ช่วยเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมาของ Bloomerang หน่อยได้ไหม
ผมกับผู้ร่วมก่อตั้งได้ทำงานในแวดวงเทคโนโลยีสำหรับองค์กรไม่แสวงผลกำไรมาหลายสิบปี ซึ่งตอนนั้นการบริจาคเงินทางออนไลน์ได้รับความนิยม แต่ผู้บริจาคกลับได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีจนทำให้มีอัตราการรักษาผู้บริจาคต่ำเพียง 40% และลดลงเรื่อยๆ เราสังเกตว่ามีโอกาสเปิดตัวซอฟต์แวร์ในตลาด ซึ่งจะช่วยเหลือองค์กรไม่แสวงผลกำไรได้จริง จึงสร้าง Bloomerang เพื่อจุดประสงค์ในการช่วยให้ผู้คนสนับสนุนการกุศลที่ชื่นชอบได้ และช่วยให้องค์กรไม่แสวงผลกำไรเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริจาค ตลอดจนรักษาจำนวนผู้บริจาคได้มากขึ้น
ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดสำหรับองค์กรไม่แสวงผลกำไรและผู้บริจาคคืออะไร
ถ้าให้สรุปก็คือการหาวิธีที่จะช่วยให้พนักงานมีเวลามากขึ้น เจ้าหน้าที่ในแวดวงองค์กรไม่แสวงผลกำไรมีความกระตือรือร้นและความเชี่ยวชาญที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนโลก บุคคลกลุ่มนี้จึงพยายามทำงานหนักขึ้นและสร้างผลลัพธ์ที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความท้าทายคือการที่องค์กรไม่แสวงผลกำไรหลายแห่งขาดแคลนบุคลากรหรือไม่มีเครื่องมืออย่าง Bloomerang หรือ Stripe สำหรับทำงานธุรการ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่เราทำได้คือการมอบเครื่องมือและทรัพยากรที่ใช้งานง่ายและไม่ซับซ้อนซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาให้องค์กรเหล่านี้
ความท้าทายอีกอย่างที่องค์กรไม่แสวงผลกำไรต้องเผชิญก็คืออัตราการลาออกที่สูงมาก พนักงานมีระยะเวลาการทำงานเฉลี่ยเพียง 16 เดือน หากต้องรับพนักงานใหม่ทุกๆ 16 เดือน ข้อมูลที่ป้อนเข้ามาในระบบและข้อมูลใช้งานทุกวันก็จะต้องสอดคล้องกัน องค์กรควรจะเชื่อถือข้อมูลที่ตนใช้ได้ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่ดีที่สุดในขณะทำพันธกิจให้สำเร็จ และ Bloomerang ก็สามารถช่วยเหลือได้ในจุดนี้
การพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับผู้บริจาคแตกต่างจากการพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซประเภทอื่นอย่างไร
ธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะเน้นที่ธุรกรรมเป็นหลัก คุณไม่จำเป็นต้องมอบอะไรให้ลูกค้านอกจากใบเสร็จ ลูกค้าสามารถชำระเงิน รับอีเมลยืนยัน รับสินค้าที่สั่ง จากนั้นก็ถือว่าธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์
แต่ในโลกขององค์กรไม่แสวงผลกำไร คุณต้องมอบสิ่งที่มากกว่าแค่ใบเสร็จให้แก่ผู้บริจาค คนกลุ่มนี้ไม่เพียงบริจาคเงินให้กับองค์กร แต่ยังมอบความไว้วางใจด้วย ดังนั้นจึงไม่ต้องการแค่ใบเสร็จที่ระบุยอดบริจาค แต่ยังต้องแน่ใจด้วยว่าการบริจาคนั้นจะก่อให้เกิดผลตามที่ตนมุ่งหวัง
การที่จะตอบโจทย์ข้อนี้ได้ องค์กรไม่แสวงผลกำไรจะต้องดำเนินการเพิ่มเติมและชี้แจงว่าเงินบริจาคเหล่านี้จะช่วยก่อให้บรรลุพันธกิจได้จริง ตัวอย่างเช่น เราช่วยให้องค์กรไม่แสวงผลกำไรปรับแต่งและใช้ระบบอัตโนมัติกับจดหมายขอบคุณรวมถึงอีเมลที่ส่งให้ผู้บริจาคได้ง่ายขึ้น องค์กรสามารถนำเวลาไปชี้แจงว่าจะนำเงินบริจาคเหล่านี้ไปใช้อย่างไร แทนที่จะต้องเสียเวลาไปกับงานที่มีแบบแผนเช่นนี้ ซึ่งการส่งข้อความว่า "ขอบคุณที่บริจาคเงิน 50 ดอลลาร์สหรัฐ" กับ "เงินบริจาคจำนวน 50 ดอลลาร์สหรัฐของคุณ ซื้ออาหาร 12 มื้อให้ครอบครัวในยูเครนได้"
