ความท้าทาย
Togetherwork เชื่อมต่อระบบซอฟต์แวร์และโซลูชันทางการเงินไว้ในแพลตฟอร์มเพื่อช่วยให้ชุมชนและองค์กรต่างๆ มีเครื่องมือประกอบธุรกิจที่ครบครันรวมอยู่ในที่เดียว ซึ่งการนำเสนอโซลูชันการชำระเงินในตัวที่ให้บริการโดย Stripe เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้บริษัทสามารถมอบประสบการณ์ในการทำธุรกรรมที่ราบรื่นให้แก่ธุรกิจ (รวมถึงลูกค้าปลายทางของธุรกิจเอง)
การมีโซลูชันการชำระเงินทำให้ Togetherwork ต้องการทำความเข้าใจค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการชำระเงินให้ถ่องแท้มากขึ้น เพื่อจะได้ใช้จ่ายเงินให้มีประสิทธิภาพและหาวิธีใหม่ๆ มาช่วยลูกค้าประหยัดเงิน แต่ถึงอย่างนั้น ฝ่ายการเงินของ Togetherwork กลับพบว่าการทำความเข้าใจค่าใช้จ่ายสำหรับเครือข่ายและธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคาร หรือก็คือค่าธรรมเนียมจากผู้ให้บริการบัตร ตลอดจนค่าธรรมเนียมการชำระเงินอื่นๆ ให้กระจ่างชัดเจนนั้นเป็นเรื่องยากมาก
“ไม่ว่าจะในฐานะของผู้ประกอบธุรกิจหรือลูกค้า การทำความเข้าใจปัจจัยที่ช่วยประหยัดต้นทุนเดิมทีก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว ข้อมูลนี้ปกติมักจะสงวนไว้หรืออยู่ในมือของเครือข่ายบัตรแบรนด์ต่างๆ” Paul Koelkebeck รองประธานฝ่ายการเงินของ Togetherwork กล่าว “ดังนั้น เราจึงอยากจะเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เครือข่ายบัตรดำเนินการกับต้นทุนเหล่านี้ให้มากขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อลูกค้าของเราอย่างมากครับ”
โซลูชัน
Togetherwork ใช้รายงานข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสำหรับเครือข่ายในแดชบอร์ด Stripe เพื่อทำความเข้าใจค่าใช้จ่ายของบริษัทให้ถ่องแท้มากขึ้นและมองหาโอกาสในการใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด “Stripe มอบข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์อย่างยิ่งเกี่ยวกับแนวโน้มค่าใช้จ่าย ตลอดจนส่วนธุรกิจที่เราสามารถใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้" Koelkebeck กล่าว “ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจได้อย่างรวดเร็วถึงผลกระทบหลักๆ ต่อปัจจัยที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ซึ่งส่งผลต่อผลกำไรของเรา“ การมีข้อมูลรายละเอียดในระดับใหม่นี้ ทำให้ฝ่ายการเงินของ Togetherwork กลั่นกรองข้อมูลทางการเงินที่ซับซ้อนให้กลายเป็นรายงานสำหรับผู้บริหารที่อ่านเข้าใจง่าย และให้คำแนะนำแก่ทีมผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้
การนำข้อมูลที่เพิ่งค้นพบมาใช้ร่วมกับ Data Pipeline ช่วยให้ Togetherwork ตรวจสอบรายงานทางการเงินของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น กล่าวคือฝ่ายการเงินไม่จำเป็นต้องรอรายการเดินบัญชีกิจกรรมการชำระเงินประจำเดือนที่เป็นเอกสาร PDF หรือ Excel แต่เข้าไปอ่านรายงานประจำวันที่มีข้อมูลแยกย่อยตามประเภทลูกค้าหรือการชำระเงิน แล้วตรวจสอบเแนวโน้มการชำระเงินที่ชัดเจนได้เลย
บริษัทจับมือกับ Amazon Web Services (AWS) เพื่อนำ Data Pipeline มาช่วยในการขยายขนาดโครงสร้างพื้นฐานด้านการรายงานให้สอดคล้องกับธุรกิจที่กำลังเติบโต ซึ่ง Data Pipeline ช่วยให้ Togetherwork จัดทำรายงานเกี่ยวกับธุรกิจที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้บริษัทมีข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ เกี่ยวกับการชำระเงินทั่วทั้งธุรกิจ “หากคุณทำงานกับข้อมูลธุรกรรมหลายร้อยล้านแถว คุณจำเป็นต้องมีโซลูชันที่ปรับขนาดได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงเปลี่ยนวิธีการดึงข้อมูลและเริ่มหันมาใช้ Data Pipeline ของ Stripe” Koelkebeck กล่าวเสริม “ปัจจุบัน Data Pipeline จะฟีดข้อมูลไปยังคลังข้อมูล AWS Redshift และตลาดข้อมูลของเราโดยตรง ทำให้เราไม่ต้องใช้กระบวนการดึง โหลด เปลี่ยนข้อมูลจากผู้ให้บริการข้อมูลหลายราย เราจึงดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามการเติบโต และใช้ประโยชน์จากข้อมูลธุรกิจในเชิงลึกได้มากขึ้นในการทำรายงานและการวิเคราะห์”
