วิธีส่งใบแจ้งหนี้: คําแนะนําทีละขั้นตอนสําหรับธุรกิจ

Invoicing
Invoicing

Stripe Invoicing คือแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ออกใบแจ้งหนี้สำหรับทั่วโลกที่สร้างมาเพื่อช่วยให้คุณประหยัดเวลาและรับเงินได้เร็วขึ้น สร้างใบแจ้งหนี้แล้วส่งให้ลูกค้าของคุณได้ในไม่กี่นาทีโดยไม่ต้องใช้โค้ด

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ใบแจ้งหนี้คืออะไร
  3. มีข้อมูลใดบ้างในใบแจ้งหนี้
  4. เวลาที่จะส่งใบแจ้งหนี้
  5. วิธีส่งใบแจ้งหนี้
  6. แนวทางปฏิบัติแนะนำเกี่ยวกับการออกใบแจ้งหนี้สำหรับธุรกิจ
  7. How Stripe Invoicing can help

การออกใบแจ้งหนี้เป็นส่วนสําคัญของการปฏิบัติงานด้านธุรกิจ ซึ่งมักจะถูกมองว่าการเป็นงานเบื่อหน่ายในระบบหลังบ้าน ระบบการออกใบแจ้งหนี้ที่เหมาะสมจะช่วยสนับสนุนการชําระเงินที่ทันเวลา พร้อมทั้งส่งเสริมความไว้วางใจระหว่างธุรกิจกับลูกค้า

ด้านล่างนี้ เราจะพูดถึงขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้และอธิบายว่าระบบการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติจะช่วยสร้างประสบการณ์การชําระเงินที่ราบรื่นได้อย่างไร

บทความนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง

  • ใบแจ้งหนี้คืออะไร
  • มีข้อมูลใดบ้างในใบแจ้งหนี้
  • เวลาที่จะส่งใบแจ้งหนี้
  • วิธีส่งใบแจ้งหนี้
  • แนวทางปฏิบัติแนะนำเกี่ยวกับการออกใบแจ้งหนี้สำหรับธุรกิจ

ใบแจ้งหนี้คืออะไร

ใบแจ้งหนี้คือเอกสารทางการค้าที่ผู้ขายออกให้แก่ผู้ซื้อ โดยแจกแจงผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จัดหาให้ และระบุจํานวนเงินที่ผู้ซื้อค้างชําระสําหรับสินค้าหรือบริการเหล่านี้ โดยมีไว้สำหรับเป็นคำขอให้ชําระเงินและบันทึกการขายสําหรับทั้งสองฝ่ายเมื่อมีการชําระเงิน

ใบแจ้งหนี้มีบทบาทหลักในการจัดการและติดตามธุรกรรมทางการเงิน โดยเป็นเครื่องมือการทําบัญชีที่สําคัญสําหรับธุรกิจ ช่วยตรวจสอบติดตามการขาย จัดการสินค้าคงคลัง และติดตามรายได้ สําหรับลูกค้า ใบแจ้งหนี้จะมีบันทึกการซื้ออย่างละเอียด ซึ่งมีประโยชน์สําหรับการจัดงบประมาณส่วนบุคคลและการเก็บบันทึกข้อมูลทั่วไป นอกจากนี้ ใบแจ้งหนี้ยังช่วยแก้ไขการโต้แย้งเกี่ยวกับการชําระเงินได้ด้วย เนื่องจากมีบันทึกข้อมูลทางกฎหมายเกี่ยวกับธุรกรรมระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อที่ตกลงกันไว้ด้วย

มีข้อมูลใดบ้างในใบแจ้งหนี้

ข้อมูลที่ต้องระบุในใบแจ้งหนี้จะแตกต่างกันไปตามลักษณะธุรกิจของคุณ ประเภทลูกค้าที่คุณทำงานด้วย และข้อกำหนดของสัญญา อย่างไรก็ตาม ใบแจ้งหนี้ส่วนใหญ่จะมีองค์ประกอบต่อไปนี้

