ทำไมคุณจึงเลือกมาทำงานที่ GovTech และอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณจัดตั้งทีม Open Government Products
ประมาณ 10 ปีก่อน ผมออกจาก Google เพื่อมาทำงานกับรัฐบาลสิงคโปร์ ผมก่อตั้งทีม Open Government Products ของ GovTech เกือบ 5 ปีมาแล้วด้วยการสร้างเทคโนโลยีโอเพนซอร์สเพื่อแก้ปัญหาในภาครัฐของสิงคโปร์ด้วยทีมที่ประกอบด้วยวิศวกร นักออกแบบ และผู้จัดการผลิตภัณฑ์ภายในรัฐบาล จากประสบการณ์ของผมที่ Google ผมทราบว่ามีปัญหามากมายที่บริษัทเทคโนโลยีกำลังแก้ไขทั้งในส่วนระบบขนส่ง การเงิน การศึกษา และการดูแลสุขภาพ แต่รัฐบาลก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดรับนวัตกรรมนั้น ความท้าทายนอกจากนี้ก็คือ คนมีความสามารถจำนวนมากอยากทำงานกับบริษัทเทคโนโลยีเอกชนมากกว่าทำงานกับรัฐ
ผมอยากนำเทคโนโลยีและความมีประสิทธิภาพที่มักจะพบในภาคเอกชนมาสู่ภาครัฐ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชักนำผมให้มาทำงานที่ GovTech เป้าหมายของผมคือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ตลอดจนลดความเสี่ยง ส่งเสริม และสาธิตโมเดลทางเลือกสำหรับวิธีการทำงานของภาครัฐและเทคโนโลยี
การทำงานในภาคเอกชนกับภาครัฐมีความแตกต่างกันอย่างไร
ในภาคเอกชน โดยทั่วไปจะมีทรัพยากรจำนวนมาก ตั้งแต่ทีมวิจัยไปจนถึงนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันสูงซึ่งส่งผลให้บริษัทต่างๆ ต้องเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจของตนและพยายามปฏิบัติงานอย่างมีไหวพริบและชั้นเชิง บริษัทเอกชนมีความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของตนอย่างชัดเจนและเจาะจงกว่า ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของตนได้
ในภาครัฐ กฎระเบียบของรัฐบาลนั้นใช้รองรับกลุ่มคนขนาดใหญ่ที่มีความหลากหลายเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามกฎหมายเหล่านี้ และเนื่องจากความท้าทายมักจะเป็นแบบกระจายจากศูนย์กลาง ตั้งแต่การจัดหาวัคซีนไปจนถึงการจอดรถหรือโครงสร้างพื้นฐาน ทีมของรัฐบาลจึงมีการจัดโครงสร้างแตกต่างกันออกไป บางครั้งโครงสร้างเช่นนี้อาจทำให้หน่วยงานรู้สึกไม่มีอำนาจและทำงานได้ช้า เช่น อาจต้องใช้เวลา 3 เดือนเพียงเพื่อหาอุปกรณ์ใหม่เพราะต้องผ่านกระบวนการจัดซื้อ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีสิทธิ์และอำนาจที่จะแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ที่ส่งผลต่อผู้คนนับล้าน และผลลัพธ์ของงานดังกล่าวก็มีผลในระดับสูงกว่าเป็นทวีคูณ
คุณดึงดูดและรักษาผู้ที่มีความสามารถอย่างไร
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของรัฐบาลก็คือการคิดไปเองว่าคนเก่งจะมาหาคุณเอง การจัดหาบุคลากรเป็นกีฬาที่ต้องเข้าใจกันอย่างชัดเจน จะต้องมีการสร้างเครือข่ายและกิจกรรมเพื่อเพิ่มการรับรู้ เราพยายามที่จะสื่อสารถึงความต้องการและเมตริกวัดผลของเราอย่างชัดเจนและเจาะจงตั้งแต่กระบวนการคัดเลือก แทนที่จะจ้างคนเพียงเพราะมีความสามารถ เมื่อมีความเข้าใจกันเช่นนี้ คุณจะสามารถค้นหาผู้สมัครที่เหมาะสมที่จะตอบโจทย์ความต้องการได้พอดี
เป้าหมายของผมคือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ตลอดจนลดความเสี่ยง ส่งเสริม และสาธิตโมเดลทางเลือกสำหรับวิธีการทำงานของภาครัฐและเทคโนโลยี
คุณคิดว่าทีมของคุณก่อให้เกิดผลลัพธ์มากที่สุดในด้านใด
มีกลยุทธ์ 2 อย่างที่มีบทบาทเป็นอย่างมากในผลลัพธ์ของเรา อย่างแรกก็คือ ในการที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดี เราจะต้องดูช่องโหว่ในระบบราชการเพื่อมองหาโอกาส ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดไม่ได้อยู่ที่ตัวเทคโนโลยี แต่อยู่ที่การหามติร่วมกันว่าเราจะนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ที่จุดใดในการปฏิบัติงาน
