ขณะที่เศรษฐกิจเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ทางเศรษฐกิจมหภาค เช่น อัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนเงินทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น สตาร์ทอัพเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบ อย่างไรก็ตาม โดยธรรมชาติของธุรกิจแล้ว สตาร์ทอัพอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในการค้นหาโอกาสในความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สตาร์ทอัพมักเปิดรับการเปลี่ยนแปลงเสมอ พวกเขานำนวัตกรรมที่ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม รักษาความใกล้ชิดกับลูกค้าและประเมินใหม่เมื่อจำเป็น แก้ปัญหาอย่างคล่องแคล่วด้วยการจินตนาการถึงสิ่งที่เป็นไปได้ และใช้ขนาดองค์กรที่เล็กกับทีมงานที่คล่องตัวในการรับมือกับความท้าทายใหญ่ๆ ที่ซับซ้อนด้วยวิธีใหม่ๆ และสร้างสรรค์

เรื่องจริงเกี่ยวกับเศรษฐกิจในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาจะไม่เป็นความจริงอีกต่อไป แล้วธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณจะปรับตัวให้เข้ากับเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วได้อย่างไร เราได้พบกับผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพแนวหน้าตั้งแต่ระยะก่อนระดมทุนจนถึงหลังระดมทุนซีรีส์ D ที่กำลังทำสิ่งเหล่านั้นอยู่ พวกเขากำลังเตรียมธุรกิจ ทีม และผลิตภัณฑ์ของตนในเชิงรุกสำหรับช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อให้คุณได้รับความรู้จากแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของผู้ก่อตั้งเหล่านี้ เราจึงรวบรวมคำแนะนำและประสบการณ์ของพวกเขาเป็นหัวข้อที่ผู้ก่อตั้งเช่นคุณให้ความสำคัญมากที่สุด รวมถึงวิธีต่อไปนี้

• ระดมทุนและนำเงินไปลงทุน
  
• ว่าจ้างและรักษาพนักงานเอาไว้
  
• ขยายฐานลูกค้าของคุณ
  
• ลงทุนในแผนกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของคุณ
  

การระดมทุน

ในช่วงปี 2021 ตลาดร่วมทุนมีเงินทุนล้นเกินที่กำลังมองหาช่องทางในการลงทุน ปี 2022 เผชิญกับภาวะตึงตัวเมื่อเปรียบเทียบกัน โดยเงินทุนร่วมลงทุนทั่วโลกลดลง 34% จากไตรมาส 2 สู่ไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษ ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่เราสัมภาษณ์ได้ตอบสนองต่อความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นโดยการปรับเวลาและวิธีการระดมทุน ตลอดจนสถานที่ที่พวกเขาลงทุน

ระดมเงินเพิ่มในตอนนี้

ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้การคาดการณ์ว่าจะระดมเงินได้มากเพียงใดเป็นเรื่องท้าทายมากขึ้น Max Cho ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Coverage Cat แนะนำว่า "การระดมเงินมากกว่าที่ [คุณ] คิดไว้แต่แรก" เพื่อเป็น "การป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาในการระดมทุนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต" ในการรับมือกับผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น Nathan McCauley ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Anchorage Digital แนะนำให้เพิ่มเงินทุนสำหรับการดำเนินงานอีกหนึ่งปีนอกเหนือจากเป้าหมายการระดมทุนที่ตั้งไว้เดิม

หากจำนวนเงินที่คุณระดมทุนเป็นคำถามแรกที่คุณถามตัวเอง คำถามที่สองควรเป็นเมื่อใด ในการกำหนดเวลาการระดมทุนของคุณ Arjun Paul ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Zoko เตือนว่าอย่ารอดูว่าเศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพอย่างไร "หากคุณพบว่าตัวเองระดมทุนเพื่อตอบสนองต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ คุณก็สายเกินไปแล้ว" ในทำนองเดียวกัน Max เน้นย้ำว่าเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงเมื่อใด "สภาพแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยสูงยังคงมีอยู่เป็นเวลาหลายปี" Max กล่าว "หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น คุณสามารถป้องกันความเสี่ยงได้โดยการระดมเงินเพิ่มในตอนนี้"

