วิธีส่งใบแจ้งหนี้: คําแนะนําทีละขั้นตอนสําหรับธุรกิจ

Invoicing
Invoicing

Stripe Invoicing คือแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ออกใบแจ้งหนี้สำหรับทั่วโลกที่สร้างมาเพื่อช่วยให้คุณประหยัดเวลาและรับเงินได้เร็วขึ้น สร้างใบแจ้งหนี้แล้วส่งให้ลูกค้าของคุณได้ในไม่กี่นาทีโดยไม่ต้องใช้โค้ด

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. ใบแจ้งหนี้คืออะไร
  3. วิธีส่งใบแจ้งหนี้ใน 7 ขั้นตอนง่ายๆ
  4. ใบแจ้งหนี้มีข้อมูลอะไรบ้าง
  5. เวลาในการส่งใบแจ้งหนี้
  6. แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการออกใบแจ้งหนี้สำหรับธุรกิจ
  7. Stripe Invoicing ช่วยอะไรได้บ้าง

การออกใบแจ้งหนี้เป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งมักจะถูกมองว่าเป็นงานที่น่าเบื่อหน่ายในระบบหลังบ้าน ระบบออกใบแจ้งหนี้ที่เหมาะสมจะช่วยให้มีการชำระเงินตรงเวลา พร้อมทั้งส่งเสริมความไว้วางใจระหว่างธุรกิจกับลูกค้าอีกด้วย

ด้านล่างนี้ เราจะพูดถึงขั้นตอนต่างๆ ในการออกใบแจ้งหนี้และอธิบายว่าระบบการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติจะช่วยสร้างประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นได้อย่างไร

เนื้อหาหลักในบทความ

  • ใบแจ้งหนี้คืออะไร
  • วิธีส่งใบแจ้งหนี้ใน 7 ขั้นตอนง่ายๆ
  • ใบแจ้งหนี้มีข้อมูลอะไรบ้าง
  • เวลาในการส่งใบแจ้งหนี้
  • แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการออกใบแจ้งหนี้
  • Stripe Invoicing ช่วยอะไรได้บ้าง

ใบแจ้งหนี้คืออะไร

ใบแจ้งหนี้ คือ เอกสารทางการค้าที่ผู้ขายออกให้แก่ผู้ซื้อ โดยระบุผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จัดหาให้ พร้อมจำนวนเงินที่ผู้ซื้อต้องชำระให้แก่ผู้ขาย

ใบแจ้งหนี้มีบทบาทหลักในการจัดการและติดตามธุรกรรมทางการเงิน ใบแจ้งหนี้เป็นเครื่องมือทำบัญชีที่สำคัญของธุรกิจต่างๆ ซึ่งช่วยในการตรวจสอบติดตามยอดขาย จัดการสินค้าคงคลัง และติดตามรายได้ ในส่วนของลูกค้า ใบแจ้งหนี้จะมีข้อมูลการซื้ออย่างละเอียด ซึ่งมีประโยชน์ในการจัดสรรงบประมาณและการบันทึกข้อมูล นอกจากนี้ ใบแจ้งหนี้ยังช่วยแก้ไขการโต้แย้งการชำระเงินได้ด้วย เนื่องจากใบแจ้งหนี้จะมีข้อมูลการทำธุรกรรมตามที่ผู้ขายกับผู้ซื้อตกลงกันไว้ซึ่งมีผลทางกฎหมาย

ผู้ขายมักส่งใบแจ้งหนี้ผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น อีเมล ระบบการออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ หรือพอร์ทัลลูกค้า แม้ว่าธุรกิจบางแห่งจะยังคงใช้ทางไปรษณีย์แบบดั้งเดิมในการออกใบแจ้งหนี้แบบกระดาษ โดยผู้รับจะตรวจสอบใบแจ้งหนี้เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลถูกต้อง เช่น บริการที่ได้รับ ปริมาณที่ส่งมอบ และข้อกำหนดเรื่องราคา และอนุมัติใบแจ้งหนี้เพื่อดำเนินการชำระเงินตามข้อกำหนดและกำหนดเวลาการชำระเงินที่ตกลงกันไว้

