Open banking regulation explained: A guide

Connect
Connect

แพลตฟอร์มและมาร์เก็ตเพลสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก อาทิ Shopify และ DoorDash ต่างก็ใช้ Stripe Connect ในการผสานรวมการชำระเงินเข้ากับผลิตภัณฑ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม 
  1. บทแนะนำ
  2. การธนาคารแบบเปิดใช้ทำอะไร
    1. สำหรับผู้บริโภค
    2. สำหรับธุรกิจ
  3. กฎระเบียบของการธนาคารแบบเปิดคืออะไร
  4. ใครเป็นผู้ควบคุมการธนาคารแบบเปิด
  5. มาตรฐานการธนาคารแบบเปิด
    1. องค์ประกอบหลักของมาตรฐานการธนาคารแบบเปิด
    2. มาตรฐานการธนาคารแบบเปิดระดับโลกและระดับภูมิภาค
    3. ความสำคัญของมาตรฐานการธนาคารแบบเปิด
  6. สิทธิและการคุ้มครองผู้บริโภคภายใต้การธนาคารแบบเปิด
  7. การธนาคารแบบเปิดส่งผลต่อนวัตกรรมทางการเงินอย่างไร

การธนาคารแบบเปิด คือ แนวทางปฏิบัติในการแบ่งปันข้อมูลลูกค้าระหว่างธนาคารและผู้ให้บริการบุคคลที่สาม (TPP) ต่างๆ โดยกระบวนการนี้ต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าและใช้อินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชัน (API) เพื่อส่งข้อมูลที่ได้รับอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์ การธนาคารแบบเปิดได้ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมฟินเทคและบริการทางการเงินใหม่ๆ มากมาย นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเวลาให้กับธุรกิจในงานต่างๆ เช่น การประมวลผลข้อมูลทางการเงิน

คู่มือนี้จะอธิบายว่าใครเป็นผู้ควบคุมดูแลการธนาคารแบบเปิด มาตรฐานการธนาคารแบบเปิดมีอะไรบ้าง และกฎระเบียบการธนาคารแบบเปิดส่งผลต่อนวัตกรรมอย่างไร

เนื้อหาหลักในบทความ

  • การธนาคารแบบเปิดใช้ทำอะไร
  • กฎระเบียบของการธนาคารแบบเปิดคืออะไร
  • ใครเป็นผู้ควบคุมการธนาคารแบบเปิด
  • มาตรฐานการธนาคารแบบเปิด
  • สิทธิและการคุ้มครองผู้บริโภคภายใต้การธนาคารแบบเปิด
  • การธนาคารแบบเปิดส่งผลต่อนวัตกรรมทางการเงินอย่างไร

การธนาคารแบบเปิดใช้ทำอะไร

การธนาคารแบบเปิดจะสร้างภูมิทัศน์ทางการเงินที่มีการแข่งขันและนวัตกรรมมากขึ้น โดยเปิดโอกาสให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆ การธนาคารแบบเปิดเป็นแนวคิดที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีแอปพลิเคชันและการใช้งานใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแอปพลิเคชันยอดนิยมของการธนาคารแบบเปิดมีดังต่อไปนี้

สำหรับผู้บริโภค

  • การจัดการทางการเงิน: การธนาคารแบบเปิดจะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเก็บและรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากหลายบัญชีไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งหมายความว่าผู้บริโภคสามารถติดตามการใช้จ่าย งบประมาณ และการออมได้ดียิ่งขึ้น โดยบริการเหล่านี้ยังสามารถให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เช่น สินเชื่อ ประกันภัย หรือการลงทุน

  • การเข้าถึงสินเชื่อที่ดีขึ้น: การธนาคารแบบเปิดช่วยให้ผู้ให้กู้ได้รับมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินของผู้กู้ ซึ่งอาจนำไปสู่เงื่อนไขการกู้ยืมที่ดีขึ้น

  • โซลูชันการชำระเงิน: การธนาคารแบบเปิดช่วยให้ผู้ใช้สามารถชำระเงินได้โดยตรงจากบัญชีธนาคารของตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งเครือข่ายบัตรแบบเดิม