ใช้จ่ายอย่างรอบคอบ

ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไม่ได้หมายความว่าคุณต้องลดค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ควรทำให้คุณมีความเฉียบคมมากขึ้นในการตัดสินใจว่าควรใช้จ่ายเรื่องใด ตัวอย่างเช่น ในปีก่อนหน้า Zoko กระตุ้นการใช้งานโดยการซื้อโฆษณาดิจิทัล ทีมงานที่ Zoko ได้อ่านบทวิจารณ์ของคู่แข่งและระบุผู้ใช้ที่ไม่มีความสุขที่สุด จากนั้นทีมงานก็ใช้งบประมาณด้านการตลาดเพื่อส่งข้อเสนอส่งเสริมการขายที่น่าสนใจให้กับผู้ใช้รายเดียวกันเพื่อกระตุ้นให้พวกเขาทดลองใช้ Zoko ฟรี

แม้ว่าการร่วมลงทุนจะเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมสตาร์ทอัพขนาดเล็กในการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมทั้งหมด แต่สตาร์ทอัพที่พึ่งพาการร่วมลงทุนมากเกินไปอาจต้องดิ้นรนเพื่อครอบคลุมต้นทุนที่สูงเมื่อเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสร้างผลกำไรสามารถทำให้ง่ายต่อการรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจที่คาดเดาไม่ได้ Arjun แนะนำว่า "อย่าพึ่งพาเงินทุนภายนอกในการบริหารบริษัทของคุณ อย่าคาดหวังว่าจะสามารถระดมทุนได้… ไม่มีอะไรรับประกันว่าคุณจะสามารถระดมทุนได้"

ผู้คน

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานภายนอกอาจส่งผลต่อความง่ายหรือยากในการว่าจ้างและรักษาพนักงานเอาไว้ แต่วัฒนธรรมธุรกิจสตาร์ทอัพก็มีจุดแข็งที่ไม่เหมือนใครซึ่งช่วยดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถได้อย่างยอดเยี่ยม

แข่งขันเพื่อแย่งชิงผู้มีความสามารถกับบริษัทขนาดใหญ่

หากคุณตัดสินใจที่จะขยายทีม สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจว่าเศรษฐกิจอาจปรับเปลี่ยนการรับรู้และลำดับความสำคัญของผู้สมัครอย่างไร ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เป็นเรื่องปกติที่ผู้หางานจะหันไปหาบริษัทที่มั่นคงและเป็นที่ยอมรับ ด้วยขนาดที่เล็กและเส้นทางที่จำกัด สตาร์ทอัพจึงดูมีความเสี่ยงมากกว่า เพื่อดึงดูดผู้มีความสามารถได้ต่อไป Yana Welinder ซึ่งเป็น CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Kraftful แนะนำให้จัดโครงสร้างบทบาทงานให้ดูน่าเชื่อถือและมั่นคงในสายตาของผู้สมัครงาน โดยเฉพาะเมื่อมองในบริบทของเป้าหมายในสายอาชีพของพวกเขา "เราพยายามทำความเข้าใจว่า[ผู้สมัคร]สนใจอะไรในฐานะปัจเจกบุคคล" Yana กล่าว "เราพยายามคำนึงถึงสิ่งที่พวกเขากำลังมองหาและจัดโครงสร้างตำแหน่งเพื่อให้ผู้สมัครสร้างอาชีพในแบบที่ตนเองต้องการได้"

สร้างความโปร่งใสในวัฒนธรรมของคุณ

โดยไม่คำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ ผู้ก่อตั้งมีหน้าที่รับผิดชอบในวางแนวทางให้กับวัฒนธรรมของบริษัทของตนโดยการสร้างแบบจำลองชุดค่านิยมและพฤติกรรมที่มีร่วมกัน ผู้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพหลายรายที่เราได้พูดคุยด้วยกล่าวว่าการเสริมสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของทั่วทั้งองค์กรมีความสำคัญเพียงใด ท้ายที่สุดแล้ว ผลกระทบและความเป็นเจ้าของได้ดึงดูดพนักงานให้เข้ามาสู่วัฒนธรรมธุรกิจสตาร์ทอัพมานานแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเศรษฐกิจเปลี่ยนไป Kyle Mack ซึ่งเป็น CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Middesk แนะนำให้ทำให้ความโปร่งใสเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมบริษัทของคุณ หากคุณไม่อธิบายว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคใหม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณอย่างไรอย่างโปร่งใสและชัดเจน ภาวะชะลอตัวอาจเสี่ยงที่จะทำให้ขวัญกำลังใจลดลง "มีความโปร่งใสเกี่ยวกับการขาดทุนและสื่อสารบทเรียนที่ได้รับ" Kyle กล่าว "พนักงานส่วนใหญ่ของคุณเคยทำงานอยู่ในตลาดที่ทุกอย่างเติบโตและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง พวกเขาได้เห็นความสำเร็จมากมาย... เป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะหลงลืมไปว่าความท้าทายที่ธุรกิจของคุณกำลังเผชิญอยู่ไม่ได้มีเฉพาะกับธุรกิจของคุณเท่านั้น คุณจะต้องเตือนผู้คนว่าความท้าทายเหล่านี้เกิดขึ้นจริงในตลาดโดยรวม"

