หากคุณกำลังคิดที่จะเริ่มทำธุรกิจในอิตาลี ขั้นตอนในระบบราชการอย่างแรกๆ ที่คุณจะต้องจัดการก็คือ การขอจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจ ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่กฎหมายบังคับให้ต้องทำและจะทำให้ข้อมูลสำคัญของบริษัทของคุณปรากฏต่อสาธารณะ โดยช่วยรับรองความโปร่งใสต่อลูกค้า ซัพพลายเออร์ และหน่วยงานภาครัฐ
ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับทะเบียนธุรกิจของอิตาลี เช่น ผู้ที่ต้องจดทะเบียน เอกสารที่ต้องใช้ ค่าใช้จ่าย และวิธีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ คุณยังจะได้ดูด้วยว่าสามารถเอาทะเบียนธุรกิจไปใช้ทำอะไรได้บ้าง เช่น การตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทอื่น
เนื้อหาหลักในบทความ
- ทะเบียนธุรกิจในอิตาลีคืออะไร
- ใครเป็นคนที่ต้องขอจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจ
- มีเอกสารอะไรบ้างที่ต้องใช้ในการจดทะเบียน
- วิธีการขอจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจ
- การขอจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
- สามารถเอาทะเบียนไปใช้ทำอะไรได้บ้าง
- Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง
ทะเบียนธุรกิจในอิตาลีคืออะไร
ทะเบียนธุรกิจของอิตาลี คือ ข้อมูลทางการอย่างหนึ่งที่จัดการโดย Chambers of Commerce (หอการค้า) ของประเทศอิตาลี ทะเบียนนี้จะรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลหลักๆ ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบริษัทในอิตาลี กล่าวอีกอย่างก็คือ ทะเบียนธุรกิจก็เป็นเหมือนบัตรประจำตัวรูปแบบหนึ่งของบริษัท ซึ่งทุกคนสามารถขอดูได้
การขอจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจจะช่วยรับรองว่าบริษัทมีตัวตนตามกฎหมาย และทำให้ข้อมูลที่สำคัญที่สุดของบริษัทนั้นๆ ปรากฏต่อสาธารณะ เช่น ชื่อ สำนักงานที่จดทะเบียน กิจกรรมที่ดำเนินการไป กรรมการบริษัท หุ้นทุน งบการเงินที่ยื่น และหมายเลขทะเบียน
เมื่อมีฐานข้อมูลระดับชาติเช่นนี้ ทุกคนก็สามารถตรวจสอบการจดทะเบียนของบริษัทในทะเบียนธุรกิจได้ เพื่อตรวจสอบว่าบริษัทนั้นๆ มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่และมีลักษณะเช่นไร ความโปร่งใสนี้จะช่วยปกป้องทั้งลูกค้าและธุรกิจ เพื่อให้ประเมินได้ดีขึ้นว่าตนกำลังติดต่อกับใครอยู่กันแน่
สถาบันจดทะเบียนได้รับการจัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งของอิตาลี (มาตรา 2188 et seq.) ซึ่งกำหนดลักษณะการเผยแพร่ต่อสาธารณะและผลทางกฎหมายที่เกิดจากการเผยแพร่นั้น โดย Chamber of Commerce (หอการค้า) แต่ละแห่งจะจัดการทะเบียนในเขตพื้นที่ของตน แต่ข้อมูลสามารถเข้าถึงได้ทั่วประเทศผ่านทางแพลตฟอร์ม Online Business Register (ทะเบียนธุรกิจออนไลน์)
การขอจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร
การขอจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจจะช่วยรับรองว่าธุรกิจนั้นๆ ถูกต้องตามกฎหมายและทำให้รายละเอียดหลักๆ ของธุรกิจดังกล่าวปรากฏต่อสาธารณะ (เช่น สำนักงานที่จดทะเบียน กรรมการบริษัท ทุน งบการเงิน) วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความโปร่งใส ความแน่นอนทางกฎหมาย และความน่าเชื่อถือโดยการปกป้องลูกค้าและซัพพลายเออร์ ซึ่งช่วยให้ธนาคารและหน่วยงานภาครัฐตรวจสอบยืนยันข้อมูลของบริษัทได้ และทำให้ธุรกิจเองสามารถดำเนินงานในตลาดดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง
Chamber of Commerce (หอการค้า) กับทะเบียนธุรกิจต่างกันอย่างไร
Chambers of Commerce (หอการค้า) คือ หน่วยงานภาครัฐระดับท้องถิ่นที่ส่งเสริมและกำกับดูแลกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเขตพื้นที่ที่กำหนด โดยให้บริการแก่ธุรกิจต่างๆ จัดการทะเบียนและรายการ ส่งเสริมการพัฒนาระบบการผลิต (กล่าวคือ กลุ่มบริษัททั้งหมดที่ดำเนินงานในอิตาลี) และทำหน้าที่ด้านการบริหารจัดการ (เช่น การออกใบรับรอง) ส่วนทะเบียนธุรกิจ คือ ข้อมูลทางการที่เผยแพร่ต่อสาธารณะซึ่งจัดการโดย Chambers of Commerce (หอการค้า) อีกทีหนึ่ง ทะเบียนธุรกิจจะรวบรวมข้อมูลทางกฎหมาย เศรษฐกิจ และการบริหารจัดการทั้งหมดสำหรับบริษัทในอิตาลี กล่าวคร่าวๆ ก็คือ Chambers of Commerce (หอการค้า) เป็นหน่วยงานส่วนทะเบียนธุรกิจเป็นเครื่องมือที่หน่วยงานนี้จัดการเพื่อให้มั่นใจถึงความโปร่งใสและความแน่นอนทางกฎหมายในกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ
ใครเป็นคนที่ต้องขอจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจ
กิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ต้องมีการจดทะเบียนกับทะเบียนธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจต่อไปนี้จะต้องมีการจดทะเบียน
- บริษัท (เช่น บริษัทที่ก่อตั้ง LLC, บริษัทคอร์ปอเรชัน หรือห้างหุ้นส่วน) และห้างหุ้นส่วน (กล่าวคือ ห้างหุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิดหรือห้างหุ้นส่วนแบบจำกัดความรับผิด)
- กิจการที่มีเจ้าของคนเดียวที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมเชิงพาณิชย์
- สหกรณ์และบริษัทประกันภัยแบบสหการ
- สมาคมและเครือข่ายธุรกิจ
- สำนักงานสาขาของบริษัทต่างประเทศหรืออิตาลี
ผู้ประกอบการขนาดเล็กจะมีกรณีพิเศษ ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ระบุไว้ในมาตราที่ 2083 ของประมวลกฎหมายแพ่งของอิตาลี โดยหมายรวมถึงช่างฝีมือ เกษตรกร และผู้ค้ารายย่อยที่ทำกิจกรรมด้วยตัวเองหรือกับครอบครัว เป็นต้น โดยทั่วไปแล้ว ผู้ประกอบการขนาดเล็กจะจดทะเบียนในส่วนพิเศษของทะเบียนธุรกิจ ซึ่งทำหน้าที่เป็นทะเบียนเป็นหลัก และไม่มีผลทางกฎหมายที่เกิดจากการเผยแพร่เช่นเดียวกับส่วนปกติของทะเบียน อย่างไรก็ตาม เมื่อธุรกิจมีลักษณะของกิจกรรมเชิงพาณิชย์ในรูปแบบที่เข้มงวด (กล่าวคือ ธุรกิจทางเศรษฐกิจที่จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการผลิตหรือแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการ) ก็จะต้องจดทะเบียนในส่วนปกติ ตัวอย่างเช่น ช่างฝีมือที่เปิดเวิร์กช็อปและว่าจ้างพนักงาน หรือผู้ค้าปลีกที่จัดตั้งระบบบันทึกการขาย (POS) แบบมีโครงสร้าง