และนี่คือตัวอย่างหนึ่งเกี่ยวกับวิธีที่เราสร้าง Bloomerang ขึ้นมา โดยยึดแนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับการระดมทุน ซึ่งก็คือการย้ำให้ผู้บริจาคเข้าใจว่าตนกำลังสร้างผลลัพธ์ที่สำคัญนั่นเอง
คุณสร้างประสบการณ์ที่เรียบง่ายนี้ได้อย่างไร
เด็กๆ จะชอบตั้งคำถามว่า "ทำไม" ซึ่งเราทำงานโดยอิงจากความสงสัยนี้ เราเชื่อว่าควรคาดการณ์คำถามและคำตอบของหน่วยงานระดมทุนให้ได้ก่อนที่ลูกค้าจะถาม ซึ่งบางครั้งเราจำเป็นต้องเชื่อมต่อระบบกับพาร์ทเนอร์อย่าง Stripe เพื่อช่วยให้สร้างประสบการณ์ด้านการบริจาคที่ง่ายดาย เราเน้นที่การหาผู้บริจาครายใหม่ การรักษาผู้บริจาครายเดิม และการมีส่วนร่วมกับคนกลุ่มนี้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้คือที่มาของการสร้างประสบการณ์ที่เรียบง่าย และช่วยประหยัดเวลาให้แก่องค์กรไม่แสวงผลกำไร
คุณสร้าง Bloomerang ในรัฐอินดีแอนา ไม่ใช่ซิลิคอนแวลลีย์ ลองเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลบริษัทขนาดใหญ่ในภูมิภาคตะวันตกตอนกลางให้เราฟังหน่อย
อินดีแอนาโพลิสเป็นชุมชนด้านเทคโนโลยีที่เฟื่องฟูมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ในช่วงต้นปี 80 รัฐบาลของรัฐนี้ได้ช่วยอัดฉีดเงินทุนเพื่อพลิกโฉมเมืองอุตสาหกรรมการผลิตให้เป็นอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ผ่านการลงทุนในหุ้น IPO ครั้งแรก จนกลายเป็น Software Artistry โครงการนี้ช่วยปูทางให้บริษัทอื่นๆ อย่าง ExactTarget (ขณะนี้คือ Salesforce Marketing Cloud), Interactive Intelligence (Genesys), Aprimo และ Angie’s List (ขณะนี้คือ Angi) รัฐแห่งนี้มีความเป็นมาที่น่าสนใจมากๆ อีกทั้งยังเป็นชุมชนของผู้สร้างบริษัทเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่และมีคุณค่า
โครงสร้างพื้นฐานและการสนับสนุนในรัฐอินดีแอนาโพลิสนี้เป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่ช่วยให้ Bloomerang ประสบความสำเร็จ และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุณก็สร้างเทคโนโลยีเจ๋งๆ รวมถึงสร้างผลลัพธ์ให้โลกได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในซิลิคอนแวลลีย์
ก้าวต่อไปของ Bloomerang คืออะไร
ทุกวันนี้เราสามารถสนับสนุนองค์กรไม่แสวงผลกำไรกว่า 14,000 แห่งที่ช่วยสร้างโลกแห่งการให้ หากถามว่าเรามองอนาคตของ Bloomerang ไว้ว่าอย่างไร ก็คงต้องตอบว่าเราเน้นการเพิ่มฟีเจอร์และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยประหยัดเวลาให้แก่เจ้าหน้าที่ขององค์กรไม่แสวงผลกำไร เพื่อให้ทำงานด้านการระดมทุนได้เต็มที่ พันธกิจของเราคือการช่วยให้ระดมทุนได้ง่ายขึ้น การรักษาความสัมพันธ์กับผู้บริจาค และการสนับสนุนให้องค์กรไม่แสวงผลกำไรเติบโตได้ ซึ่งพันธกิจนี้สามารถบ่งบอกถึงก้าวต่อไปได้เป็นอย่างดี
คุณยึดหลักการอะไรเมื่อพัฒนานวัตกรรม
นวัตกรรมคือหนึ่งในคุณค่าหลักของพวกเราที่ Bloomerang ดังนั้น เมื่อนึกถึงอนาคต เราจะคิดถึงสิ่งที่เราสามารถให้ได้ เพื่อช่วยให้องค์กรรักษาผู้บริจาคได้มากขึ้น เราทราบดีว่าความเข้าใจในข้อมูลถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เข้าใจผู้บริจาคและเข้าใจถึงความเอื้อเฟื้อของพวกเขาด้วย เราทำงานทุกอย่างโดยยึดการรักษาผู้บริจาคเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้องค์กรจัดระเบียบข้อมูล วัดผลข้อมูลได้สะดวก ไปจนถึงการนำข้อมูลไปดำเนินการจริงเพื่อเพิ่มอัตราการรักษาผู้บริจาคและการมีส่วนร่วม
คุณจะอธิบายรูปแบบการเป็นผู้นำของตัวเองว่าอย่างไร
