CEO ของ Opus พูดถึงการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับลูกค้าผ่านการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

Opus คือบริษัทให้คำปรึกษาชั้นนำที่ช่วยให้บริษัทต่างๆ ปรับเปลี่ยนระบบการชำระเงินที่ดีที่สุดในตลาดและเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล การชำระเงินข้ามพรมแดน แพลตฟอร์มการจัดการบัตร และอื่นๆ อีกมากมาย Opus Consulting มีประสบการณ์กว่า 25 ปีและมีสำนักงานอยู่ใน สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา และอินเดีย โดยทำงานกับธนาคาร ผู้ประมวลผล แพลตฟอร์มฟินเทค และผู้ให้บริการชำระเงินรายใหญ่มากมาย

เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ TM Praveen CEO ของ Opus เกี่ยวกับการให้ความสำคํญกับดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของบริษัท หลักการสำคัญในการเป็นผู้นำ และเหตุผลที่ Opus เป็นพาร์ทเนอร์กับ Stripe

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้

    Partner Ecosystem
ทั่วโลก
การเติบโต

คุณสนับสนุนธุรกิจต่างๆ มากว่า 25 ปีแล้ว Opus ทำอย่างไรจึงรักษามาตรฐานความเป็นเลิศเอาไว้ได้เมื่อบริษัทต่างๆ หันมาทำธุรกิจออนไลน์กันมากขึ้น

เมื่อบริษัทต่างๆ หันมาทำธุรกิจออนไลน์กันมากขึ้นและมีการเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัลกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เราสามารถมอบคุณค่าให้กับลูกค้าได้มากขึ้นโดยการให้ความสำคัญกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่ตอบโจทย์ของลูกค้าจริงๆ ซึ่งรวมถึงการออกและการจัดการบัตรชำระเงินประเภทต่างๆ พร้อมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกด้านการประมวลผลการชำระเงินผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งตู้ ATM หน้าร้าน บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และทางออนไลน์

นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมงานกับแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่หลายรายที่ให้บริการแก่ผู้ค้า เพื่อช่วยพวกเขาสร้างฟังก์ชันดิจิทัล ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงธุรกิจฟินเทคใหม่ๆ ที่ต้องการโซลูชันสำหรับนำผู้ค้าเข้ามาใช้งานแพลตฟอร์มของตัวเองและเข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้น

ความท้าทายที่ Opus ต้องเข้าไปช่วยลูกค้ารับมืออยู่บ่อยๆ ได้แก่อะไรบ้าง

สิ่งที่เราเชี่ยวชาญคือ ความเป็นเลิศทางเทคนิคและการมุ่งเน้นการดำเนินงานอย่างเต็มที่

ธุรกิจต่างๆ เลือกร่วมงานกับ Opus เพราะอยากได้ระบบนิเวศเพื่อการชำระเงินที่เป็นนวัตกรรมและเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งเอื้อต่อการพัฒนาฟังก์ชันการทำงานที่สามารถพลิกโฉมตลาดได้ ลูกค้าของเรามองหาวิธีลดความยุ่งยากในการทำงานกับสถาปัตยกรรมการชำระเงินแบบดั้งเดิมและแอปพลิเคชันแบบเก่า รวมไปถึงการผสานการทำงานระบบการชำระเงินแบบใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูง

เราเพิ่มประสิทธิภาพให้กับลูกค้าด้วยผลลัพธ์ด้านการชำระเงินในส่วนสำคัญ และช่วยให้พวกเขานำโซลูชันดิจิทัลมาใช้งาน ซึ่งจะทำให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์รุ่นต่อไปได้สำเร็จและกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าให้แน่นแฟ้นมากขึ้น ผลลัพธ์ก็คือ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เราสามารถขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างในโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขนาดใหญ่ได้

แล้วคุณมีวิธีเลือกพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีมาร่วมงานอย่างไรบ้าง

การได้พาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมช่วยให้เราบรรลุวัตถุประสงค์และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปได้สำเร็จ

เราทำงานกับพาร์ทเนอร์หลายรายที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีประสบการณ์ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จในระบบนิเวศการชำระเงิน ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทนวัตกรรมที่คำนึงถึงลูกค้าเป็นหลัก รวมทั้งพัฒนาและปรับตัวอย่างต่อเนื่องโดยการสร้างสินค้าและบริการอิงตามประสบการณ์ของลูกค้า

คุณจะอธิบายแนวทางการเป็นผู้นำของตัวเองอย่างไรในส่วนของการสร้างทีมงานที่โฟกัสกับการสนับสนุนลูกค้าด้วยวิธีการใหม่ๆ อยู่เสมอ

Opus มีหลักการเชิงกลยุทธ์อยู่จำนวนหนึ่งที่ใช้ขับเคลื่อนความรับผิดชอบในการเป็นผู้นำและเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า

หากต้องการเติบโตในโลกออนไลน์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างอย่างทุกวันนี้ คุณต้องส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องในสถานที่ทำงานเพื่อเตรียมองค์กรให้พร้อมสำหรับอนาคต