หากคุณตั้งใจจะก่อตั้งสตาร์ทอัพ โปรดทราบว่าสตาร์ทอัพและองค์กรขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่มุ่งเน้นด้านนวัตกรรมในอิตาลีจะต้องจดทะเบียนกับทะเบียนธุรกิจด้วย โดยธุรกิจเหล่านี้ต้องดำเนินการในส่วนพิเศษที่มีไว้ให้โดยเฉพาะ ซึ่งช่วยรับรองว่าธุรกิจจะเข้าถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีและสัมปทานต่างๆ โดยเฉพาะได้
แต่วิชาชีพเฉพาะทาง (เช่น ทนายความ แพทย์ สถาปนิก นักบัญชี) ที่ดำเนินกิจกรรมที่อาศัยความรู้เฉพาะด้าน โดยมีหมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แต่ไม่ถือว่าเป็นผู้ประกอบการตามกฎหมายจะได้รับการยกเว้นจากภาระหน้าที่นี้
หากต้องการตรวจสอบว่าธุรกิจของคุณต้องจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจหรือไม่ เราขอแนะนำให้ปรึกษากับนักบัญชี ซึ่งจะช่วยคุณประเมินลักษณะของธุรกิจและรับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนด
|
หมวดหมู่ |
ภาระหน้าที่ในการจดทะเบียน |
หมายเหตุ |
|---|---|---|
|
คอร์ปอเรชัน (เช่น LLC, Inc.) |
มี |
ต้องจดทะเบียนในส่วนปกติของทะเบียน |
|
ห้างหุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิด (S.n.c.) หรือห้างหุ้นส่วนแบบจำกัดความรับผิด (S.a.s.) |
มี |
ต้องจดทะเบียนในส่วนปกติของทะเบียน |
|
กิจการที่มีเจ้าของคนเดียว |
มี |
ต้องจดทะเบียนในส่วนปกติของทะเบียน |
|
ผู้ประกอบการขนาดเล็ก (เช่น ช่างฝีมือ เกษตรกร) |
ในส่วนพิเศษ |
จะจดทะเบียนในส่วนปกติ หากมีการจัดตั้งธุรกิจขึ้นและดำเนินงานซ้ำๆ |
|
วิชาชีพเฉพาะทาง (เช่น ทนายความ แพทย์ สถาปนิก) |
ไม่มี |
ไม่ถือว่าเป็นผู้ประกอบการตามกฎหมาย จึงได้รับการยกเว้นจากการจดทะเบียน |
มีเอกสารอะไรบ้างที่ต้องใช้ในการจดทะเบียน
ในการจดทะเบียนกับทะเบียนธุรกิจของ Chamber of Commerce (หอการค้า) คุณจะต้องส่งเอกสารและแบบฟอร์มที่กำหนดไว้ชุดหนึ่ง ทุกวันนี้ ขั้นตอนนี้จะดำเนินการทางออนไลน์เกือบทุกครั้งผ่านพอร์ทัล Comunicazione Unica (ComUnica)
เอกสารที่จำเป็นจะแตกต่างกันไปตามรูปแบบทางกฎหมายของธุรกิจ แต่โดยทั่วไปจะมีดังนี้
- แบบฟอร์มการจดทะเบียน (เช่น แบบฟอร์ม I1 สำหรับกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวหรือ S1 สำหรับบริษัทคอร์ปอเรชัน)
- หนังสือสำคัญการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและข้อบังคับ (สำหรับบริษัทโดยเฉพาะ)
- สำเนาหนังสือรับรองการเปิดใช้งานอีเมลที่ผ่านการรับรองแล้ว
- สำเนาหนังสือรับรองลายเซ็นดิจิทัล
- บัตรประจำตัวของเจ้าของหรือกรรมการบริษัท
- รหัสภาษีและสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- การอนุญาตหรือใบอนุญาตเฉพาะสำหรับกิจกรรมที่มีการกำกับดูแล (เช่น เภสัชภัณฑ์ เอเจนซี่ท่องเที่ยว หรือการขายอาหารทางออนไลน์)
หนังสือรับรองการจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจ
เมื่อทำขั้นตอนการจดทะเบียนเสร็จแล้ว Chamber of Commerce (หอการค้า) ก็จะออกหนังสือรับรองการจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจให้ เอกสารนี้สำคัญมากเพราะเป็นการรับรองอย่างเป็นทางการว่ามีการจดทะเบียนแล้ว โดยคุณสามารถขอหนังสือรับรองการจดทะเบียนได้หลายรูปแบบตามที่คุณตั้งใจจะใช้ เช่น หากคุณต้องการเอาไว้แค่ใช้ในการตรวจสอบยืนยันภายในองค์กรหรือแนบกับเอกสารที่ไม่เป็นทางการ สำเนาทั่วไปที่ดาวน์โหลดทางออนไลน์ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่หากคุณต้องการแสดงต่อหน่วยงานภาครัฐ ยื่นต่อธนาคารเพื่อเปิดบัญชีธุรกิจ หรือใช้ในการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐหรือขอให้มีการจัดหาเงินทุน คุณก็จะต้องใช้หนังสือรับรองที่มีผลทางกฎหมายแทบจะทุกครั้ง
ในกรณีนี้ คุณจะมีอยู่ 2 ตัวเลือกดังนี้
หนังสือรับรองแบบดิจิทัลที่ลงนามแล้ว: เอกสารนี้ออกโดย Chamber of Commerce (หอการค้า) พร้อมลายเซ็นดิจิทัลของนายทะเบียน โดยมีผลใช้ได้เหมือนกับเอกสารกระดาษและสามารถส่งผ่านอีเมลที่ผ่านการรับรองแล้วหรือแนบไปกับไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ก็ได้
หนังสือรับรองบนกระดาษแบบลงลายน้ำและมีการลงประทับตรา: เอกสารนี้จะออกให้ที่สำนักงานที่เคาน์เตอร์ทะเบียนธุรกิจ หรือคุณจะยื่นขอทางออนไลน์ให้มีการจัดส่งให้ก็ได้ คุณจำเป็นต้องใช้เอกสารนี้ทุกครั้งที่กฎหมายกำหนดให้จัดทำเอกสารทางการต้นฉบับสำหรับขั้นตอนการรับรองเอกสารหรือการบริหารจัดการบางอย่าง เป็นต้น
วิธีการขอจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจ
คราวนี้เราก็มาถึงจุดที่ต้องลงมือทำแล้ว นั่นคือ วิธีการจดทะเบียนกับทะเบียนธุรกิจ
ทุกวันนี้ ขั้นตอนนี้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลแทบทั้งสิ้นและดำเนินการผ่านพอร์ทัล Comunicazione Unica (ComUnica) ซึ่งช่วยให้สามารถส่งการสื่อสารที่จำเป็นทั้งหมดไปยัง Chamber of Commerce (หอการค้า), Revenue Agency (สำนักงานสรรพากร), National Social Security Institute (สถาบันประกันสังคมแห่งชาติหรือ INPS) และ National Institute for Insurance against Accidents at Work (สถาบันประกันอุบัติเหตุในที่ทำงานหรือ INAIL) ได้ในขั้นตอนเดียว
ขั้นตอนหลักๆ มีดังนี้
- เตรียมเอกสารของคุณให้พร้อม: เอกสารเหล่านี้หมายรวมถึงหนังสือสำคัญการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ข้อบังคับ แบบฟอร์มการจดทะเบียน เอกสารประจำตัว และการอนุญาตใดๆ
- ใช้พอร์ทัล ComUnica เพื่อกรอกใบสมัคร: เข้าถึงบริการ ComUnica โดยใช้ซอฟต์แวร์ที่ Chamber of Commerce (หอการค้า) ของคุณจัดไว้ให้ แล้วกรอกใบสมัครของคุณให้เสร็จ
- จัดเตรียมลายเซ็นดิจิทัลสำหรับเอกสาร: โปรดทราบว่าลายเซ็นดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็น
- ชำระค่าธรรมเนียมที่จำเป็น: ค่าธรรมเนียมเหล่านี้หมายรวมถึงค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการและค่าธรรมเนียมสัมปทานของรัฐบาล