สำหรับธุรกิจ

  • การจัดการกระแสเงินสด: การธนาคารแบบเปิดช่วยให้ธุรกิจสามารถผสานข้อมูลการธนาคารกับซอฟต์แวร์บัญชี ทำให้การดำเนินการทางการเงินง่ายขึ้น และปรับปรุงการมองเห็นกระแสเงินสดได้

  • การออกใบแจ้งหนี้และการชำระเงินอัตโนมัติ: การธนาคารแบบเปิดช่วยอำนวยความสะดวกในบริการการออกใบแจ้งหนี้และการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติที่จะช่วยลดภาระงานด้านการจัดการดูแล

  • _การให้สินเชื่อทางเลือก: _ การธนาคารแบบเปิดช่วยให้สามารถผสานข้อมูลทางการเงินจากแหล่งต่างๆ ได้มากขึ้น ที่จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเจรจาเงื่อนไขการกู้ยืมได้ดีขึ้น และขยายการเข้าถึงสินเชื่อสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้

  • ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่กำหนดเป้าหมาย: บริษัทฟินเทคต่างใช้การธนาคารแบบเปิดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆ

กฎระเบียบของการธนาคารแบบเปิดคืออะไร

กฎระเบียบของการธนาคารแบบเปิด คือ กฎและแนวปฏิบัติที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดขึ้นเพื่อควบคุมวิธีการที่ธนาคารและผู้ให้บริการบุคคลที่สามแบ่งปันข้อมูลทางการเงิน วัตถุประสงค์ของกฎระเบียบเหล่านี้คือการเพิ่มการแข่งขันในตลาด ส่งเสริมนวัตกรรม และพัฒนาทางเลือกของผู้บริโภคในอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน ควบคู่ไปกับการทำให้มั่นใจว่าข้อมูลของผู้บริโภคจะยังคงเป็นส่วนตัวและปลอดภัย ต่อไปนี้คือองค์ประกอบสำคัญของกฎระเบียบของการธนาคารแบบเปิด

  • ความยินยอมของผู้บริโภค: หลักการที่ว่าผู้บริโภคเป็นเจ้าของข้อมูลทางการเงินของตนเองนั้นจะควบคุมกฎระเบียบของการธนาคารแบบเปิด กฎระเบียบกำหนดให้ธนาคารสามารถแบ่งปันข้อมูลลูกค้ากับ TPP ได้ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งเท่านั้น

  • การสร้างมาตรฐาน API: กฎระเบียบของการธนาคารแบบเปิดมักกำหนดให้ต้องมีการสร้างมาตรฐาน API ซึ่งจะทำให้การแบ่งปันและเข้าถึงข้อมูลระหว่างระบบและแพลตฟอร์มต่างๆ ง่ายขึ้นและปลอดภัยยิ่งขึ้น

  • สิทธิในการเข้าถึงและความรับผิดชอบ: กฎระเบียบต่างๆ จะกำหนดสิทธิและความรับผิดชอบของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการธนาคารแบบเปิด รวมถึงเงื่อนไขที่ TPP ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลธนาคาร สิ่งที่พวกเขาสามารถทำกับข้อมูลได้ รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของข้อมูลที่พวกเขาต้องปฏิบัติตาม

  • โปรโตคอลความปลอดภัย: กฎระเบียบของการธนาคารแบบเปิดกำหนดให้มีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่รัดกุมเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลและการฉ้อโกง ซึ่งรวมถึงการใช้การเข้ารหัสที่แข็งแกร่ง วิธีการตรวจสอบสิทธิ์ และการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ

  • การกำกับดูแลด้านกฎระเบียบ: กฎระเบียบของการธนาคารแบบเปิดมักกำหนดให้ธุรกิจต่างๆ ต้องทำการรายงานอยู่เป็นประจำ ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน และต้องมีส่วนร่วมในการตรวจสอบความปลอดภัย

ใครเป็นผู้ควบคุมการธนาคารแบบเปิด

กฎระเบียบของการธนาคารแบบเปิดมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเทศและภูมิภาค โดยมีแนวทางและหน่วยงานกำกับดูแลที่แตกต่างกันในการกำกับดูแลการดำเนินการ