  • ส่วนหัว: ข้อความกำกับ "ใบแจ้งหนี้" จะชี้แจงวัตถุประสงค์ของเอกสารเพื่อให้ระบบการเงินของธุรกิจประมวลผลได้อย่างถูกต้อง

  • ข้อมูลผู้ขาย: รายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจจะแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าใบแจ้งหนี้มาจากธุรกิจใด พร้อมทั้งดำเนินการตามภาระหน้าที่ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเก็บภาษีและข้อมูลประจำตัวของธุรกิจ

  • ข้อมูลผู้ซื้อ: จำเป็นต้องระบุข้อมูลลูกค้าเพื่อการเก็บบันทึกที่ถูกต้อง และอาจเป็นเครื่องมือที่สำคัญในกรณีที่มีการโต้แย้งการชำระเงินหรือการตรวจสอบบัญชีด้วย

  • หมายเลขใบแจ้งหนี้: หมายเลขระบุที่ไม่ซ้ำกันจะทำให้การติดตามและการจัดระเบียบบันทึกข้อมูลทางการเงินง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยในการจัดการบัญชีและกระทบยอดอย่างมีประสิทธิภาพ

  • วันที่ในใบแจ้งหนี้: การระบุวันที่นั้นจำเป็นสำหรับการจัดการกระแสเงินสดและการวางแผนทางการเงิน รวมทั้งกำหนดเวลาในการรับรู้รายรับด้วย

  • ข้อกำหนดการชำระเงิน: ข้อกำหนดที่ระบุอย่างชัดเจนจะช่วยรักษากระแสเงินสดให้มีอยู่ในเกณฑ์ดี ป้องกันการโต้แย้งการชำระเงิน และแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับวันครบกำหนดและค่าธรรมเนียมการชำระเงินล่าช้า

  • สินค้าหรือบริการที่จัดหาให้: คำอธิบายโดยละเอียดเป็นตัวบ่งบอกว่าจำนวนในใบแจ้งหนี้นั้นถูกต้องและป้องกันการโต้แย้งการชำระเงินได้ รวมถึงสามารถใช้เป็นบันทึกข้อมูลทางการเงินของทั้งสองฝ่ายหรือในกรณีการตรวจสอบบัญชี นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อการเก็บภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสินค้าและบริการมีอัตราภาษีที่แตกต่างกันไป

  • ค่าใช้จ่าย: ค่าใช้จ่ายที่แยกเป็นรายการแสดงให้ลูกค้าทราบว่าตนจ่ายเงินเพื่อจุดประสงค์ใด และผู้ขายจะสามารถปรับกระบวนการคำนวณภาษีและจัดการสินค้าคงคลังให้ง่ายขึ้นด้วย

  • ข้อมูลภาษี: คุณต้องใช้การคำนวณภาษีการขายหรือภาษีมูลค่าเพิ่มที่เหมาะสม รวมถึงการระบุข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดของหน่วยงานภาษีในท้องถิ่นและระดับประเทศ

  • หมายเหตุ: ในส่วนนี้ ธุรกิจสามารถถือโอกาสสื่อสารข้อมูลเพิ่มเติมแก่ลูกค้า อธิบายบางแง่มุมของธุรกรรมให้ชัดเจน หรือเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจผ่านข้อความส่วนตัว

ใบแจ้งหนี้ทุกส่วนล้วนมีประโยชน์ต่อธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติงานด้านธุรกิจ การจัดการทางการเงิน การบริการลูกค้า หรือการปฏิบัติตามกฎหมาย

เวลาที่จะส่งใบแจ้งหนี้

ธุรกิจบางแห่งอาจไม่ได้มีกําหนดเวลาหรือแนวทางการออกใบแจ้งหนี้แบบเดียวกัน ระยะเวลาในการส่งใบแจ้งหนี้อาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น ลักษณะของธุรกิจ ประเภทสินค้าหรือบริการที่อบให้ ข้อกําหนดการชําระเงินที่ตกลงกันไว้ และการทำงานร่วมกันกับลูกค้า ตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่เสนอผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้อาจออกใบแจ้งหนี้ที่จุดขาย ในขณะที่บริษัทให้คําปรึกษาอาจเรียกเก็บเงินค่าบริการอย่างต่อเนื่องเป็นประจําทุกเดือน