วิธีส่งใบแจ้งหนี้ใน 7 ขั้นตอนง่ายๆ

สำหรับธุรกิจต่างๆ แล้ว การส่งใบแจ้งหนี้เป็นส่วนสำคัญในการจัดการด้านการเงินและรักษากระแสเงินสดให้มีเสถียรภาพ ขั้นตอนในการออกใบแจ้งหนี้มีดังนี้

  1. ทำความเข้าใจขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้ของลูกค้า: ก่อนจัดทำใบแจ้งหนี้ ให้ทำความคุ้นเคยกับขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้ของลูกค้าเสียก่อน ลูกค้าบางรายอาจต้องการข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง เช่น หมายเลขใบสั่งซื้อ หรืออาจต้องการใบแจ้งหนี้ที่มีรูปแบบเฉพาะตัว หากเข้าใจข้อกำหนดเหล่านี้มาก่อนแล้ว ก็จะช่วยให้ใบแจ้งหนี้ของคุณได้รับการดำเนินการอย่างถูกต้องรวดเร็ว

  2. จัดเตรียมและตรวจสอบใบแจ้งหนี้: ให้จัดเตรียมใบแจ้งหนี้โดยใช้เทมเพลตหรือซอฟต์แวร์ที่จำเป็นตามความเข้าใจที่คุณมีเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าและลักษณะธุรกรรมทางธุรกิจของคุณ ให้ใส่องค์ประกอบหลักๆ เช่น ข้อมูลผู้ขายและผู้ซื้อ หมายเลขใบแจ้งหนี้ วันที่ คำอธิบายสินค้าหรือบริการ ค่าใช้จ่าย และข้อกำหนดการชำระเงินลงไป ให้ตรวจสอบใบแจ้งหนี้เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมดถูกต้องครบถ้วน

  3. ส่งใบแจ้งหนี้: เมื่อจัดเตรียมและตรวจสอบใบแจ้งหนี้แล้ว ให้ส่งใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้าทางอีเมลหรือระบบซอฟต์แวร์สำหรับการออกใบแจ้งหนี้หรือการทำบัญชีโดยเฉพาะ เช่น Stripe Invoicing อย่าลืมส่งใบแจ้งหนี้ให้กับบุคคลหรือแผนกที่ถูกต้องภายในบริษัทด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความล่าช้าโดยไม่จำเป็น

  4. ติดตามผล: หลังส่งใบแจ้งหนี้แล้ว ให้ติดตามใบแจ้งหนี้ด้วย หากไม่มีการชำระเงินเข้ามาภายในวันครบกำหนดชำระ ให้ติดตามสอบถามกับลูกค้า โดยอาจส่งอีเมลแจ้งเตือนอย่างสุภาพ หรือโทรติดต่อเพื่อตรวจสอบว่าใบแจ้งหนี้มีปัญหาหรือไม่ โดยให้บันทึกข้อมูลการติดต่อสื่อสารทั้งหมดเอาไว้ด้วย

  5. รับการชำระเงิน: เมื่อลูกค้าชำระเงินแล้ว ให้บันทึกข้อมูลไว้ในระบบการทำบัญชีของคุณ วิธีนี้จะช่วยคุณในการติดตามรายรับและมีบันทึกทางการเงินที่ถูกต้องอยู่เสมอ คุณอาจต้องส่งใบเสร็จหรือเอกสารยืนยันการชำระเงินให้ลูกค้าด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจหรือความต้องการของลูกค้า

  6. จัดการการชำระเงินที่ล่าช้า: หากเลยกำหนดชำระเงินแล้ว คุณอาจต้องดำเนินการเพิ่มเติม โดยอาจส่งคำสั่งให้ชำระเงินอย่างเป็นทางการมากขึ้น เพิ่มค่าธรรมเนียมล่าช้า (หากระบุไว้ในข้อกำหนดการชำระเงิน) หรือดำเนินการทางกฎหมายในกรณีร้ายแรง

  7. เก็บบันทึก: เก็บสำเนาของใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จการชำระเงิน และการสื่อสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเอาไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด อย่างน้อยที่สุดตามระยะเวลาที่หน่วยงานภาษีระบุไว้ คุณอาจจำเป็นต้องใช้บันทึกเหล่านี้เพื่อจุดประสงค์ทางภาษี การตรวจสอบบัญชี การแก้ไขการโต้แย้งการชำระเงิน หรือการวิเคราะห์ประวัติทางการเงินของธุรกิจ