- ส่งใบสมัครของคุณ: ส่งใบสมัครทางอิเล็กทรอนิกส์ไปยัง Chamber of Commerce (หอการค้า) ผ่านพอร์ทัลดังกล่าว
- รอการยืนยัน: Chamber of Commerce (หอการค้า) จะใช้เวลา 30 วันในการตรวจสอบใบสมัครและแจ้งผลการจดทะเบียนให้คุณทราบ
เมื่อสิ้นสุดขั้นตอนนี้ คุณจะได้รับหมายเลขทะเบียนในทะเบียนธุรกิจ ซึ่งจะเป็นข้อมูลอ้างอิงที่สำคัญตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจของคุณ
การขอจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
การทำความเข้าใจค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้คุณทราบค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพอย่างชัดเจน ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละคนตามรูปแบบทางกฎหมายของบริษัทและข้อกำหนดของรูปแบบนั้นๆ โดยค่าใช้จ่ายหลักๆ มีดังนี้
ค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการ: จำนวนค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการจะขึ้นอยู่กับประเภทของใบสมัครที่ส่งมา แต่อาจอยู่ในช่วงตั้งแต่ประมาณ 18.00 ยูโรสำหรับกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวไปจนถึงประมาณ 90.00 ยูโรสำหรับบริษัท
อากรแสตมป์: อากรแสตมป์เป็นค่าใช้จ่ายภาคบังคับในหลายกรณี โดยมีจำนวนเงินถึง 17.50 ยูโรสำหรับกิจการที่มีเจ้าของคนเดียวและ 65.00 ยูโรสำหรับบริษัท
ค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับ Chamber of Commerce (หอการค้า): คุณต้องชำระค่าธรรมเนียมนี้เป็นประจำทุกปี แม้ว่าจะจดทะเบียนแล้วก็ตาม ในส่วนของกิจการที่มีเจ้าของคนเดียว ค่าธรรมเนียมนี้จะอยู่ที่ 50.00–120.00 ยูโรโดยเฉลี่ย ในขณะที่บริษัทอาจมีค่าธรรมเนียมนี้สูงถึงหลายร้อยยูโรโดยคิดเป็นสัดส่วนตามผลประกอบการ
นอกจากค่าใช้จ่ายเหล่านี้แล้ว ยังอาจมีค่าธรรมเนียมการรับรองเอกสาร (เช่น การจัดตั้ง LLC หรือบริษัทคอร์ปอเรชัน) ด้วย ซึ่งอาจทำให้ยอดรวมตั้งต้นเพิ่มถึงกว่า 500.00–700.00 ยูโร แต่ในส่วนของกิจการที่มีเจ้าของคนเดียว ค่าใช้จ่ายรวมในการจดทะเบียนมักจะอยู่ที่ประมาณ 100.00–150.00 ยูโร
สามารถเอาทะเบียนไปใช้ทำอะไรได้บ้าง
ทะเบียนธุรกิจมีประโยชน์ในการจัดตั้งบริษัท ทั้งยังช่วยให้คุณดำเนินงานและรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณสามารถทำเรื่องต่อไปนี้ได้
- ยืนยันว่าบริษัทมีตัวตนอยู่จริง: ก่อนจะร่วมมือกับธุรกิจอื่น คุณสามารถตรวจสอบได้ว่าธุรกิจดังกล่าวมีการจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจหรือไม่ ซึ่งจะช่วยตรวจสอบยืนยันความน่าเชื่อถือได้
- ขอหนังสือรับรองการจดทะเบียนในทะเบียนธุรกิจ: คุณสามารถใช้เอกสารนี้เพื่อเข้าร่วมการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เปิดบัญชีธนาคารสำหรับธุรกิจ ขอให้มีการจัดหาเงินทุน หรือเข้าร่วมโครงการขอรับทุนสนับสนุนจากภาครัฐ
- รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับบริษัท: คุณสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกรรมการบริษัท ผู้ถือหุ้น และงบการเงินที่ยื่นได้
วิธีค้นหาหมายเลขทะเบียนในทะเบียนธุรกิจ