ผลลัพธ์
ธุรกรรมที่ถูกดาวน์เกรดลดลงเหลือ <1% จึงประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
การเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนส่งผลดีทั้งต่อเป้าหมายของ Togetherwork และเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า เพราะด้านหนึ่ง ธุรกิจจะลดค่าใช้จ่ายได้โดยการลดจำนวนธุรกรรมที่ถูกดาวน์เกรด เช่น การเรียกเก็บเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่กำหนดไปยังการประมวลผลผิดหมวดหมู่ ซึ่งทำให้เกิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม “อัตราการทำธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคารที่มีความแน่นอนมากขึ้นจะส่งผลกระทบทางการเงินต่อเราและลูกค้าอย่างมหาศาลเลยครับ” คุณ Koelkebeck กล่าวเสริม Stripe ช่วยธุรกิจลดจำนวนธุรกรรมที่ถูกดาวน์เกรดลงเหลือไม่ถึง 1% ของธุรกรรมที่ดำเนินการผ่านแพลตฟอร์ม ทำให้ประหยัดเงินได้หลายพันดอลลาร์
ลดเวลาการคำนวณและประมวลผลข้อมูลด้วยตัวเองถึง 40 ชั่วโมงต่อเดือน
Togetherwork ประหยัดเวลาได้ถึง 1 สัปดาห์เต็มต่อเดือนจากการประมวลผลข้อมูลโดยใช้รายงานในแดชบอร์ด Stripe ทำให้ทีมวิเคราะห์ข้อมูลได้เต็มที่ โดยไม่ต้องเสียเวลาประมวลผลข้อมูลด้วยตัวเอง “เนื่องจากตอนนี้การจัดทำรายงานการชำระเงิน Stripe เป็นขั้นตอนอัตโนมัติและเกือบจะเรียลไทม์ เราจึงมีเวลาวิเคราะห์ข้อมูลมากขึ้น โดยไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดทำและรวบรวมรายงาน” Koelkebeck กล่าว และเมื่อมีเวลามากขึ้นแบบนี้ Togetherwork จึงจัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจได้บ่อยขึ้น และใช้ข้อมูลนั้นมาประกอบการตัดสินใจใหม่ๆ ได้
พบโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโต
เมื่อเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว Togetherwork จึงกลายมาเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น และเนื่องจากบริษัทเข้าใจค่าใช้จ่ายสำหรับเครือข่ายอย่างถ่องแท้กว่าเดิม ทีมจึงมีข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจนมากขึ้นว่าจะส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจได้อย่างไร “เราสามารถนำข้อมูลเชิงลึกที่มีมาศึกษาความสัมพันธ์กันระหว่างการเติบโตของเรากับการเติบโตของธุรกิจ ช่วยให้ใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เสนอราคาที่ได้เปรียบมากที่สุด ซึ่งนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและลูกค้าของธุรกิจเองด้วยครับ” Koelkebeck กล่าว
การเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมธุรกรรมส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลกำไรของเรา เราจึงอยากทราบว่าจะเกิดผลกระทบขึ้นอย่างไรบ้าง และใช้ข้อมูลนั้นมาคาดการณ์ กำหนดราคา และปรับกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดของเรา แดชบอร์ด Stripe ช่วยให้เราคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในระดับธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ และเข้าใจอย่างชัดเจนว่าค่าใช้จ่ายเหล่านั้นจะส่งผลอย่างไรบ้าง