ธุรกิจแต่ละแห่งต้องจัดทํากําหนดเวลาออกใบแจ้งหนี้ที่เหมาะกับโมเดลการปฏิบัติงาน เพิ่มความคล่องตัวของกระแสเงินสด และดำเนินงานตรงตามความคาดหวังของลูกค้า ต่อไปนี้คือรายละเอียดระยะเวลาที่เหมาะสมในการส่งใบแจ้งหนี้สําหรับโมเดลธุรกิจที่พบได้บ่อย

  • ธุรกิจที่ให้บริการ
    โดยทั่วไปธุรกิจเหล่านี้จะส่งใบแจ้งหนี้หลังจากให้บริการไปแล้ว ตัวอย่างเช่น บริษัทออกแบบกราฟิกอาจออกใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้าเมื่อออกแบบเว็บไซต์เสร็จสมบูรณ์ หรือบริษัทให้คําปรึกษาอาจออกใบแจ้งหนี้เมื่อสิ้นสุดเดือนที่ให้บริการในรอบนั้นๆ แต่ในบางกรณี ธุรกิจที่ให้บริการอาจกําหนดให้มัดจำหรือชําระเงินบางส่วนล่วงหน้า โดยเฉพาะกับโครงการขนาดใหญ่ หรือเมื่อทํางานกับลูกค้ารายใหม่

  • ธุรกิจที่ขายผลิตภัณฑ์
    โดยทั่วไปแล้วธุรกิจเหล่านี้จะออกใบแจ้งหนี้ที่จุดขาย เมื่อมีการส่งมอบสินค้าหรือเมื่อดำเนินการตามคำสั่งซื้อ คล้ายกับธุรกรรมของร้านขายปลีก ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์อาจออกใบแจ้งหนี้ให้ผู้ค้าปลีกเมื่อจัดส่งสินค้า อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เป็นสินค้าสั่งผลิตหรือสั่งทําเอง เช่น ชุดสูงสั่งตัด หรือตู้เก็บของตามสั่ง ธุรกิจอาจกำหนดให้มัดจำล่วงหน้า โดยเรียกเก็บจำนวนที่เหลือเมื่อส่งมอบ

  • การเรียกเก็บเงินตามความคืบหน้า
    การชำระเงินประเภทนี้ใช้กับโครงการขนาดใหญ่ที่มีระยะเวลานาน ซึ่งปกติแล้วจะอยู่ในอุตสาหกรรมก่อสร้างหรืออุตสาหกรรมที่คล้ายกัน โดยธุรกิจจะส่งใบแจ้งหนี้เมื่อถึงเป้าหมายต่างๆ ของโครงการหรือตามกําหนดการประจำ (เช่น รายเดือน) ตัวอย่างเช่น บริษัทก่อสร้างอาจเรียกเก็บเงินล่วงหน้า 25% เป็นค่าวัสดุ, 25% เมื่อรากฐานเสร็จสมบูรณ์, 25% ในขั้นตอน "ฉาบปิดบ้าน" (เมื่อโครงสร้างรอบข้างเสร็จสมบูรณ์) และอีก 25% เมื่อเสร็จสิ้นโครงการ

  • การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า
    ธุรกิจที่ให้บริการสมัครสมาชิกอย่างต่อเนื่องอาจใช้โมเดลการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า โดยธุรกิจจะส่งใบแจ้งหนี้ตามรอบเวลาประจํา ซึ่งปกติแล้วจะส่งรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี ตัวอย่างเช่น ฟิตเนสสตูดิโอหรือบริษัทที่ให้บริการด้านซอฟต์แวร์ (SaaS) จะใช้โมเดลนี้ในการส่งใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้าในแต่ละเดือนเพื่อให้บริการของเดือนถัดไป