  • ยุโรป: คำสั่งบริการการชำระเงิน (PSD2) ฉบับแก้ไขของสหภาพยุโรปกำหนดให้มีการธนาคารแบบเปิดในประเทศสมาชิก โดย PSD2 ยังกำหนดสิทธิและการคุ้มครองลูกค้า (รวมถึงการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าแบบรัดกุม) และข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสำหรับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หน่วยงานธนาคารแห่งยุโรป (EBA) จะพัฒนามาตรฐานทางเทคนิคและแนวทางปฏิบัติสำหรับการธนาคารแบบเปิด ขณะที่หน่วยงานที่มีอำนาจระดับชาติ (NCA) ในแต่ละประเทศจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการบังคับใช้กฎระเบียบเหล่านี้

  • สหราชอาณาจักร: หลังจาก Brexit สหราชอาณาจักรยังคงข้อกำหนดของ PSD2 โดยเพิ่มข้อกำหนดสำหรับการกำหนดสำหรับมาตรฐาน API และจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลการธนาคารแบบเปิด (OBIE) เพื่อกำกับดูแลการบังคับใช้และการพัฒนามาตรฐานของการธนาคารแบบเปิด หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน (FCA) จะกำกับดูแลอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ของการธนาคารแบบเปิด และให้ความสำคัญกับสิทธิของผู้บริโภคในการเข้าถึงข้อมูลและความเป็นส่วนตัว เช่นเดียวกับแนวทางปฏิบัติโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีที่สถาบันการเงินควรจัดการข้อมูลผู้บริโภค

  • ออสเตรเลีย: แนวทางปฏิบัติว่าด้วยสิทธิข้อมูลผู้บริโภค (CDR) อนุญาตให้ผู้บริโภคแบ่งปันข้อมูลของตนกับบุคคลที่สามที่ได้รับการรับรองได้ และเน้นย้ำถึงสิทธิของผู้บริโภคในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิในการควบคุมว่าใครสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ คณะกรรมการการแข่งขันและผู้บริโภคแห่งออสเตรเลีย (ACCC) เป็นหน่วยงานกำกับดูแลหลักของ CDR ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารแห่งออสเตรเลีย (OAIC) จะ​​กำกับดูแลด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

  • สหรัฐอเมริกา: ปัจจุบันยังไม่มีกฎระเบียบของรัฐบาลกลางที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการธนาคารแบบเปิดในสหรัฐอเมริกา ในเดือนตุลาคม 2023 สำนักงานคุ้มครองทางการเงินของผู้บริโภค (CFPB) ได้เสนอกฎเกณฑ์เพื่อบังคับใช้มาตรา 1033 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองทางการเงินของผู้บริโภค ซึ่งจะให้สิทธิ์ผู้บริโภคในการเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูลทางการเงินของตน หากกฎเกณฑ์นี้เสร็จสมบูรณ์ จะเป็นการกำหนดกรอบการทำงานในระดับรัฐบาลกลางสำหรับการธนาคารแบบเปิด และ CFPB จะเป็นผู้กำกับดูแลการบังคับใช้ ในขณะเดียวกัน ในอีกหลายๆ รัฐได้มีการนำกฎหมายเกี่ยวกับการธนาคารแบบเปิดของตนเองมาใช้ หรือกำลังพิจารณาอยู่ และยังมีองค์กรที่นำโดยภาคอุตสาหกรรม เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงิน (FDX) ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อกำหนดมาตรฐานการแบ่งปันข้อมูลโดยสมัครใจ

  • ภูมิภาคอื่นๆ: บางประเทศได้นำกฎระเบียบเกี่ยวกับการธนาคารแบบเปิดของตนเองมาใช้หรือกำลังพัฒนาอยู่ ตัวอย่างที่โดดเด่น ได้แก่ สิงคโปร์ (อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานการเงินสิงคโปร์), ญี่ปุ่น (อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานบริการทางการเงิน) และฮ่องกง (อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานการเงินฮ่องกง)

มาตรฐานการธนาคารแบบเปิด

มาตรฐานการธนาคารแบบเปิดคือชุดข้อกำหนดทางเทคนิคและแนวปฏิบัติที่ช่วยให้สามารถแบ่งปันข้อมูลระหว่างธนาคารและ TPP ที่ได้รับอนุญาตมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มาตรฐานเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความสามารถในการทำงานร่วมกัน ความปลอดภัย และการคุ้มครองผู้บริโภคในขั้นตอนของการธนาคารแบบเปิด