การตลาดและการขาย

ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ งบประมาณทางการตลาดมักจะเป็นสิ่งแรกที่ถูกตัดออก อย่างไรก็ตาม ผู้ก่อตั้งที่เราพูดคุยด้วยทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าขณะนี้มีโอกาสพิเศษในการใช้งบประมาณทางการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างรายได้มากขึ้นในต้นทุนน้อยลง พร้อมกับได้เปรียบทางการแข่งขันในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน Haseeb Awan ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Efani ได้เห็นว่า "ต้นทุนต่อคลิกโฆษณา Google ลดลง 50% เนื่องจากคู่แข่งใช้จ่ายในการโฆษณาน้อยลง" Arjun และทีมงาน Zoko ไม่เพียงแต่ได้รับประโยชน์จากต้นทุนการโฆษณาที่ถูกกว่า แต่ยังเพิ่มงบประมาณด้านการตลาดเป็น 2 เท่าเมื่อคู่แข่งถอยออกไป "เราได้เพิ่มงบประมาณทางการตลาดของเรา" Arjun กล่าว "คุณจะได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า เพราะคู่แข่งลดงบประมาณทาง[การตลาด]ลง" หากคุณวางแผนที่จะลงทุนในการตลาดต่อไป โปรดพิจารณาว่าคุณจะปรับใช้งบประมาณของคุณอย่างไรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด

การปรับเปลี่ยนตำแหน่งโดยเน้นผลตอบแทนจากการลงทุน

ธุรกิจกำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านราคาในหลายๆ ด้าน ธุรกิจจำนวนมากกำลังขึ้นราคาให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ ลูกค้าของยังมองหาสินค้าและบริการที่มอบคุณค่าอย่างแท้จริงในราคาที่เหมาะสม และหากเป็นไปได้ ลูกค้าจะพยายามต่อรองราคาใหม่เพื่อให้เหมาะกับงบประมาณที่จำกัดมากขึ้นของตน เพื่อให้ธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณมีความยืดหยุ่นในการเพิ่มราคาและความน่าเชื่อถือในการดึงดูดลูกค้าที่ใส่ใจในคุณค่า Nathan จาก Anchorage Digital เชื่อว่าสิ่งสำคัญคือต้องเน้นย้ำว่าผลิตภัณฑ์ของคุณช่วยให้ลูกค้าทำเงินได้มากขึ้นหรือลดค่าใช้จ่ายได้อย่างไร "หาก[การปรับเปลี่ยนตำแหน่งของคุณ]ไม่สามารถเชื่อมโยงกับผลกำไรของลูกค้าได้ คุณจะขายผลิตภัณฑ์ให้พวกเขาได้ยากขึ้น" Nathan กล่าว

ตัวอย่างเช่น Zoko ได้วางตำแหน่งธุรกิจของตนเป็นศูนย์กลางรายได้ ไม่ใช่ต้นทุน โดยการคำนวณและแสดงในผลิตภัณฑ์ว่า ลูกค้าได้รายได้จากแพลตฟอร์มมากเพียงใดเมื่อเทียบกับยอดใช้จ่ายของพวกเขา จากข้อมูลของ Arjun ลูกค้าของพวกเขาสามารถคืนทุนได้ตั้งแต่ 100% ถึง 300% ของยอดใช้จ่ายบน Zoko "ถ้าคุณเป็นศูนย์กลางรายได้ คุณจะไม่ถูกตัดงบประมาณในช่วงเศรษฐกิจถดถอย"

เน้นไปที่ช่องทางการหาลูกค้าใหม่ช่องทางเดียว

เพื่อขยายงบประมาณด้านการตลาดและลดต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ ผู้ก่อตั้งจำนวนหนึ่งที่เราสัมภาษณ์ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อระบุช่องทางการได้มาซึ่งความสำเร็จและปรับปรุงแนวทางสำหรับช่องทางนั้นให้สมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น Haseeb ประเมิน "ช่องทางใดดึงดูดลูกค้ามากที่สุด" สำหรับ Efani อย่างต่อเนื่องและเพิ่มงบประมาณเป็นสองเท่าในช่องทางนั้น ในทำนองเดียวกันเพื่อให้การตลาดมีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน Yana และทีมงานของ Kraftful "มุ่งเน้นเฉพาะช่องทางที่ผู้ซื้อใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่… โดยปัจจุบันการเข้าถึงลูกค้าส่วนใหญ่ทำผ่าน LinkedIn"