ใบแจ้งหนี้มีข้อมูลอะไรบ้าง

ข้อมูลบางส่วนที่ต้องระบุในใบแจ้งหนี้จะแตกต่างกันไปตามธุรกิจของคุณ ประเภทลูกค้าที่คุณทำงานด้วย และข้อกำหนดของสัญญา แต่ใบแจ้งหนี้ส่วนใหญ่จะมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้

  • ส่วนหัว: ข้อความกำกับว่า "ใบแจ้งหนี้" จะบอกวัตถุประสงค์ของเอกสารนี้ เพื่อให้ระบบการเงินของธุรกิจประมวลผลได้อย่างถูกต้อง

  • ข้อมูลผู้ขาย: รายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจจะแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าใบแจ้งหนี้มาจากธุรกิจใด พร้อมทั้งดำเนินการตามภาระหน้าที่ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเก็บภาษีและข้อมูลประจำตัวของธุรกิจ

  • ข้อมูลผู้ซื้อ: จำเป็นต้องระบุข้อมูลลูกค้าเพื่อการเก็บบันทึกที่ถูกต้อง และอาจเป็นเครื่องมือที่สำคัญในกรณีที่มีการโต้แย้งการชำระเงินหรือการตรวจสอบบัญชีด้วย

  • หมายเลขใบแจ้งหนี้: การใส่หมายเลขระบุที่ไม่ซ้ำกันจะช่วยให้ติดตามและจัดระเบียบบันทึกทางการเงินได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยในการจัดการบัญชีและกระทบยอดอย่างมีประสิทธิภาพ

  • วันที่ในใบแจ้งหนี้: การระบุวันที่นั้นจำเป็นสำหรับการจัดการกระแสเงินสดและการวางแผนทางการเงิน รวมทั้งกำหนดเวลาในการรับรู้รายรับด้วย

  • ข้อกำหนดการชำระเงิน: ข้อกำหนดที่ระบุอย่างชัดเจนจะช่วยรักษากระแสเงินสดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ป้องกันการโต้แย้งการชำระเงิน และแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับวันครบกำหนดและค่าธรรมเนียมล่าช้า

  • สินค้าหรือบริการที่จัดหาให้: คำอธิบายโดยละเอียดจะช่วยรับรองว่าจำนวนเงินในใบแจ้งหนี้นั้นถูกต้องและป้องกันการโต้แย้งการชำระเงินได้ ทั้งยังจำเป็นในการใช้เป็นบันทึกทางการเงินของทั้งสองฝ่ายหรือในกรณีที่มีการตรวจสอบบัญชี นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อการเก็บภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสินค้าและบริการมีอัตราภาษีที่แตกต่างกันไป

  • ค่าใช้จ่าย: ค่าใช้จ่ายที่แยกเป็นรายการจะแสดงให้ลูกค้าทราบว่าตนจ่ายเงินเป็นค่าอะไรบ้าง และช่วยให้ผู้ขายมีขั้นตอนการคำนวณภาษีและจัดการสินค้าคงคลังที่สะดวกขึ้นด้วย

  • ข้อมูลภาษี: คุณต้องใช้ตัวระบุและการคำนวณภาษีการขายหรือภาษีมูลค่าเพิ่มที่เหมาะสมในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของหน่วยงานภาษีในท้องถิ่นและระดับประเทศ

  • หมายเหตุ: ธุรกิจสามารถถือโอกาสช่วงนี้ในการแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมแก่ลูกค้า ชี้แจงแง่มุมต่างๆ ของธุรกรรมให้ชัดเจน หรือสานสัมพันธ์ทางธุรกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านข้อความแบบเฉพาะตัวได้

เวลาในการส่งใบแจ้งหนี้

ธุรกิจบางแห่งอาจมีกำหนดเวลาหรือแนวทางการออกใบแจ้งหนี้ที่แตกต่างออกไป เวลาที่เหมาะสมในการส่งใบแจ้งหนี้อาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทสินค้าหรือบริการที่มอบให้ ข้อกำหนดการชำระเงินที่ตกลงกันไว้ และความสัมพันธ์กับลูกค้า ตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่เสนอผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้อาจออกใบแจ้งหนี้ที่จุดขาย ส่วนบริษัทให้คำปรึกษาอาจเรียกเก็บเงินค่าบริการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน

ธุรกิจแต่ละแห่งต้องจัดทำกำหนดเวลาออกใบแจ้งหนี้ที่เหมาะกับโมเดลการปฏิบัติงาน เพิ่มความคล่องตัวของกระแสเงินสด และดำเนินงานตรงตามความคาดหวังของลูกค้า ต่อไปนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่เหมาะสมในการส่งใบแจ้งหนี้สำหรับโมเดลธุรกิจหลายๆ แบบที่พบบ่อย

  • ธุรกิจที่ให้บริการ
    โดยทั่วไป ธุรกิจเหล่านี้จะส่งใบแจ้งหนี้หลังจากให้บริการไปแล้ว ตัวอย่างเช่น บริษัทออกแบบกราฟิกอาจออกใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้าเมื่อออกแบบเว็บไซต์เสร็จสมบูรณ์ หรือบริษัทให้คำปรึกษาอาจออกใบแจ้งหนี้เมื่อสิ้นสุดเดือนที่ให้บริการในรอบนั้นๆ แต่ในบางกรณี ธุรกิจที่ให้บริการอาจกำหนดให้ต้องจ่ายเงินมัดจำหรือชำระเงินบางส่วนล่วงหน้า โดยเฉพาะกับโครงการขนาดใหญ่ หรือเมื่อทำงานกับลูกค้ารายใหม่

  • ธุรกิจที่ขายผลิตภัณฑ์
    โดยทั่วไปแล้ว ธุรกิจเหล่านี้จะออกใบแจ้งหนี้ที่จุดขาย เมื่อมีการส่งมอบสินค้าหรือเมื่อดำเนินการตามคำสั่งซื้อ คล้ายกับธุรกรรมค้าปลีก ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์อาจออกใบแจ้งหนี้ให้ผู้ค้าปลีกเมื่อจัดส่งสินค้า อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เป็นสินค้าสั่งผลิตหรือสั่งทำเอง เช่น ชุดสูทสั่งตัด หรือตู้เก็บของตามสั่ง ธุรกิจอาจกำหนดให้ต้องจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้า โดยเรียกเก็บจำนวนที่เหลือเมื่อส่งมอบ

  • การเรียกเก็บเงินตามความคืบหน้า
    การชำระเงินประเภทนี้ใช้กับโครงการขนาดใหญ่ที่มีระยะเวลานาน ซึ่งปกติแล้วจะอยู่ในอุตสาหกรรมก่อสร้างหรืออุตสาหกรรมที่คล้ายกัน โดยธุรกิจจะส่งใบแจ้งหนี้เมื่อโครงการคืบหน้าไปถึงเป้าหมายต่างๆ ที่กำหนดไว้หรือถึงกำหนดเวลาที่ระบุไว้เป็นระยะ ตัวอย่างเช่น บริษัทก่อสร้างอาจเรียกเก็บเงินล่วงหน้า 25% เป็นค่าวัสดุ, 25% เมื่อรากฐานเสร็จสมบูรณ์, 25% ในขั้นตอน "ก่อปิดผนังอาคาร" (เมื่อขึ้นผนังอาคารเรียบร้อยแล้ว) และอีก 25% เมื่อเสร็จสิ้นโครงการ

  • การเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า
    ธุรกิจที่ให้บริการแบบต่อเนื่องหรือการชำระเงินตามรอบบิลอาจใช้โมเดลการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า โดยธุรกิจจะส่งใบแจ้งหนี้ตามระยะเวลาที่กำหนดเป็นประจำ ซึ่งมักจะเป็นรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี ตัวอย่างเช่น สตูดิโอฟิตเนสหรือบริษัทการให้บริการระบบซอฟต์แวร์ (SaaS) จะใช้โมเดลนี้เพื่อออกใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าในแต่ละเดือนเป็นค่าบริการของเดือนถัดไป

  • การชำระเงินล่วงหน้า
    เมื่อใช้การชำระเงินล่วงหน้า ธุรกิจต่างๆ จะส่งใบแจ้งหนี้ก่อนที่จะส่งมอบบริการหรือผลิตภัณฑ์ โมเดลนี้มักจะใช้เมื่อมีการลงทุนจำนวนมากหรือมีความเสี่ยงสูงเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น ช่างเพชรพลอยแบบสั่งทำพิเศษอาจกำหนดให้ชำระเงินเต็มจำนวนก่อน จึงจะจัดหาวัสดุที่มีราคาแพงและเริ่มรังสรรค์ชิ้นงาน