กลยุทธ์ข้อที่สองเน้นที่การแก้ไขปัญหาที่เราทุกคนต่างก็พบในระดับเล็กลงมาซึ่งสามารถขยายเพื่อไปปิดช่องว่างในที่อื่นๆ ได้ ตัวอย่างเช่น เราทำงานกับ Stripe เพื่อปรับปรุงการเปลี่ยนระบบจอดรถให้เป็นดิจิทัล ซึ่งช่วยให้เราสร้างและทดลองใช้แบบฟอร์มร้องเรียนดิจิทัลสำหรับรถโดยสารในเครือข่ายระบบขนส่งของเราได้ จากนั้นเราขยายการใช้งานแบบฟอร์มนี้ไปสู่โรงเรียนและเครื่องมือประหยัดพลังงานสำหรับย่านต่างๆ เราพบว่าผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราไม่ใช่การทลายกำแพงของปัญหาใหญ่ในสังคม แต่เป็นการตั้งมั่นในจุดยืนที่เราสามารถสร้างเทคโนโลยีที่ส่งผลดีต่อทุกคน
ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในด้านเทคโนโลยีที่คุณกำลังแก้ไขในสิงคโปร์คืออะไร
ความท้าทายที่สำคัญคือการรับมือกับกลโกงไม่ว่าจะมาในรูปแบบข้อความหรือโทรศัพท์ ทั้งในระดับผู้บริโภคและระดับโครงสร้างพื้นฐาน เรากำลังพยายามกำจัดขบวนการเหล่านี้ แต่นี่เป็นความพยายามที่กำลังดำเนินการอยู่ นอกจากนี้เรายังกำลังพยายามลดความซับซ้อนของโลจิสติกส์ที่รัฐบาลสิงคโปร์ใช้ในการจัดสรรเงินให้แก่ประชาชน เราต้องการกระจายเงินอุดหนุนให้แก่ทุกคนด้วยความราบรื่น
สาธารณสุขก็เป็นอีกจุดที่เรามุ่งเน้น ตัวอย่างหนึ่งก็คือการขยายความพยายามของเราเพื่อต่อยอดจากบทเรียนในการทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ได้มากขึ้น เราต้องการขยายผลเทคโนโลยีเดียวกันกับที่ใช้ในการจองนัดฉีดวัคซีนออนไลน์เพื่อช่วยให้ประชาชนจองเข้ารับการตรวจรักษาอื่นๆ ได้ทั้งหมด
คุณสนับสนุนให้ทีมของคุณสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างไร
คุณไม่สามารถบอกวิธีสร้างนวัตกรรมได้ แต่คุณต้องให้พื้นที่ในการทดลองนวัตกรรม
ในฐานะผู้จัดการ ผมจะใช้เวลาของคนในทีมเพียง 2 ใน 3 เพื่อให้พวกเขามีเวลาและความอิสระที่จะค้นหาว่าสิ่งใดมีนวัตกรรมและส่งผลลัพธ์มากที่สุด วิธีนี้ช่วยให้ทีมของผมมีความคิดสร้างสรรค์และสามารถมองหาโอกาสที่คงจะหาไม่เจอจากที่อื่น จากนั้นทุกๆ 6 เดือน เราจะมาดูกันว่าสิ่งใดใช้ได้ผลและสิ่งใดต้องปรับปรุง
เราพบว่าผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราไม่ใช่การทลายกำแพงของปัญหาใหญ่ในสังคม แต่เป็นการตั้งมั่นในจุดยืนที่เราสามารถสร้างเทคโนโลยีซึ่งส่งผลดีต่อทุกคน
GovTech และ Stripe ทำงานร่วมกันอย่างไร
เราได้เรียนรู้ว่าซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดคือซอฟต์แวร์ที่ผ่านการทดลอง ทดสอบ และสามารถเชื่อมต่อการทำงานได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว เราทำงานกับ Stripe ในโครงการ GovTech หลากหลายด้านเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนให้กับประสบการณ์ดิจิทัลสำหรับประชาชน ตัวอย่างเช่น การใช้ Stripe Checkout ช่วยให้เราเปิดตัวบริการได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้โดยที่ไม่ต้องใช้วิศวกรทั้งทีมมาสร้างทุกอย่างตั้งแต่แรก การทำงานร่วมกันช่วยให้เราเดินหน้าได้รวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ใช้งานข้อมูลที่ละเอียดอ่อนด้วยความระมัดระวังอย่างสมเหตุสมผล
คุณคิดว่าการทำงานร่วมกับ Stripe จะมีทิศทางเป็นอย่างไรในอนาคต
เราใช้ Stripe เพราะช่วยประหยัดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผม เราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการรับบัตรเครดิตต่างๆ และสามารถหันมามุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาใหญ่ของประชาชนของเราแทนโดยที่เราวางใจให้ Stripe ปิดช่องว่างให้กับเรา ผลที่ได้ก็คือ งานของเราเสร็จเร็วขึ้นและได้ผลงานที่ดีขึ้นโดยตรงเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากเมื่อเราทำงานให้กับภาครัฐ
เราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการรับบัตรเครดิตต่างๆ และสามารถหันมามุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาใหญ่ของประชาชนแทน เพราะเราวางใจให้ Stripe ช่วยปิดช่องว่างต่างๆ