  • การชําระเงินล่วงหน้า
    ธุรกิจต่างจะส่งใบแจ้งหนี้เพื่อให้ชําระเงินล่วงหน้าก่อนที่จะส่งมอบบริการหรือผลิตภัณฑ์ โมเดลนี้มักจะใช้เมื่อมีการลงทุนจำนวนมากหรือมีความเสี่ยงสูงเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น ช่างเพชรพลอยแบบสั่งทำอาจกําหนดให้ชําระเงินเต็มจํานวนก่อน จึงจะจัดหาวัสดุที่มีค่าใช้จ่ายสูงและเริ่มสร้างชิ้นงาน

  • โมเดลลูกค้าประจำ
    ธุรกิจจะส่งใบแจ้งหนี้ตามจํานวนที่กําหนดไว้ก่อนเริ่มทํางาน และลูกค้าจะชําระเงินเป็นประจํา (มักเป็นรายเดือน) เพื่อใช้บริการของธุรกิจต่อไป บริษัทกฎหมายและตัวแทนให้คําปรึกษามักจะใช้โมเดลนี้โดยเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมลูกค้าประจำในแต่ละเดือนตามจํานวนชั่วโมงบริการที่กําหนด

แม้แนวทางการออกใบแจ้งหนี้เหล่านี้จะคล้ายกัน แต่กําหนดเวลาการออกใบแจ้งหนี้จริงๆ จะแตกต่างกันออกไป และควรปรับให้เหมาะสมกับความต้องการและการทำงานของธุรกิจและลูกค้า การยึดถือหลักการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพ รวมถึงข้อตกลงที่ชัดเจนร่วมกับลูกค้าเกี่ยวกับกําหนดเวลาออกใบแจ้งหนี้ คือกุญแจสําคัญในการรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีต่อและช่วยให้มั่นใจว่าจะได้รับชำระเงินอย่างตรงเวลา

วิธีส่งใบแจ้งหนี้

การส่งใบแจ้งหนี้เป็นส่วนสําคัญในการจัดการด้านการเงินของธุรกิจและการรักษากระแสเงินสดให้คงที่ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนของกระบวนการออกใบแจ้งหนี้

  • ทําความเข้าใจกระบวนการออกใบแจ้งหนี้ของลูกค้า: ก่อนสร้างใบแจ้งหนี้ โปรดทําความคุ้นเคยกับขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้ของลูกค้า ลูกค้าบางรายอาจต้องการข้อมูลเฉพาะเจาะจง เช่น หมายเลขใบสั่งซื้อ หรืออาจต้องการใบแจ้งหนี้ในรูปแบบเฉพาะ การทําความเข้าใจข้อกําหนดเหล่านี้ล่วงหน้าจะช่วยให้ใบแจ้งหนี้ของคุณได้รับการประมวลผลอย่างรวดเร็วและถูกต้อง

  • เตรียมและตรวจสอบใบแจ้งหนี้: เมื่อเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าแล้ว ให้เตรียมใบแจ้งหนี้โดยใช้เทมเพลตหรือซอฟต์แวร์ที่จําเป็น โดยอิงตามลักษณะการทำธุรกรรมของธุรกิจคุณ ใส่องค์ประกอบหลักๆ เช่น ข้อมูลผู้ขายและข้อมูลผู้ซื้อ หมายเลขใบแจ้งหนี้ วันที่ คําอธิบายสินค้าหรือบริการ ค่าใช้จ่าย และข้อกําหนดการชําระเงินในใบแจ้งหนี้ ตรวจสอบใบแจ้งหนี้เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมดถูกต้องและสมบูรณ์

  • ส่งใบแจ้งหนี้: เมื่อคุณจัดเตรียมและตรวจสอบใบแจ้งหนี้แล้ว ส่งใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้าทางอีเมล หรือระบบซอฟต์แวร์การบัญชีและการออกใบแจ้งหนี้ที่ใช้งาน เช่น Stripe Invoicing โดยคุณต้องส่งใบแจ้งหนี้ไปให้บุคคลที่ถูกต้องภายในบริษัทหรือแผนกที่เกี่ยวข้องเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความล่าช้าโดยไม่จําเป็น

