้รับส่วนลด จำนวนการสมัครใช้บริการที่มีอายุเกินหนึ่งปี ค่าธรรมเนียมการสมัครใช้บริการเพิ่มเติมและที่ไม่ใช่แบบตามแบบแผนล่วงหน้า ตลอดจนต้นทุนในการหาลูกค้ามาคำนวณด้วยได้ คุณจะต้องเปลี่ยนไปใช้เกณฑ์ชี้วัดประสิทธิภาพอื่นๆ เพื่อคำนวณรายรับต่อปีที่แน่นอน
ประโยชน์ของ ARR มีอะไรบ้าง
ARR เป็นจำนวนเงินที่ธุรกิจตั้งเป้าจะบรรลุหรือทำให้ได้เกินเป้าหมาย เกณฑ์ชี้วัดนี้ช่วยให้ธุรกิจกำหนดเป้าหมายประจำปี (และในปีต่อๆ ไป) รวมถึงคำนวณค่าใช้จ่ายและต้นทุนเมื่อตัดสินใจเกี่ยวกับงบประมาณและกลยุทธ์ หาก ARR ไม่เกินหรือบรรลุผลตามเป้าภายในสิ้นปี ธุรกิจจะต้องวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเงินของตนเอง
ARR ยังมีบทบาทสำคัญในการนำเสนอต่อนักลงทุนและธนาคารผู้ปล่อยกู้ (คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้กู้ยืมโดยพิจารณาจาก ARR ได้จากบทความของเราในหัวข้อนี้) จากมุมมองของคนกลุ่มนี้แล้ว ARR สะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการเงินของธุรกิจ และขณะเดียวกันก็ใช้เป็นตัวบ่งชี้การเติบโตของฐานลูกค้า ความน่าเชื่อถือของโมเดลธุรกิจ และโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (ถ้ามี) ธนาคารผู้ปล่อยกู้ใช้ ARR เพื่อกำหนดมูลค่าเงินกู้สำหรับคำขอทางการเงิน แต่นักลงทุนจะใช้ ARR เพื่อประเมินตัวธุรกิจเอง กล่าวสั้นๆ คือ ARR เป็นจุดอ้างอิงในการหารือเรื่องการซื้อกิจการและการรวมกิจการ
จะสามารถปรับปรุงการติดตาม ARR ได้อย่างไร
ซอฟต์แวร์การเรียกเก็บเงินที่ล้ำสมัย เช่น Stripe Billing ช่วยให้คุณติดตามและจัดการช่องทางรายรับและการสมัครใช้บริการผลิตภัณฑ์ได้ Stripe มีแดชบอร์ดแบบอินเทอร์แอกทีฟอัตโนมัติที่ให้คุณวิเคราะห์และกรองข้อมูลทั้งหมดเพื่อคำนวณรายรับตามแบบแผนล่วงหน้าในแต่ละเดือน ดูวิธีคำนวณตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพการทำงานโดยอัตโนมัติด้วย Stripe โดยติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเรา
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