  • โมเดลลูกค้าประจำ
    เมื่อใช้วิธีนี้ ธุรกิจจะส่งใบแจ้งหนี้ตามจำนวนที่กำหนดไว้ก่อนเริ่มทำงาน และลูกค้าจะชำระเงินเป็นประจำ (มักเป็นรายเดือน) เพื่อใช้บริการของธุรกิจต่อไป บริษัทกฎหมายและตัวแทนให้คำปรึกษามักจะใช้โมเดลนี้โดยเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมลูกค้าประจำในแต่ละเดือนตามจำนวนชั่วโมงบริการที่กำหนด

แม้แนวทางการออกใบแจ้งหนี้เหล่านี้จะคล้ายกัน แต่กำหนดเวลาการออกใบแจ้งหนี้ของแต่ละธุรกิจก็อาจแตกต่างกันไป และธุรกิจก็ควรเลือกกำหนดเวลาให้เหมาะกับธุรกิจและลูกค้าให้มากที่สุด การชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาและทำข้อตกลงกับลูกค้าอย่างชัดเจนในเรื่องกำหนดเวลาออกใบแจ้งหนี้จะช่วยให้คุณรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีเอาไว้ได้ ทั้งยังช่วยให้มั่นใจว่าจะได้รับชำระเงินตรงเวลาอีกด้วย

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการออกใบแจ้งหนี้สำหรับธุรกิจ

ธุรกิจที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและรักษากระแสเงินสดให้อยู่ในระดับดีควรปรับปรุงขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้เป็นอย่างยิ่ง ต่อไปนี้คือแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดซึ่งธุรกิจควรให้ความสำคัญ

  • ระบุหมายเลขที่ชัดเจน
    ใบแจ้งหนี้ทุกฉบับควรมีหมายเลขระบุที่ไม่ซ้ำกัน เพื่อให้ติดตามได้ง่ายขึ้น ช่วยให้แต่ละฝ่ายสามารถอ้างอิงใบแจ้งหนี้ได้อย่างง่ายดายเมื่อต้องสื่อสารกัน และช่วยในการเก็บบันทึกข้อมูลทางการเงิน

  • ใส่ข้อมูลแจกแจงอย่างละเอียด
    ใส่ข้อมูลแจกแจงอย่างละเอียดเกี่ยวกับบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่จัดหาให้ การให้รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่อหน่วย จำนวน และยอดรวมจะช่วยลดการโต้แย้งการชำระเงินและทำให้มีการอนุมัติการชำระเงินเร็วขึ้น

  • ส่งใบแจ้งหนี้ทันที
    ธุรกิจควรส่งใบแจ้งหนี้ทันทีหลังจากส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการ การออกใบแจ้งหนี้ล่าช้ามักทำให้การชำระเงินล่าช้าตามไปด้วย

  • ตั้งข้อกำหนดการชำระเงินที่ชัดเจน
    การระบุวันครบกำหนดชำระเงิน (จะให้ดีควรอยู่ในช่วงไม่เกิน 30 วัน) จะช่วยให้ระยะเวลาการชำระเงินกระชั้นขึ้น ธุรกิจควรแจ้งความต้องการให้ชัดเจนโดยระบุค่าธรรมเนียมล่าช้าหรือสิ่งจูงใจเพื่อให้มีการชำระเงินก่อนกำหนด

  • ใช้การออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์
    การออกใบแจ้งหนี้ออนไลน์ช่วยให้ขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้ในหลายๆ ส่วนเป็นไปโดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะหากคุณจัดการกับใบแจ้งหนี้ตามแบบแผนล่วงหน้าเป็นประจำ การออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ยังช่วยเพิ่มความถูกต้องแม่นยำด้วยเทมเพลตใบแจ้งหนี้ ทั้งยังช่วยให้มีการส่งและชำระเงินเร็วขึ้นอีกด้วย

  • สื่อสารเพื่อติดตามความคืบหน้าเป็นประจำ
    การส่งการแจ้งเตือนอย่างสุภาพให้ลูกค้าหนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงวันครบกำหนด และส่งข้อความตามไปอีกหลังจากนั้นไม่นาน เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการย้ำให้ลูกค้าชำระเงินให้ตรงเวลา ธุรกิจสามารถตั้งค่าระบบอัตโนมัติเพื่อการนี้ได้ ซึ่งช่วยรับรองความสม่ำเสมอได้โดยไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการอะไรมาก

  • ดูแลบันทึกให้ถูกต้องอยู่เสมอ
    การเก็บใบแจ้งหนี้ที่ส่งแล้ว รอดำเนินการ และชำระแล้วเอาไว้อย่างครบถ้วนจะช่วยธุรกิจในด้านการคาดการณ์ทางการเงิน การคำนวณภาษี และขั้นตอนการตรวจสอบบัญชี ธุรกิจควรเก็บบันทึกเอาไว้ตามระยะเวลาขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดไว้ (ซึ่งมักจะอยู่ที่ 7 ปี) เป็นอย่างน้อย

  • รองรับวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย
    การนำเสนอตัวเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น การโอนเงินผ่านธนาคาร บัตรเครดิต และกระเป๋าเงินดิจิทัล จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ มีการชำระเงินที่สะดวกสำหรับลูกค้ายิ่งขึ้น ซึ่งอาจทำให้ขั้นตอนการชำระเงินรวดเร็วขึ้นได้

Stripe Invoicing ช่วยอะไรได้บ้าง

Stripe Invoicing ช่วยให้ขั้นตอนเกี่ยวกับลูกหนี้การค้า (AR) ของคุณง่ายขึ้น ตั้งแต่การจัดทำใบแจ้งหนี้ไปจนถึงการเรียกเก็บเงิน ไม่ว่าคุณจะจัดการการเรียกเก็บเงินแบบครั้งเดียวหรือการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า Stripe ก็จะช่วยให้ธุรกิจได้รับเงินเร็วขึ้นและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ดังนี้

  • ทำให้การจัดการลูกหนี้การค้าเป็นไปโดยอัตโนมัติ: สร้าง ปรับแต่ง และส่งใบแจ้งหนี้แบบมืออาชีพได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเขียนโค้ด Stripe จะติดตามสถานะใบแจ้งหนี้ ส่งการแจ้งเตือนให้ชำระเงิน และดำเนินการคืนเงินโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้คุณดูแลกระแสเงินสดได้ดีอยู่เสมอ
  • เร่งกระแสเงินสด: ลดระยะเวลาในการเก็บหนี้ถัวเฉลี่ย (Days Sales Outstanding หรือ DSO) และได้รับเงินเร็วขึ้นด้วยการชำระเงินทั่วโลกแบบครบวงจร การแจ้งเตือนอัตโนมัติ และเครื่องมือติดตามหนี้ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ช่วยให้คุณกู้คืนรายรับได้มากขึ้น
  • ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า: มอบประสบการณ์การชำระเงินที่ทันสมัยด้วยการรองรับภาษามากกว่า 25 ภาษา, สกุลเงินมากกว่า 135 สกุล และวิธีการชำระเงินมากกว่า 100 วิธี โดยสามารถเข้าถึงและชำระใบแจ้งหนี้ได้ง่ายผ่านพอร์ทัลลูกค้าแบบสำเร็จรูป
  • ลดภาระงานในสำนักงาน: สร้างใบแจ้งหนี้ในไม่กี่นาทีและลดเวลาที่ใช้ในการเรียกเก็บเงินผ่านการแจ้งเตือนอัตโนมัติ และหน้าชำระใบแจ้งหนี้ในระบบ Stripe
  • ผสานการทำงานกับระบบที่มีอยู่: Stripe Invoicing สามารถผสานการทำงานกับซอฟต์แวร์บัญชีและการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ที่เป็นที่นิยมได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณรักษาระบบให้ซิงค์กันและลดการป้อนข้อมูลด้วยตนเอง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Stripe สามารถทำให้ขั้นตอนการจัดการลูกหนี้การค้าของคุณง่ายขึ้นได้ หรือเริ่มใช้งานเลยวันนี้

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Invoicing

Invoicing

สร้างและส่งใบแจ้งหนี้ให้กับลูกค้าได้ในไม่กี่นาที โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด

Stripe Docs เกี่ยวกับ Invoicing

สร้างและจัดการใบแจ้งหนี้สำหรับการชำระเงินครั้งเดียวด้วย Stripe Invoicing