  • ติดตามผล: หลังจากส่งใบแจ้งหนี้แล้ว ให้ติดตามใบแจ้งหนี้ หากไม่ได้รับการชำระเงินในบัญชีภายในวันครบกําหนดชําระ คุณจะต้องติดตามผลกับลูกค้า โดยอาจส่งอีเมลแจ้งเตือนอย่างสุภาพ หรือโทรติดต่อเพื่อตรวจสอบว่าใบแจ้งหนี้มีปัญหาหรือไม่ แล้วบันทึกข้อมูลการติดต่อสื่อสารทั้งหมด

  • รับการชําระเงิน: เมื่อลูกค้าทําการชําระเงินแล้ว ให้บันทึกข้อมูลไว้ในระบบการทําบัญชีของคุณ วิธีนี้จะช่วยให้คุณติดตามรายได้และเก็บรักษาข้อมูลทางการเงินได้อย่างถูกต้อง คุณอาจต้องส่งใบเสร็จหรือเอกสารยืนยันการชําระเงินให้ลูกค้า โดยขึ้นอยู่กับแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจหรือความต้องการของลูกค้า

  • จัดการการชําระเงินที่ล่าช้า: หากการชําระเงินเลยกําหนดชําระแล้ว คุณอาจต้องดําเนินการเพิ่มเติม โดยอาจส่งคำสั่งให้ชำระเงินอย่างเป็นทางการมากขึ้น เพิ่มค่าธรรมเนียมการชําระเงินล่าช้า (หากระบุไว้ในข้อกําหนดการชําระเงิน) หรือการดําเนินการทางกฎหมายในกรณีร้ายแรง

  • เก็บรักษาข้อมูล: เก็บสําเนาของใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จการชําระเงิน และการสื่อสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในช่วงเวลาที่กําหนด อย่างน้อยที่สุดตามระยะเวลาที่หน่วยงานภาษีระบุไว้ คุณอาจจําเป็นต้องใช้บันทึกเหล่านี้เพื่อจุดประสงค์ทางภาษี การตรวจสอบบัญชี การแก้ไขการโต้แย้งการชําระเงิน หรือการวิเคราะห์ประวัติทางการเงินของธุรกิจคุณ

แนวทางปฏิบัติแนะนำเกี่ยวกับการออกใบแจ้งหนี้สำหรับธุรกิจ

ธุรกิจที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินงานและรักษากระแสเงินสดให้อยู่ในระดับดีควรปรับปรุงกระบวนการออกใบแจ้งหนี้เป็นอย่างยิ่ง ต่อไปนี้คือตัวอย่างแนวทางปฏิบัติแนะนำที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญ

  • ระบุหมายเลขที่ชัดเจน
    ใบแจ้งหนี้ทุกฉบับควรมีหมายเลขระบุที่ไม่ซ้ำกัน เพื่อให้ติดตามได้ง่ายขึ้น ช่วยให้แต่ละฝ่ายสามารถอ้างอิงใบแจ้งหนี้ได้อย่างง่ายดายเมื่อต้องสื่อสารกัน และช่วยในการเก็บบันทึกข้อมูลทางการเงิน

  • ระบุข้อมูลแยกย่อยอย่างละเอียด
    ใส่ข้อมูลแจกแจงอย่างละเอียดเกี่ยวกับบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่จัดหาให้ การให้รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่อหน่วย จํานวน และยอดรวมจะช่วยลดการโต้แย้งการชําระเงินและเร่งการอนุมัติการชําระเงินให้เร็วขึ้น

  • ส่งใบแจ้งหนี้ทันที
    ธุรกิจควรส่งใบแจ้งหนี้ทันทีหลังจากส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการ การออกใบแจ้งหนี้ล่าช้ามักนำไปสู่การชําระเงินที่เลื่อนเวลาการตัดบัญชี

  • ใช้ข้อกําหนดการชําระเงินที่ชัดเจน
    ระบุวันครบกําหนดชําระเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบแจ้งหนี้ที่มีระยะเวลา 30 วันเพื่อช่วยเร่งระยะเวลาการชําระเงิน ธุรกิจควรระบุค่าธรรมเนียมการชําระเงินล่าช้าหรือรางวัลจูงใจสําหรับการชําระเงินก่อนกำหนดเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจอย่างชัดเจน

  • ใช้การออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์
    การออกใบแจ้งหนี้ออนไลน์ช่วยให้ขั้นตอนเป็นไปโดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณจัดการกับใบแจ้งหนี้ตามแบบแผนล่วงหน้าเป็นประจํา นอกจากนี้ การออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ที่ Stripe มอบให้ยังช่วยเพิ่มความแม่นยําและความถูกต้องด้วยเทมเพลตใบแจ้งหนี้ รวมถึงช่วยให้กระบวนการส่งและรับใบแจ้งหนี้รวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มความคล่องตัวของกระแสเงินสด

  • ส่งการติดตามผลเป็นประจํา
    การส่งการแจ้งเตือนอย่างสุภาพให้ลูกค้าหนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงวันครบกําหนด และการส่งข้อความติดตามผลเมื่อเลยกำหนดชำระไม่นาน เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นให้ลูกค้าชำระเงินตรงเวลา ธุรกิจสามารถตั้งค่าระบบอัตโนมัติเพื่อวัตถุประสงค์นี้ และสร้างความสอดคล้องกันโดยไม่จำเป็นต้องให้พนักงานเข้ามาดำเนินการ

  • รักษาข้อมูลที่ถูกต้อง
    การเข้าถึงไฟล์เก็บถาวรของใบแจ้งหนี้ที่ส่งแล้ว รอดําเนินการ และใบแจ้งหนี้ที่ชําระแล้วอย่างครบถ้วนนั้นมีประโยชน์ต่อการคาดการณ์ด้านการเงิน การคํานวณภาษี และกระบวนการตรวจสอบบัญชี ธุรกิจควรเก็บบันทึกข้อมูลไว้เป็นอย่างน้อยตามระยะเวลาขั้นต่ำตามกฎหมายกําหนด ซึ่งมักจะอยู่ที่ 7 ปี

  • รองรับวิธีการชําระเงินที่หลากหลาย
    การนําเสนอตัวเลือกการชําระเงินที่หลากหลาย เช่น การโอนเงินผ่านธนาคาร, บัตรเครดิต และกระเป๋าเงินดิจิทัล จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ นำเสนอการชําระเงินสะดวกยิ่งขึ้นสําหรับลูกค้า ซึ่งอาจทำให้กระบวนการชําระเงินดําเนินไปได้รวดเร็วขึ้น

How Stripe Invoicing can help

Stripe Invoicing simplifies your accounts receivable (AR) process—from invoice creation to payment collection. Whether you’re managing one-time or recurring billing, Stripe helps businesses get paid faster and streamline operations:

  • Automate accounts receivable: Easily create, customize, and send professional invoices—no coding required. Stripe automatically tracks invoice status, sends payment reminders, and processes refunds, helping you stay on top of your cash flow.
  • Accelerate cash flow: Reduce days sales outstanding (DSO) and get paid faster with integrated global payments, automatic reminders, and AI-powered dunning tools that help you recover more revenue.
  • Enhance the customer experience: Deliver a modern payment experience with support for 25+ languages, 135+ currencies, and 100+ payment methods. Invoices are easy to access and pay through a self-serve customer portal.
  • Reduce back-office workload: Generate invoices in minutes and reduce time spent on collections through automatic reminders and a Stripe-hosted invoice payment page.
  • Integrate with your existing systems: Stripe Invoicing integrates with popular accounting and enterprise resource planning (ERP) software, helping you keep systems in sync and reduce manual data entry.

Learn more about how Stripe can simplify your accounts receivable process, or get started today.

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Invoicing

Invoicing

สร้างและส่งใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าได้ในไม่กี่นาที โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Invoicing

สร้างและจัดการใบแจ้งหนี้สำหรับการชำระเงินครั้งเดียวด้วย Stripe Invoicing