องค์ประกอบหลักของมาตรฐานการธนาคารแบบเปิด

  • API: API เป็นวิธีที่เป็นมาตรฐานสำหรับระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ ในการสื่อสารระหว่างกัน โดยในการธนาคารแบบเปิด ข้อกำหนดของ API ข้อมูลแบบเปิดจะช่วยให้ TPP สามารถเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของลูกค้าจากธนาคารต่างๆ ได้

  • รูปแบบข้อมูล: มาตรฐานการธนาคารแบบเปิดกำหนดโครงสร้างและรูปแบบของข้อมูลที่ธนาคารและ TPP แลกเปลี่ยนกัน เพื่อให้แอปพลิเคชันต่างๆ สามารถตีความและใช้ข้อมูลได้อย่างง่ายดาย

  • _โปรโตคอลความปลอดภัย: _ มาตรฐานการธนาคารแบบเปิดต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม เช่น การเข้ารหัส การตรวจสอบสิทธิ์ และการอนุมัติ เพื่อปกป้องข้อมูลผู้บริโภคจากการเข้าถึงและการใช้ในทางที่ผิดโดยไม่ได้รับอนุญาต

  • การตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้า: มาตรฐานการธนาคารแบบเปิดยังระบุวิธีการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้าเพื่อให้เฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุมัติเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูลทางการเงินของตนได้

  • การจัดการข้อผิดพลาดและการรายงาน: มาตรฐานการธนาคารแบบเปิดมีกลไกสำหรับการจัดการข้อผิดพลาดและการรายงานปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการแลกเปลี่ยนข้อมูล

มาตรฐานการธนาคารแบบเปิดระดับโลกและระดับภูมิภาค

  • _มาตรฐานการธนาคารแบบเปิดของสหราชอาณาจักร: _ หน่วยงานกำกับดูแลการธนาคารแบบเปิด (OBIE) ได้พัฒนาชุดมาตรฐานที่ครอบคลุมที่ธนาคารและ TPP ต่างๆ ในสหราชอาณาจักรนำไปใช้อย่างแพร่หลาย มาตรฐานเหล่านี้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆ เช่น API รูปแบบข้อมูล ความปลอดภัย และการตรวจสอบสิทธิ์ลูกค้า

  • _กรอบการทำงานของ NextGenPSD2: _ กลุ่มเบอร์ลินที่เป็นสมาคมอุตสาหกรรมการชำระเงินทั่วทั้งยุโรป ได้พัฒนากรอบการทำงาน NextGenPSD2 เพื่อประสานมาตรฐานการธนาคารแบบเปิดทั่วทั้งยุโรป กรอบการทำงานนี้ต่อยอดจากคำสั่ง PSD2 และให้ข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับ API และรูปแบบข้อมูลต่างๆ

  • API สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงิน (FDX): มาตรฐาน FDX API ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในสหรัฐอเมริกา โดยได้รับการพัฒนาโดยกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างมาตรฐานและยกระดับความปลอดภัยในการแบ่งปันข้อมูลสำหรับการธนาคารแบบเปิด

  • มาตรฐานระดับภูมิภาคอื่นๆ: ภูมิภาคอื่นๆ ก็มีการพัฒนามาตรฐานการธนาคารแบบเปิดของตนเอง เช่น สิทธิข้อมูลของผู้บริโภคของออสเตรเลีย และการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินของสิงคโปร์ (SGFinDex) ที่ได้มีการปรับให้เหมาะกับข้อกำหนดด้านกฎระเบียบและตลาดเฉพาะของตน เป็นต้น

ความสำคัญของมาตรฐานการธนาคารแบบเปิด

มาตรฐานการธนาคารแบบเปิดมีข้อดีดังต่อไปนี้

  • _ความสามารถในการทำงานร่วมกัน: _ API และรูปแบบข้อมูลมาตรฐานช่วยให้ระบบต่างๆ สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้มีการพัฒนาและการแข่งขัน