อีกอย่างหนึ่งคือ เราเชื่อว่ากุญแจสำคัญอยู่ที่การร่วมมือกัน และความคล่องตัวก็เป็นหัวใจหลักของทุกสิ่งที่เราทำ ตั้งแต่แนวทางของโปรเจ็กต์ ไปจนถึงวัฒนธรรมองค์กรโดยรวม

อีกอย่างหนึ่ง ผมยังเชื่อมั่นในการให้อำนาจแก่พนักงานด้วย เพราะหลายครั้งที่เราพบว่าพนักงานที่ได้รับอนุญาตให้ตัดสินใจด้วยตัวเองจะทุ่มเททำงานมากกว่าความคาดหวังจนเอาชนะใจลูกค้าประจำได้สำเร็จและทำให้ธุรกิจเติบโตเป็นเท่าทวีคูณ

คุณมีวิสัยทัศน์อย่างไรเกี่ยวกับอนาคตของ Opus

ในบรรดาบทเรียนมากมายจากโรคระบาด สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้ก็คือ ลูกค้าสมควรมีผลิตภัณฑ์การชำระเงินที่หลากหลายมากที่สุด ซึ่งการที่เรามีความเชี่ยวชาญทางการเงินเป็นพิเศษ ทำให้เราพร้อมจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัลและนวัตกรรมการชำระเงินต่อไป

สำหรับอนาคต เป้าหมายของเราเรียบง่ายมากครับ เราจะพยายามมอบบริการและโซลูชันด้านการชำระเงินและผลิตภัณฑ์ดิจิทัลด้วยคุณภาพ ความยืดหยุ่น และความเป็นมืออาชีพในระดับสูงสุด เราอยากจะเป็นพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์ให้กับแบรนด์ที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในอุตสาหกรรมการชำระเงิน

แนวโน้มสำคัญ 3 อันดับแรกที่คุณคิดว่าจะส่งผลต่ออนาคตของการค้าทางออนไลน์และการชำระเงินของลูกค้าที่คุณให้บริการ ได้แก่อะไรบ้าง

ในอนาคต เรามองเห็นแนวโน้ม 3 อย่างดังต่อไปนี้

  • การต่อยอดเทรนด์ที่เกิดขึ้นระหว่างโรคระบาด ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ราบรื่นสำหรับลูกค้า การเพิ่มประสิทธิภาพค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและการปฏิบัติตามข้อกำหนด และการควบคุมการฉ้อโกงและความเสี่ยงที่เข้มงวดมากขึ้น
  • ลูกค้าคาดหวังว่าจะมีวิธีการชำระเงินแบบซ้อนทับและอิงตามบริบทที่มีความราบรื่น โดยต้องการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานของระบบการชำระเงินอย่างเช่นการชำระเงินแบบเรียลไทม์หรือเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย ฯลฯ เพื่อให้มอบคุณค่าแก่ลูกค้าปลายทางได้มากขึ้น บริการแบบซ้อนทับไม่เพียงช่วยเสริมขีดความสามารถในการประมวลผลการชำระเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่อยู่ในระบบนิเวศ โดยจะช่วยขยายขอบเขตการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและความแพร่หลายของบริการการชำระเงินในทันที ที่จริงสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วครับ เช่น ตอนคุณเห็นผู้ใช้ TikTok ทำการซื้อโดยตรงโดยไม่ต้องออกจากแอปเลย
  • เมื่อมีตัวเลือกและนวัตกรรมเข้าสู่ตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ การทำงานร่วมกันของระบบจึงสำคัญมาก ทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกค้าปรับตัวและนำมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น การชำระเงินในเมตาเวิร์สและโลกจริงจะต้องทำงานด้วยกันได้อย่างราบรื่น ในทำนองเดียวกัน คริปโตเคอเรนซีและโปรโตคอลต่างๆ จะต้องทำงานเข้ากันได้ดีและรองรับช่องทางของเงินตราด้วย

ลูกค้าของคุณต้องการบริการแบบไหนในช่วงที่เกิดโรคระบาด

โรคระบาดทำให้การเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัลกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ในปัจจุบันสำหรับองค์กรที่ให้บริการทางการเงิน

ข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานแบบเก่า ข้อกำหนดทางกฎหมายที่ซับซ้อน มาร์เก็ตเพลสที่แข่งขันกันอย่างร้อนแรง และความคาดหวังของลูกค้าที่เปลี่ยนไปจากเดิม คือตัวอย่างของแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทต่างๆ ต้องลงทุนเปลี่ยนมาใช้ระบบการชำระเงินแบบดิจิทัล

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือลูกค้ามองหาประสบการณ์บนโลกออนไลน์ที่ราบรื่นและครบถ้วนบนทุกช่องทางในแบบที่ลูกค้าปลายทางต้องการ เช่น การโอนเงินแบบเรียลไทม์ การชำระเงินแบบไร้สัมผัส BNPL และประสบการณ์อื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน

คุณคิดว่าธุรกิจและลูกค้าจะเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์กันมากขึ้นหรือไม่

ใช่ครับ โรคระบาดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอุตสาหกรรมการค้า ลูกค้าบางรายเปลี่ยนมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคทางออนไลน์ และไม่คิดจะกลับไปซื้อสินค้าจากหน้าร้านอีกเลย

สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วทั้งระบบนิเวศทางการค้า ตั้งแต่รูปแบบการซื้อ นิสัยการใช้จ่าย ไปจนถึงการเลือกวิธีการชำระเงิน

เนื่องจากเราเองก็เป็นผู้เล่นในอุตสาหกรรมนี้เช่นกัน เราจึงต้องนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้งานเพื่อลดความซับซ้อนในทางการค้าลง และมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้อง

คุณคิดว่า Stripe และ Opus มีความสอดคล้องกันอย่างไรบ้างในแง่ของการคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญและค่านิยมต่างๆ

Stripe เข้ามาเติมเต็มช่องว่างส่วนสำคัญในระบบนิเวศการชำระเงินและปรับตัวให้เข้ากับประสบการณ์และความคาดหวังของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา

ในทำนองเดียวกัน Opus ก็ให้ความสำคัญกับการออกแบบอนาคตของเทคโนโลยีการชำระเงิน

สิ่งที่เราเชี่ยวชาญสามารถเติมเต็มให้กับ Stripe ได้เป็นอย่างดี โดยเราจะปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์และฟังก์ชันของ Stripe ให้เหมาะกับลูกค้าและช่วยสนับสนุนลูกค้าบนแพลตฟอร์ม Stripe โดยใช้กระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ความเชี่ยวชาญและความชำนาญของเราในการช่วยให้ผู้ค้าได้รับข้อมูลและประมวลผลข้อมูลจะทำให้ลูกค้า B2B และ B2C ปรับใช้งาน Stripe ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า นอกจากนี้ เรายังสามารถเปลี่ยนระบบการชำระเงินของลูกค้าให้ทันสมัยเพื่อให้พวกเขาได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ Stripe อย่างเต็มที่ด้วย

Stripe ช่วยให้ Opus บรรลุเป้าหมายได้อย่างไร

การร่วมมือกับ Stripe เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการช่วยเหลือลูกค้าในวงกว้าง

โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยของ Stripe ไม่เพียงตรงตามมาตรฐานที่เข้มงวดของลูกค้า แต่ยังช่วยให้ลูกค้านำไปใช้งานได้ง่าย ร่นเวลาในการเข้าสู่ตลาด และลดค่าใช้จ่ายลง กล่าวได้ว่า Stripe ก้าวนำหน้าอยู่เสมอถ้าเป็นเรื่องความต้องการของลูกค้า

การเปิดตัว Stripe Partner Ecosystem ล่าสุด ทำให้ตอนนี้เราเข้าถึงข้อมูลการสนับสนุนด้านการขายที่ช่วยเร่งการเติบโตของธุรกิจได้ ยิ่งไปกว่านั้น กระบวนการรับรองของ Stripe ยังเป็นแผนงานที่ยอดเยี่ยมมาก ซึ่งนักพัฒนาของ Opus ก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกๆ ที่ผ่านการรับรอง

ในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ เราจะได้เข้าร่วมฟอรัมสนทนาแบบพบหน้ากับพาร์ทเนอร์และเซสชันสร้างเครือข่ายกับ Stripe ครับ ซึ่งกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมในชุมชนเหล่านี้เป็นวิธีที่ดีมากในการขยายการดำเนินงานของเราไปยังองค์กรอื่นๆ ที่ต้องการประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นกว่าเดิม

Stripe และ Opus จะร่วมมือกันต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไรเพื่อประโยชน์ของลูกค้าจากทั้งสองฝ่าย

การร่วมมือกันเป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน แต่ละฝ่ายต่างก็มีผลิตภัณฑ์หลักของตัวเองที่พัฒนาต่อยอดได้ ในขณะเดียวกันก็พึ่งพาอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้สามารถมอบโซลูชันแบบครบวงจรที่น่าสนใจให้แก่ลูกค้า

การร่วมมือกันของเราเป็นการนำความเชี่ยวชาญด้านการชำระเงินที่ Opus สั่งสมมาถึง 25 ปีมาผสมผสานกับผลิตภัณฑ์ของ Stripe เช่น Sigma, API การชำระเงิน โซลูชันการออกบัตร กระเป๋าเงินออนไลน์ และอื่นๆ อีกมากมาย

เมื่อรวมความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน เราก็จะได้เห็นนวัตกรรมการชำระเงินที่แข็งแกร่งในสหรัฐอเมริกาครับ

รู้เสมอว่าคุณต้องจ่ายเท่าไร

ค่าบริการต่อธุรกรรมที่รวมไว้หมดแล้วโดยไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

เริ่มต้นผสานการทำงาน

เริ่มใช้งาน Stripe ได้ภายใน 10 นาที