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจความรู้สึก ถ้าลองนึกว่าตัวเองเจอสถานการณ์แบบนั้น และเข้าใจความรู้สึกที่ต้องเผชิญ ผมก็จะมอบโซลูชันที่ตอบโจทย์ได้
เมื่อคิดว่า Bloomerang จะปรับปรุงบริการที่ให้กับตลาดได้อย่างไร ผมก็ต้องนึกถึงพนักงานที่ผมดูแล นึกถึงวิธีที่จะสนับสนุนพวกเขาให้ดียิ่งขี้น และวิธีที่พนักงานเหล่านี้จะบรรลุพันธกิจได้มากขึ้น ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้ทำงานร่วมกับคนใน Bloomerang ที่มีความมุ่งมั่นและเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น รวมถึงชื่นชมผลงานของกันและกันได้อย่างดีเยี่ยม ผมรู้สึกขอบคุณมากๆ ที่ได้ทำงานร่วมกับคนเหล่านี้
อนาคตของการบริจาคออนไลน์จะเป็นไปอย่างไร
ผมเชื่อว่าอนาคตของการบริจาคออนไลน์คือข้อมูล และคือการบอกให้หน่วยงานระดมทุนและผู้บริจาคทราบว่าเงินบริจาคออนไลน์ช่วยเปลี่ยนโลกได้อย่างไร ผมคิดว่าผู้บริจาคจะต้องการประสบการณ์ที่รวมเป็นหนึ่งเดียว และการสื่อสารที่ดียิ่งขึ้นระหว่างผู้บริจาคกับองค์กรที่ตนสนับสนุน ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่เราเน้นการมอบข้อมูลที่แม่นยำและสอดคล้องกันให้แก่องค์กร เมื่อองค์กรช่วยให้ผู้บริจาคเห็นภาพได้ชัดว่าตนจะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร ผู้บริจาคกลุ่มนี้ก็จะมีแรงบันดาลใจในการให้มากขึ้น และกลับมาให้อีกในอนาคต
คุณมีวิธีเลือกพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีอย่างไร
อย่างแรกเลยคือการพิจารณาประวัติความสำเร็จและความเสถียร ข้อนี้สำคัญมากๆ เพราะลูกค้ามองเราว่าเป็นส่วนเติมเต็มของทีม หากจะแนะนำผลิตภัณฑ์หรือเชื่อมต่อระบบกับพาร์ทเนอร์ เราก็ต้องเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์หรือระบบนั้นๆ ด้วย
ความชัดเจนและเข้าใจง่ายเป็นคุณค่าหลักอีกอย่างที่เรายึดมั่น พาร์ทเนอร์ของเราจะต้องมอบเอกสารประกอบที่เข้าใจง่ายให้แก่ผู้ใช้ หน่วยงานระดมทุนจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับ API หรือวิธีการทำงานของ Bloomerang กับเครื่องมือที่ตนใช้ได้ง่ายดาย และข้อมูลนี้จะต้องเข้าใจง่ายด้วย มันอาจจะฟังดูเฉพาะทางไปหน่อย แต่ข้อนี้สำคัญมากๆ ครับ เพราะความชัดเจนและความง่ายดายคือปัจจัยที่ขาดไม่ได้ขององค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา
ข้อสุดท้ายวนกลับไปที่ความสัมพันธ์กับลูกค้าและการมอบประสบการณ์ที่สอดคล้องกัน เราต้องการพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญในการมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้า เราภูมิใจที่ได้มอบการสนับสนุนระดับโลก และต้องการให้ลูกค้าที่เรามีร่วมกันได้รับประสบการณ์ที่สอดคล้องกันด้วย หากลูกค้ามีข้อสงสัย ลูกค้าจะต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้โดยตรงและได้รับคำตอบที่ต้องการอย่างรวดเร็ว
Stripe และ Bloomerang มีจุดมุ่งหมายร่วมกันในด้านใด
เรามีเป้าหมายเดียวกันในการมอบประสบการณ์ด้านการให้ที่ราบรื่นและน่าประทับใจแก่ผู้ใช้
ทีมงานของ Stripe ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้กระบวนการด้านการบริจาครวดเร็วขึ้นและง่ายขึ้น เพื่อให้ผู้บริจาคได้มีส่วนร่วมในการให้ ณ ช่วงเวลาที่อยากให้
Stripe ช่วยให้ Bloomerang บรรลุเป้าหมายได้อย่างไรทั้งในปัจจุบันและต่อๆ ไปในอนาคต
เราใช้ Stripe มาตั้งแต่ช่วงแรกๆ และเรายินดีที่จะทำงานร่วมกันกับผู้นำด้านระบบการชำระเงินต่อไป เรามั่นใจว่าทั้งสองบริษัทจะมอบประสบการณ์ด้านการให้ที่ดีที่สุดแก่ผู้บริจาค และมอบเครื่องมือที่ช่วยให้หน่วยงานระดมทุนทำสิ่งดีๆ ได้มากยิ่งขึ้น