  • ความปลอดภัย: โปรโตคอลความปลอดภัยที่แข็งแกร่งจะช่วยปกป้องข้อมูลผู้บริโภคและรักษาความไว้วางใจในการธนาคารแบบเปิดได้

  • การคุ้มครองผู้บริโภค: แนวทางที่ชัดเจนสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์และการยินยอมของลูกค้าจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถควบคุมข้อมูลทางการเงินของตนเองได้

  • การปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ: มาตรฐานต่างๆ จะช่วยให้ธนาคารและ TPP ต่างๆ ปฏิบัติตามกฎระเบียบของการธนาคารแบบเปิดที่จะลดความเสี่ยงทางกฎหมายและการปฏิบัติงานต่างๆ ได้

สิทธิและการคุ้มครองผู้บริโภคภายใต้การธนาคารแบบเปิด

สิทธิและการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของการธนาคารแบบเปิด สิทธิต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถควบคุมข้อมูลทางการเงินของตนเอง พร้อมกับปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยได้ ต่อไปนี้คือสิทธิและการคุ้มครองผู้บริโภคหลักๆ ที่กฎระเบียบของการธนาคารแบบเปิดมักกล่าวถึง

  • สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล: ผู้บริโภคมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลทางการเงินที่ธนาคารจัดเก็บไว้ ซึ่งรวมถึงข้อมูลธุรกรรม ยอดคงเหลือ และรายละเอียดทางการเงินต่างๆ โดยการเข้าถึงข้อมูลนี้ต้องดำเนินการอย่างสะดวก ปลอดภัย และทันท่วงที

  • สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล: ผู้บริโภคมีสิทธิ์นำข้อมูลทางการเงินของตนจากผู้ให้บริการรายหนึ่งไปมอบให้กับอีกรายหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถเปลี่ยนผู้ให้บริการหรือใช้บริการหลายรายการได้ง่ายขึ้น

  • สิทธิความเป็นส่วนตัว: ผู้ให้บริการและธนาคารต้องใช้ข้อมูลทางการเงินของผู้บริโภคอย่างเหมาะสมและเฉพาะเมื่อได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากผู้บริโภคเท่านั้น กฎระเบียบต่างๆ เช่น GDPR ในสหภาพยุโรป และกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่คล้ายคลึงกันในภูมิภาคอื่นๆ บังคับใช้แนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดเกี่ยวกับการใช้ การจัดเก็บ และการแบ่งปันข้อมูล

  • การจัดการความยินยอม: ผู้บริโภคต้องให้ความยินยอมอย่างชัดแจ้งในการแบ่งปันข้อมูล และต้องเข้าใจว่าข้อมูลใดจะถูกแบ่งปันกับใคร และเพื่อวัตถุประสงค์ใด ผู้บริโภคต้องสามารถถอนความยินยอมได้ทุกเมื่อ ซึ่งจะเป็นการหยุดการแบ่งปันข้อมูลใดๆ ในอนาคต

  • การจัดการและการแก้ไขข้อผิดพลาด: กฎระเบียบของการธนาคารแบบเปิดกำหนดให้ผู้บริโภคมีกลไกในการรายงานข้อผิดพลาดหรือธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต และได้รับคำตอบกลับมาอย่างทันท่วงที ผู้บริโภคมีสิทธิ์ได้รับการแก้ไข รวมถึงการแก้ปัญหาข้อผิดพลาด การชดเชย และในบางกรณี จะเป็นการขอโทษ

  • ความปลอดภัย: ธุรกิจต้องจัดการข้อมูลทางการเงินของผู้บริโภคอย่างปลอดภัย ซึ่งรวมถึงการใช้การเข้ารหัสที่แข็งแกร่ง การตรวจสอบสิทธิ์ และการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอโดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดการข้อมูล

  • การไม่เลือกปฏิบัติ: ผู้บริโภคไม่สามารถถูกเลือกปฏิบัติโดยพิจารณาจากข้อมูลที่พวกเขาเลือกที่จะแบ่งปันหรือไม่แบ่งปัน สิทธิในการเข้าถึงบริการทางการเงินของพวกเขาไม่ควรถูกลดทอนลง หากพวกเขาตัดสินใจไม่เข้าร่วมในการแบ่งปันข้อมูลภายใต้การธนาคารแบบเปิด

การธนาคารแบบเปิดส่งผลต่อนวัตกรรมทางการเงินอย่างไร

การธนาคารแบบเปิดกำหนดให้ธนาคารต่างๆ ต้องแบ่งปันข้อมูลทางการเงินกับ TPP ที่ได้รับอนุญาต ข้อมูลนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เป็นนวัตกรรม ตั้งแต่เครื่องมือจัดทำงบประมาณ และแอปพลิเคชันการลงทุน ไปจนถึงบริการธนาคารรูปแบบใหม่ นี่คือวิธีที่การธนาคารแบบเปิดมีส่วนช่วยพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน

  • ส่งเสริมการแข่งขัน: โดยทั่วไปแล้ว ภาคการเงินจะถูกครอบงำโดยธนาคารขนาดใหญ่ที่ก่อตั้งมานาน ซึ่งมีอำนาจควบคุมข้อมูลทางการเงินของลูกค้าอย่างเต็มที่ การธนาคารแบบเปิดจะช่วยให้บริษัทขนาดเล็กและผู้ประกอบการรายใหม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ ทำให้พวกเขามีโอกาสแข่งขันกับธนาคารขนาดใหญ่ นอกจากนี้ การธนาคารแบบเปิดยังช่วยส่งเสริมการแข่งขัน เพราะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถนำข้อมูลของตนไปยังธุรกิจอื่นได้หากไม่พอใจกับบริการที่ได้รับ สิ่งนี้กดดันให้สถาบันการเงินต้องปรับปรุงข้อเสนอและคิดค้นโซลูชันต่างๆ เพื่อรักษาและดึงดูดลูกค้า

  • ส่งเสริมความร่วมมือ: การธนาคารแบบเปิดช่วยให้ธนาคารและบริษัทฟินเทคทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แทนที่จะมองกันเป็นเพียงคู่แข่ง องค์กรเหล่านี้สามารถร่วมมือกันเพื่อผสานจุดแข็งของตนเข้าด้วยกัน ความร่วมมือเช่นนี้สามารถนำไปสู่การพัฒนาบริการใหม่ๆ ที่อาจเป็นไปไม่ได้หากแต่ละฝ่ายร่วมมือกันเพียงลำพัง

  • ยกระดับประสบการณ์ผู้บริโภค: ด้วยการธนาคารแบบเปิด บริษัทต่างๆ สามารถใช้การเข้าถึงข้อมูลทางการเงินนี้เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้นที่นำไปสู่บริการที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลมากขึ้น ตัวอย่างเช่น แอปอาจวิเคราะห์รูปแบบการใช้จ่ายของผู้ใช้และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการออมเงิน หรือแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้

  • ขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี: การใช้การแบ่งปันข้อมูลทางการเงินของการธนาคารแบบเปิดได้ช่วยผลักดันให้ภาคเทคโนโลยีพัฒนามาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้น เช่น เทคนิคการเข้ารหัสขั้นสูงและวิธีการตรวจสอบสิทธิ์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ความต้องการในการจัดการข้อมูลปริมาณมากยังช่วยพัฒนาเทคโนโลยีการประมวลผลและการจัดการข้อมูลอีกด้วย

เนื้อหาในบทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปและมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ควรใช้เป็นคําแนะนําทางกฎหมายหรือภาษี Stripe ไม่รับประกันหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ หรือความเป็นปัจจุบันของข้อมูลในบทความ คุณควรขอคําแนะนําจากทนายความที่มีอํานาจหรือนักบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในเขตอํานาจศาลเพื่อรับคําแนะนําที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณ

หากพร้อมเริ่มใช้งานแล้ว

สร้างบัญชีและเริ่มรับการชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร หรือติดต่อเราเพื่อสร้างแพ็กเกจที่ออกแบบเองสำหรับธุรกิจของคุณ
Connect

Connect

ใช้งานจริงภายในไม่กี่สัปดาห์แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายไตรมาส สร้างธุรกิจการชำระเงินที่สร้างผลกำไร และขยายธุรกิจได้อย่างง่ายดาย

Stripe Docs เกี่ยวกับ Connect

ดูวิธีกำหนดเส้นทางการชำระเงินระหว่างหลายฝ่าย