ความท้าทาย

ในช่วงแรก ลูกค้าของ Ignition เป็นผู้จัดการการชำระเงินด้วยตัวเอง อีกทั้งยังต้องติดตามการชำระเงินล่าช้า ซึ่งเป็นงานที่ต้องดำเนินการเองและใช้เวลานาน ผู้ร่วมก่อตั้งทั้งสองได้ช่วยให้ธุรกิจใช้ระบบอัตโนมัติกับการเรียกเก็บเงินไปพร้อมๆ กับการมอบประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นให้แก่ทั้งธุรกิจและลูกค้าที่มาใช้บริการผ่านแพลตฟอร์ม Ignition

ผู้ร่วมก่อตั้งมีวิสัยทัศน์ในการปรับปรุงกระบวนการการทำงานกับลูกค้าทั่วโลก และจำเป็นต้องใช้ผู้ให้บริการชำระเงินที่สามารถรองรับสกุลเงินและวิธีการชำระเงินท้องถิ่นที่หลากหลายได้ ขณะเดียวกันก็ต้องปรับตัวตามข้อกำหนดด้านการยืนยันการชำระเงินท้องถิ่นด้วย บริษัทเริ่มต้นโดยใช้ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินที่เชี่ยวชาญด้านการให้บริการลูกค้าในออสเตรเลีย แต่หลังจากนั้นก็มองหาผู้ให้บริการที่ช่วยในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก

โซลูชัน

ในปี 2015 Ignition ได้เชื่อมต่อระบบ Stripe Payments และ Custom Connect เข้าด้วยกันเพื่อให้บริการฟังก์ชันการชำระเงินในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ในภายหลัง โดยบริษัทเปลี่ยนไปใช้ Stripe อย่างเต็มรูปแบบเนื่องจากมีบริการชำระเงินที่สามารถเชื่อมต่อระบบได้ทั่วโลกในปี 2019 หลังจากที่ Stripe เปิดตัวการหักบัญชีอัตโนมัติแบบ ACH สำหรับการชำระเงินในออสเตรเลีย

ทุกวันนี้ Ignition ใช้ Stripe เพื่อปรับให้การเรียกเก็บเงินลูกค้าเป็นระบบอัตโนมัติ และออกใบเรียกเก็บค่าสมัครสมาชิกแพลตฟอร์มจากลูกค้า โดยลูกค้าของ Ignition ยังได้ประโยชน์จากความปลอดภัยและความเสถียรจาก Stripe ในระดับที่เหมาะกับองค์กรซึ่งได้รับการพิสูจน์มาแล้ว

Ignition ชื่นชอบที่ Stripe ให้ความสำคัญกับ API เป็นหลักและใช้วิธีการที่ง่ายสำหรับนักพัฒนาระบบ รวมถึง Connect ที่ได้รับการยอมรับว่าให้ผลลัพธ์ยอดเยี่ยมสำหรับการขยายธุรกิจไปทั่วโลก บริการนี้ช่วยให้ Ignition นำเสนอบริการชำระเงินที่สร้างขึ้นเองและเชื่อมต่อกับระบบของลูกค้าได้ไปพร้อมๆ กับการควบคุมกระแสเงินจากลูกค้า

กระบวนการเริ่มต้นใช้งาน Connect และ Identity ทำให้ Ignition รวบรวมและยืนยันข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนด "รู้จักลูกค้าของคุณ (KYC)" และข้อกำหนดด้านการชำระเงิน โซลูชันนี้ช่วยให้ Ignition ปฏิบัติตามภาระด้านกฎหมายและป้องกันการฉ้อโกงได้สำเร็จ ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ใช้ระบบพื้นฐานด้านการชำระเงินของ Stripe

หลังจากนั้น Ignition ก็ได้ใช้ Radar และ Financial Connections เพิ่มเติมจากชุดผลิตภัณฑ์ของ Stripe โดยการหักบัญชีอัตโนมัติแบบ ACH, แบบ Bacs, แบบ BECS และแบบ ACSS ที่ได้รับการอนุมัติล่วงหน้าคือตัวเลือกการชำระเงินเพิ่มเติมซึ่งลูกค้าของ Ignition สามารถรองรับได้ในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา

ผลลัพธ์

ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นและกระแสเงินสดที่คล่องตัวสำหรับลูกค้า

ขณะนี้ลูกค้าทั่วโลกใช้ Ignition เพื่อปรับให้การออกใบเรียกเก็บเงินและการรับชำระเงินเป็นแบบอัตโนมัติ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความคล่องตัวของกระแสเงินสด เพิ่มรายรับ และทำธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งตามค่าเฉลี่ยแล้ว ลูกค้าประหยัดเวลาในการออกใบเรียกเก็บเงินและส่งใบแจ้งหนี้ไปได้ถึง 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และประหยัดเวลาในการเรียกเก็บและกระทบยอดการชำระเงินได้อีก 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทำให้ลูกค้าใช้เวลาไปกับการให้บริการและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้เต็มที่ ในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มความคล่องตัวของกระแสเงินสดโดยการแก้ไขปัญหาเรื่องลูกหนี้การค้า

รายได้ที่เพิ่มขึ้นสำหรับธุรกิจการบริการทั่วโลก

แพลตฟอร์มของ Ignition ให้บริการในตลาดหลายแห่งทั่วโลก และนำเสนอบริการประมวลผลการชำระเงินในตลาด 6 แห่ง การเชื่อมต่อระบบกับ Stripe ช่วยให้ Ignition รองรับวิธีการชำระเงินได้ถึง 9 แบบในนามของลูกค้า ซึ่งบริษัททำงานร่วมกับลูกค้ามาแล้วกว่า 1.1. ล้านรายในปัจจุบัน และประมวลผลการชำระเงินของลูกค้าไปแล้วกว่า 3.6 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียนับตั้งแต่ปี 2015 การขยายการให้บริการทั่วโลกทำให้บริษัทสร้างหน่วยงานด้านการวิจัยและพัฒนาในโทรอนโตขึ้นในปี 2021 เพื่อเน้นที่การเติบโตทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ

เกี่ยวกับ Ignition

Ignition เป็นแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกับลูกค้าและการค้าแห่งแรกของโลกสำหรับธุรกิจการบริการ Ignition ช่วยแบ่งเบาภาระให้แก่ธุรกิจการบริการเพื่อให้มีเวลาดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่ ตั้งแต่กระบวนการยื่นข้อเสนอทางออนไลน์ การส่งจดหมายตอบรับแบบอัตโนมัติ ไปจนถึงการชำระเงิน Ignition เป็นบริษัทในออสเตรเลียที่ให้บริการลูกค้าหลายพันรายทั่วโลก