ผู้ประกอบการหลายคนอาจสงสัยว่าจะหาหมายเลขทะเบียนในทะเบียนธุรกิจได้จากที่ไหน วิธีที่รวดเร็วที่สุดก็คือ การขอหนังสือรับรองจาก Chamber of Commerce (หอการค้า) ทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ทางการ registroimprese.it โดยใช้พอร์ทัลของ Chamber of Commerce (หอการค้า) เพียงแค่กรอกชื่อบริษัท หมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือรหัสภาษีเพื่อค้นหาบริษัทที่ต้องการ และเลือกประเภทรายงาน (กล่าวคือ แบบมาตรฐานหรือประวัติ) แล้วชำระค่าธรรมเนียมเล็กน้อย ก็จะดาวน์โหลดเอกสารในรูปแบบไฟล์ PDF ได้ทันที โดยในเอกสารนี้ คุณจะพบหมายเลขทะเบียนของบริษัทดังกล่าวในทะเบียนธุรกิจ พร้อมด้วยข้อมูลบางอย่าง เช่น สำนักงานที่จดทะเบียน กิจกรรมทางธุรกิจ และกรรมการบริษัทของบริษัทนั้นๆ หนังสือรับรองนี้เป็นข้อมูลสาธารณะที่ทุกคนสามารถขอรับได้ แต่จะต้องชำระค่าธรรมเนียม
Stripe Payments ช่วยอะไรได้บ้าง
Stripe Payments มอบโซลูชันการชำระเงินระดับโลกแบบครบวงจรที่ช่วยให้ธุรกิจใดๆ ตั้งแต่สตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตไปจนถึงองค์กรระดับโลก โดยรับชำระเงินออนไลน์ ที่จุดขาย และทั่วโลกได้
Stripe Payments ช่วยคุณทำสิ่งต่อไปนี้ได้
- เพิ่มประสิทธิภาพให้ประสบการณ์การชำระเงินของคุณ: สร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าและประหยัดเวลาในการทำงานวิศวกรรมได้หลายพันชั่วโมงด้วย UI การชำระเงินที่สร้างไว้ให้แล้ว, สิทธิ์เข้าถึงวิธีการชำระเงินมากกว่า 125 วิธี และ Link ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่สร้างโดย Stripe
- ขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น: เข้าถึงลูกค้าทั่วโลกและลดความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการจัดการหลายสกุลเงินด้วยตัวเลือกการชำระเงินข้ามพรมแดน ที่มีให้บริการใน 195 ประเทศและมากกว่า 135 สกุลเงิน
- รวมการชำระเงินที่จุดขายและทางออนไลน์ไว้ด้วยกัน: สร้างประสบการณ์การค้าแบบแพลตฟอร์มรวมในช่องทางออนไลน์และที่จุดขายเพื่อปรับแต่งการโต้ตอบให้ตรงกลุ่ม ตอบแทนความภักดี และเพิ่มรายได้
- ปรับปรุงประสิทธิภาพการชำระเงิน: เพิ่มรายรับด้วยเครื่องมือการชำระเงินที่กำหนดเองได้และปรับแต่งได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการฉ้อโกงแบบไม่ต้องเขียนโค้ดและความสามารถขั้นสูงเพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ
- เดินหน้าได้เร็วขึ้นด้วยแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและเชื่อถือได้เพื่อการเติบโต: สร้างบนแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อขยับขยายไปพร้อมกับคุณ โดยมีระยะเวลาให้บริการที่แทบจะไม่หยุดทำงานเลย และมีความน่าเชื่อถือสูงในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe Payments สามารถขับเคลื่อนการชำระเงินออนไลน์และที่จุดขายได้ หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้
เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