การพัฒนาผลิตภัณฑ์

โดยขึ้นอยู่กับระยะของธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณ ทีมผลิตภัณฑ์ของคุณอาจถูกดึงไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถที่มีอยู่ของคุณให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นหรือขยายไปสู่พื้นที่ใหม่ๆ ผู้ก่อตั้งของเราแนะนำว่าสตาร์ทอัพที่ค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตลาดควรให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้นอย่างไม่ลดละเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากทีมและงบประมาณที่จำกัด ในทางกลับกัน สตาร์ทอัพในระยะหลังมีความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์ในการกระจายไปสู่แหล่งรายรับใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรของตนจากอุปสรรคทางเศรษฐกิจมหภาคและความผันผวนเฉพาะของตลาด

มุ่งเน้นไปที่ความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์กับตลาด

ตามที่ผู้ก่อตั้งที่เราได้พูดคุยกล่าวไว้ สตาร์ทอัพที่เติบโตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์อย่างไม่ลดละ ทั้งในข้อกำหนดว่าธุรกิจให้บริการใครและวิธีที่ธุรกิจให้บริการ การกำหนดลูกค้าเป้าหมายเฉพาะของคุณคือสมดุลของการทำความเข้าใจว่าเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์และระบุจุดที่มีโอกาสทางเศรษฐกิจสูงสุด ขณะที่ Kyle จาก Middesk เน้นย้ำถึงความสำคัญของ "การมุ่งเน้นไปที่กลุ่มที่คุณประสบความสำเร็จมากที่สุด" Yana จาก Kraftful เน้นย้ำว่าสิ่งสำคัญคือต้อง "แบ่งกลุ่มและทำความเข้าใจว่าลูกค้ารายใดมีแนวโน้มที่จะอยู่รอดมากที่สุด" การมุ่งเน้นมีความสำคัญเช่นเดียวกันเมื่อจัดลำดับความสำคัญของรายการคำขอฟีเจอร์ที่ยาวเหยียด แม้ว่านวัตกรรมจะมีความสำคัญ แต่ Kyle แนะนำให้ "สร้างคุณสมบัติที่ต้องมี" เพื่อให้ทีมวิศวกรรมสามารถมุ่งเน้นกับงานที่มีขีดจำกัดได้อย่างเต็มที่

กระจายไปสู่แหล่งรายรับใหม่ๆ

เมื่อคุณสร้างธุรกิจหลักที่ยั่งยืนแล้ว Nathan จาก Anchorage Digital ยอมรับว่า "คุณได้รับสิทธิ์ในการขยายสาขาไปสู่แหล่งรายรับใหม่ๆ" การตอบสนองความต้องการลูกค้าใหม่ๆ และการขยายไปสู่ความสามารถที่เกี่ยวข้องสามารถช่วยลดความเสี่ยงและทำให้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจดีขึ้นได้ ดังที่กล่าวไปแล้ว สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มต้น Nathan แนะนำให้รอเพื่อกระจายไปสู่แหล่งรายรับใหม่ๆ โดยกล่าวว่า "ให้มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ผลิตภัณฑ์ของคุณทำได้ดีอย่างเต็มที่"

สิ่งที่คุณสามารถทำได้ในวันนี้ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น

ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าคำถามเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจสตาร์ทอัพของคุณในขณะนี้ แต่ Max จาก Coverage Cat ได้เตือนว่าอย่าจมอยู่กับอนาคตที่ไม่สามารถล่วงรู้ได้

นอกจากนี้ Kyle จาก Middesk ยังมองเห็นแง่ดีท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้อีกด้วย เขาชื่นชมว่าความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเป็นโอกาสพิเศษในการเพิ่มความมุ่งมั่นขององค์กร "มีบริษัทที่ยอดเยี่ยมมากมายสร้างขึ้นในช่วงเวลาเช่นนี้" Kyle กล่าว "คุณถูกบังคับให้มุ่งเน้นไปที่พื้นฐานที่แท้จริงของธุรกิจของคุณ"

ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในขณะนี้จะดูไม่มั่นคงและอนาคตก็ยากที่จะคาดเดา ธุรกิจขนาดเล็กก็ยังคงมีบทบาทที่ประเมินค่าไม่ได้ในการสร้างเศรษฐกิจโลกที่รุ่งเรืองและมีพลวัตมากยิ่งขึ้น Nathan จาก Anchorage Digital กล่าวได้ดีที่สุดว่า "เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้มีศักยภาพในการสร้างธุรกิจจะลงมือทำ เพราะบริษัทใหม่ๆ และนวัตกรรมเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจโลก"