การเพิ่มอัตราการอนุมัติวงเงิน: วิธีลดการปฏิเสธการชำระเงินในเครือข่าย

คู่มือฉบับนี้ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการอัตราการอนุมัติวงเงิน และช่วยให้คุณเข้าใจถึงวิธีลดจำนวนการชำระเงินที่ถูกต้องแต่ดำเนินการไม่สำเร็จ

  1. บทแนะนำ
  2. ทำความเข้าใจการปฏิเสธการชำระเงินในเครือข่าย
  3. วิธีจัดการการปฏิเสธการชำระเงินในเครือข่าย
  4. วิธีเพิ่มอัตราการอนุมัติธุรกรรม
  5. ความช่วยเหลือที่ Stripe มอบให้คุณได้
    1. Enhanced Issuer Network
    2. Adaptive Acceptance
    3. Smart Retries
    4. ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ
    5. โทเค็นเครือข่าย
  6. อภิธานศัพท์เกี่ยวกับการชำระเงิน

การชำระเงินอาจไม่สำเร็จเนื่องจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ข้อมูลบัตรไม่ถูกต้องไปจนถึงถูกสงสัยว่าจะเป็นการฉ้อโกง ความจริงแล้ว มีรหัสการปฏิเสธหลายสิบรายการ โดยแต่ละรหัสจะแสดงถึงเหตุผลที่การชำระเงินอาจถูกปฏิเสธที่แตกต่างกันไป แม้ว่าการปฏิเสธการชำระเงินจะช่วยคุณคัดกรองธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงได้ แต่ก็อาจทำให้สูญเสียการชำระเงินที่ดำเนินการอย่างถูกต้อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลกำไรของคุณและประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า

ธุรกิจออนไลน์หลายแห่งได้เผชิญกับความท้าทายในการจัดการกับการปฏิเสธการชำระเงินผ่านบัตรที่แตกต่างกันไป อัตราการอนุมัติธุรกรรม (ร้อยละของธุรกรรมที่คุณส่งและธนาคารเจ้าของบัตรยอมรับ) สำหรับธุรกรรมออนไลน์อาจลดลง 10% เมื่อเทียบกับการชำระเงินที่จุดขาย ธนาคารที่ออกบัตรใช้ตรรกะที่เน้นการป้องกันมากขึ้นในการอนุมัติหรือปฏิเสธธุรกรรมออนไลน์ เนื่องมาจากความเสี่ยงที่ธุรกรรมจะเป็นการฉ้อโกงเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่ารายการดังกล่าวจะเป็นการขายที่ดำเนินการอย่างถูกต้องก็ตาม ซึ่งส่งผลให้คุณไม่เพียงเสียยอดขายรายการนั้นไป แต่ยังอาจนำไปสู่การสูญเสียยอดขายในอนาคตทั้งหมดจากลูกค้ารายนั้นด้วย จากการศึกษาวิจัยที่ผ่านมา Stripe พบว่าเมื่อลูกค้าที่มีมูลค่าสูงประสบกับการปฏิเสธการชำระเงิน ลูกค้าเหล่านั้นจะทำธุรกรรมน้อยลงในอนาคตหรืออาจถึงขั้นเปลี่ยนไปใช้บริการของคู่แข่ง

แม้ว่าจะไม่มีวิธีขจัดการปฏิเสธการชำระเงินโดยสิ้นเชิง แต่คู่มือนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีลดจำนวนการชำระเงินที่ถูกต้องแต่ดำเนินการไม่สำเร็จมากขึ้น โดยคุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการปฏิเสธการชำระเงินประเภทต่างๆ วิธีปรับปรุงอัตราการอนุมัติธุรกรรม และวิธีที่ Stripe จะช่วยคุณได้

นอกจากนี้เรายังจัดทำรายการคำศัพท์ที่ใช้บ่อยที่สุดในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปฏิเสธการชำระเงินและการอนุมัติวงเงิน ดังนั้นหากคุณไม่คุ้นเคยกับคำศัพท์ใดก็ตามในคู่มือนี้ โปรดดูที่อภิธานศัพท์ของเรา

ทำความเข้าใจการปฏิเสธการชำระเงินในเครือข่าย

เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ของคุณเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินจะรวบรวมรายละเอียดการเรียกเก็บเงินและส่งผ่านเครือข่ายของบัตร เช่น Visa, Mastercard หรือ China UnionPay ไปให้ธนาคารผู้ออกบัตร (ธนาคารของลูกค้า) เป็นคำขอการชำระเงิน

ขั้นตอนการทำงานของธุรกรรมผ่านบัตรใน Stripe

คำขอนี้ประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆ เช่น ที่อยู่เจ้าของบัตร หมวดหมู่ธุรกิจของคุณ และจำนวนเงินของธุรกรรม ซึ่งฝังไว้ในข้อความที่อ้างถึงโดยใช้รหัส ISO 8583 ธนาคารที่ออกบัตรจะใช้ตรรกะอันซับซ้อนเพื่อตัดสินว่าควรปฏิเสธการเรียกเก็บเงินรายการใด ข้อความรหัส ISO 8583 จะมีช่องข้อมูลทั้งหมด 128 รายการ และธนาคารที่ออกบัตรแต่ละแห่งสามารถเลือกวิธีที่จะตีความและรวมข้อมูลต่างๆ ได้

การปฏิเสธโดยเครือข่าย หรือการเรียกเก็บเงินที่ถูกปฏิเสธโดยผู้ออกบัตรหมายความว่าธนาคารของลูกค้าได้ปฏิเสธคำขอธุรกรรมรายการนั้น โดยปกติแล้วธุรกรรมมักจะถูกปฏิเสธเนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้: มีจำนวนเงินเหลือในบัตรไม่เพียงพอ ข้อมูลของบัตรไม่ถูกต้องหรือล้าสมัย หรือมีพฤติกรรมที่สงสัยว่าเป็นการฉ้อโกงหรือไม่ถูกต้อง (ตัวอย่างเช่น หากธนาคารที่ออกบัตรคิดว่ามีการใช้บัตรที่สูญหายหรือถูกขโมย) ความขัดข้องในการให้บริการของผู้ออกบัตรหรือการไม่ได้ตรวจสอบสิทธิ์บัตรก็อาจเป็นสาเหตุให้ชำระเงินไม่สำเร็จได้เช่นกัน

อัตราส่วนของการถูกปฏิเสธสำหรับการชำระเงินด้วยบัตรทางออนไลน์ โดยอิงตามรหัสการปฏิเสธ

ธุรกรรมหลายรายการจัดอยู่ในหมวดหมู่การปฏิเสธการชำระเงินทั่วไป ซึ่งแสดงรหัสการปฏิเสธ "05: ไม่ยอมรับ" ซึ่ง "ไม่ยอมรับ" อาจหมายถึงอะไรก็ได้ ตั้งแต่เงินทุนไม่เพียงพอไปจนถึงการชำระเงินถูกปฏิเสธหลายครั้งติดๆ กัน

ธนาคารผู้ออกบัตรจะใช้สถานะ "ไม่ยอมรับ" ด้วยเหตุผลหลายประการ โดยอาจไม่ได้ตั้งค่าระบบให้ส่งรหัสการปฏิเสธการชำระเงินที่มีข้อมูลชัดเจน ตัวอย่างเช่น บางธนาคารจัดให้การปฏิเสธการชำระเงินแทบจะทุกรายการเป็น "ไม่ยอมรับ" หรืออาจเจตนาซ่อนเหตุผลการปฏิเสธการชำระเงินบางประการ เช่น หากกำลังสืบสวนรูปแบบของการฉ้อโกงและตัดสินใจที่จะไม่ระบุต่อสาธารณะว่าเป็นธุรกรรมที่น่าสงสัย

วิธีจัดการการปฏิเสธการชำระเงินในเครือข่าย

การจัดการการปฏิเสธการชำระเงินเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณไม่ทราบถึงเหตุผลที่เจาะจงของการชำระเงินที่ไม่สำเร็จ ดังนั้นธุรกิจหลายๆ แห่งจึงไม่ลองทำธุรกรรมที่ถูกปฏิเสธอีกครั้ง ธุรกิจบางรายอาจลองซ้ำบ่อยครั้งเกินไป ทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น

แนวทางที่ดีกว่าคือการปรับแต่งกลยุทธ์ของคุณตามประเภทรหัสการปฏิเสธการชำระเงินและธนาคารผู้ออกบัตรแต่ละราย ตัวอย่างเช่น คุณเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือธุรกรรมที่ไม่สำเร็จได้โดยการกำหนดเหตุผลที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการปฏิเสธการชำระเงินนั้น แทนการใช้กลยุทธ์แบบเดียวกับการปฏิเสธการชำระเงินทั้งหมด บางธุรกิจอาจเพิ่มขั้นตอนการแบ่งกลุ่มลูกค้าโดยเปลี่ยนกลยุทธ์ของตนตามรหัสการปฏิเสธการชำระเงินและมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของเจ้าของบัตรด้วย

มีปัจจัยมากมายที่นำไปสู่ธุรกรรมที่ถูกปฏิเสธ เช่น ตำแหน่งที่ตั้งของธุรกิจ โมเดลธุรกิจ ส่วนผสมด้านลูกค้า และอีกมากมาย ต่อไปนี้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่ธุรกิจส่วนใหญ่ใช้เพื่อจัดการการปฏิเสธการชำระเงินได้ โดยจัดตาม 3 หมวดหมู่ที่พบมากที่สุดสำหรับธุรกรรมที่ถูกปฏิเสธ

นอกจากนี้ Stripe ยังช่วยคุณจัดการการปฏิเสธการชำระเงินโดยอัตโนมัติได้ด้วย ดูข้อมูลเพิ่มเติมในส่วน "วิธีเพิ่มอัตราการอนุมัติวงเงิน"

  • เงินทุนไม่เพียงพอ: แจ้งให้ลูกค้าของคุณทราบถึงวิธีการชำระเงินอื่นหรือรับการอนุมัติวงเงินเพื่อลองทำธุรกรรมอีกครั้งในภายหลัง เมื่อวิธีการชำระเงินเดิมมีแนวโน้มที่จะมีเงินทุนเพียงพอ หากลูกค้าอยู่ในสหรัฐอเมริกา คุณอาจขอเรียกเก็บเงินอีกครั้งในวันที่ 1 หรือ 15 ของเดือน (เป็นเวลาที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ได้รับค่าจ้าง) หากคุณดำเนินธุรกิจการสมัครใช้บริการ Smart Retries ของ Stripe จะช่วยคุณกู้คืนรายรับมากขึ้นโดยการลองเรียกเก็บเงินอีกครั้งเมื่อมีโอกาสสำเร็จสูงสุด ซึ่งอิงตามสัญญาณจากเครือข่าย Stripe

  • ข้อมูลบัตรที่ไม่ถูกต้องหรือล้าสมัย: หากการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าที่ใช้บริการครั้งแรกถูกปฏิเสธเนื่องจากรายละเอียดบัตรไม่ถูกต้อง อาจเป็นไปได้ว่าลูกค้าป้อนข้อมูลบัตรผิด ดังนั้นควรติดต่อเพื่อขอให้ลูกค้าป้อนข้อมูลอีกครั้ง หากธุรกรรมถูกปฏิเสธโดยใช้บัตรที่คุณมีข้อมูลในระบบ แสดงว่าข้อมูลบัตรอาจล้าสมัยก็เป็นได้ ในกรณีนี้ให้ขอให้ลูกค้าอัปเดตข้อมูลประจำตัวและตรวจสอบให้มั่นใจว่าผู้ให้บริการหรือผู้ประมวลผลด้านการชำระเงินของคุณมีระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ การแปลงข้อมูลบัตรเป็นโทเค็นเครือข่าย หรือบริการที่คล้ายคลึงกันเพื่ออัปเดตหมายเลขบัตรที่หมดอายุหรือต่ออายุใหม่ของลูกค้าโดยอัตโนมัติ

  • การสงสัยว่าเป็นการฉ้อโกง: แทนที่จะเสี่ยงลองทำธุรกรรมที่อาจเป็นการฉ้อโกงอีกครั้ง ควรตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณได้ติดตั้งเครื่องมือป้องกันและจัดการการฉ้อโกงเพื่อช่วยตรวจจับและบล็อกการเรียกเก็บเงินที่ไม่ถูกต้อง เครื่องมือเหล่านี้จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกค้าและธุรกรรมที่พิสูจน์ได้ว่าถูกต้อง ช่วยทำให้คุณมั่นใจมากขึ้นว่าจะลองเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าหรือไม่

โปรดทราบว่าเครือข่ายบัตรกำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนครั้งที่คุณลองทำธุรกรรมซ้ำได้ ตัวอย่างเช่น เครือข่ายบัตรหลายรายอนุญาตให้ลองเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าได้ 4-6 ครั้งภายในระยะเวลา 15 วันเท่านั้น

วิธีเพิ่มอัตราการอนุมัติธุรกรรม

การมีอัตราการอนุมัติธุรกรรม 100% หรือก็คือไม่มีการปฏิเสธการชำระเงินเลยนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณประมวลผลการชำระเงินเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากคุณตรวจสอบอัตราการอนุมัติธุรกรรมของคุณอย่างใกล้ชิด คุณจะสังเกตได้เมื่ออัตราการปฏิเสธของเครือข่ายพุ่งสูงขึ้นผิดปกติ แล้วจึงดำเนินการตามความเหมาะสม แม้การปรับปรุงเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้ กล่าวคือ ธุรกิจขนาดใหญ่บางส่วนได้เพิ่มอัตราการอนุมัติธุรกรรมของตนเพียงแค่ 0.5% และมีรายได้เพิ่มขึ้นหลายล้านดอลลาร์ในแต่ละปี

คุณสามารถเพิ่มอัตราการอนุมัติธุรกรรมได้หลายวิธี ซึ่งรวมถึงวิธีดังต่อไปนี้

  • จัดเก็บและส่งข้อมูลการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ระบุข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในคำขอเรียกเก็บเงิน ซึ่งหมายความว่าธนาคารจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับใช้ยืนยันธุรกรรมที่ดำเนินการอย่างถูกต้อง กล่าวโดยเจาะจงคือ การส่งรหัสไปรษณีย์และ CVC สามารถช่วยปรับปรุงอัตราการอนุมัติธุรกรรมสำหรับธุรกิจในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรได้

  • เพิ่มประสิทธิภาพให้กับขั้นตอนการชำระเงิน หากธุรกิจของคุณกำหนดเวลาการบริการสำหรับวันที่ยังไม่มาถึง ให้พิจารณาว่าคุณจะเรียกเก็บเงินลูกค้าเมื่อใดและเรียกเก็บจำนวนเท่าใด สมมติว่าคุณเป็นเจ้าของบริษัทให้เช่ารถยนต์ และลูกค้าได้นัดหมายที่จะเช่ารถ 1 เดือนล่วงหน้า คำถามก็คือคุณจะเรียกเก็บเงินเมื่อลูกค้าจอง หรือเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาเช่า คุณจะกันวงเงินจากวิธีการชำระเงินของลูกค้าไว้ 10 หรือ 100 ดอลลาร์สหรัฐ การกันวงเงินไว้ 10 ดอลลาร์สหรัฐจะมีโอกาสทำรายการสำเร็จมากกว่า แต่หากค่าเช่าราคาสูงกว่า 10 ดอลลาร์สหรัฐ คุณก็มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการชำระเงินเต็มจำนวนในภายหลัง โดยขั้นตอนการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมนั้นคือสมดุลระหว่างประสบการณ์ลูกค้า อัตราคอนเวอร์ชัน และค่าใช้จ่าย ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ

  • รักษาอัตราการฉ้อโกงของคุณให้ต่ำ ธุรกิจที่มีอัตราการดึงเงินคืนสูง (ซึ่งหมายถึงจำนวนลูกค้าที่โต้แย้งการชำระเงินกับธนาคารของตน) นั้นมีแนวโน้มที่จะถูกปฏิเสธการชำระเงินมากกว่า เราขอแนะนำให้คุณใช้โซลูชันป้องกันการฉ้อโกงด้วยแมชชีนเลิร์นนิง อย่างเช่น Radar for Fraud Teams ซึ่งช่วยให้คุณเลือกระดับความเข้มงวดในการบล็อคการชำระเงินที่มีพิรุธโดยอิงตามความเสี่ยงที่คุณรับได้ เขียนกฎที่กำหนดเอง ตลอดจนรับสัญญาณการฉ้อโกงขั้นสูง

  • รับกระเป๋าเงินดิจิทัล Apple Pay และ Google Pay ช่วยให้อัตราการยอมรับสูงขึ้นเนื่องจากการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย ซึ่งลูกค้าจะป้อนรหัสผ่านหรือข้อมูลระบุตัวตนแบบไบโอเมตริก

  • เปิดใช้งานระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการชำระเงินหรือผู้ประมวลผลของคุณให้บริการระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ ซึ่งจะอัปเดตหมายเลขบัตรที่หมดอายุหรือบัตรที่ต่ออายุใหม่ของลูกค้าโดยอัตโนมัติ รวมทั้งช่วยลดการปฏิเสธการชำระเงิน Postmates พบว่ามีอัตราการอนุมัติเพิ่มขึ้น 1.72% เมื่อใช้ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ ทำให้เกิดรายรับถึง 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

  • เปิดใช้งานโทเค็นเครือข่าย โทเค็นเครือข่ายคือข้อมูลประจำตัวสำหรับการชำระเงินเฉพาะสำหรับคู่ของบัตรและผู้ค้า ซึ่งสามารถใช้แทนที่ PAN สำหรับการซื้อทางออนไลน์ได้ โดยโทเค็นเครือข่ายช่วยให้มีอัตราการอนุมัติธุรกรรมที่สูงขึ้น โดยจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบจะใช้ข้อมูลประจำตัวล่าสุดกับการชำระเงินของคุณ หาก PAN สำคัญที่เกี่ยวโยงกับโทเค็นเครือข่ายเปลี่ยนแปลงไปหรือหมดอายุ โทเค็นดังกล่าวจะยังคงเป็นปัจจุบันและสามารถใช้ได้ เพราะฉะนั้นจึงช่วยลดจำนวนการเรียกเก็บเงินที่ถูกปฏิเสธอันเกิดจากข้อมูลประจำตัวที่หมดอายุ และช่วยเพิ่มอัตราการอนุมัติธุรกรรมนั่นเอง นอกจากนี้ โทเค็นเครือข่ายยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเครือข่ายของคุณสำหรับผู้ใช้ที่ใช้ค่าบริการธุรกรรมผ่านบัตรระหว่างธนาคารแบบกำหนดเองได้ โดยใช้ประโยชน์จากสิ่งจูงใจที่เปลี่ยนเป็นโทเค็นจากเครือข่ายบัตร ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของโทเค็นเครือข่าย

  • ตรวจสอบสิทธิ์การชำระเงินเมื่อจำเป็น หากธนาคารของลูกค้ารองรับ 3D Secure คุณอาจต้องตรวจสอบสิทธิ์การชำระเงินบางรายการ (เช่น การกำหนดให้ลูกค้าใช้ลายนิ้วมือหรือป้อนรหัสผ่าน) เมื่อใช้ Payment Intents API ของ Stripe เราจะอ้างสิทธิ์การยกเว้น SCA โดยอัตโนมัติเมื่อเป็นไปได้ และเพิ่มอัตราคอนเวอร์ชันให้สูงที่สุดโดยการขอตรวจสอบสิทธิ์เมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น

  • ตั้งค่าบัญชี Stripe ในแต่ละประเทศ สร้างบัญชี Stripe ในแต่ละประเทศขึ้นใหม่ในขณะที่คุณขยับขยายธุรกิจไปทั่วโลก ประเทศใหม่ๆ จะใช้ประโยชน์จากระบบ API เดียวกันของ Stripe และสามารถเปิดใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องดำเนินงานด้านวิศวกรรมใดๆ เพิ่มเติม การใช้บริการรับบัตรที่ปรับให้เหมาะสมกับในแต่ละประเทศจะช่วยให้คุณเพิ่มอัตราการยอมรับได้สูงสุด (เนื่องจากธนาคารมีแนวโน้มที่จะอนุมัติการชำระเงินภายในประเทศมากกว่า) ทั้งยังช่วยกำจัดค่าธรรมเนียมต่างประเทศและค่าธรรมเนียมข้ามพรมแดนแก่ลูกค้า

คุณยังปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้ได้ หากมีธุรกิจที่สร้างรายรับจากการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า ซึ่งหมายถึงการที่คุณเรียกเก็บเงินจากลูกค้าเป็นประจำหรือใช้ข้อมูลการชำระเงินที่บันทึกไว้ อย่างไรก็ตาม คุณยังมีวิธีอื่นๆ ในการปรับปรุงอัตราการอนุมัติธุรกรรมที่เจาะจงสำหรับธุรกิจซึ่งเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้าหรือตามรอบบิลดังต่อไปนี้

  • ปรับการติดต่อลูกค้าให้เป็นอัตโนมัติ เมื่อมีการชำระเงินที่ไม่สำเร็จเพียงไม่กี่รายการต่อเดือน คุณก็สามารถโทรหรือส่งอีเมลถึงลูกค้าแต่ละรายและขอให้พวกเขาแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย (ไม่ว่าจะเป็นการใช้วิธีการชำระเงินใหม่หรือการอัปเดตข้อมูลการชำระเงิน) แต่เมื่อธุรกิจของคุณเติบโตขึ้นและคุณต้องจัดการลูกค้าหลายร้อยรายที่ถูกปฏิเสธการชำระเงิน วิธีนี้ก็จะมีประสิทธิภาพน้อยลง การส่งอีเมลแจ้งการชำระเงินไม่สำเร็จโดยอัตโนมัติเมื่อมีการปฏิเสธการชำระเงินเป็นวิธีการสื่อสารกับลูกค้าที่ปรับสเกลได้มากกว่า

  • ทดลองกำหนดช่วงระยะเวลาการลองซ้ำ ธุรกิจหลายรายลองเรียกเก็บเงินจากธุรกรรมที่ล้มเหลวซ้ำตามเวลาที่กำหนด เช่น ทุก 7 วัน (ขั้นตอนนี้เรียกว่าการติดตามหนี้) เราแนะนำให้ทดลองกำหนดช่วงระยะเวลาแบบต่างๆ เพื่อดูว่าแบบใดมีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ หรือหาผู้ให้บริการชำระเงินที่ดำเนินขั้นตอนการติดตามหนี้โดยอัตโนมัติและเปิดให้คุณนำไปปรับใช้ตามความต้องการของลูกค้าได้

  • สร้างแผนการชำระเงินแบบต่างๆ หากธุรกิจของคุณถูกปฏิเสธการชำระเงินเป็นจำนวนมากเพราะเงินลูกค้าไม่พอ ให้ลองสร้างวิธีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากคุณมีบริการแผนรายปีเพียงอย่างเดียว ก็ให้ลองสร้างแผนรายเดือนหรือแผนรายไตรมาสเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการกระแสเงินสดของตนได้ดียิ่งขึ้น

ความช่วยเหลือที่ Stripe มอบให้คุณได้

โซลูชันของ Stripe สร้างรายรับเพิ่มเติมนับพันล้านแก่ธุรกิจต่างๆ ด้วยการช่วยป้องกันการเรียกเก็บเงินที่ถูกต้องไม่ให้ถูกปฏิเสธ ระบบการรับชำระเงินของ Stripe พร้อมใช้งานอยู่เสมอ จึงป้องกันการปฏิเสธการชำระเงินเนื่องจากบริการของผู้ประมวลผลหยุดทำงานได้ หากบริการของผู้ประมวลผลหยุดทำงาน Stripe จะกำหนดเส้นทางการชำระเงินไปยังการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด ตัวอย่างเช่น Stripe จะเปลี่ยนปริมาณการประมวลผลโดยอัตโนมัติเมื่อศูนย์ข้อมูลของ Visa ปิดปรับปรุง นอกจากนี้ Stripe ยังผสานการทำงานโดยตรงกับเครือข่ายบัตรรายใหญ่ 6 รายทั่วโลก ซึ่งจะช่วยลดข้อผิดพลาดในระบบที่อาจเกิดขึ้นจากการส่งงานระหว่างระบบ และช่วยให้เรารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผลลัพธ์ของธุรกรรมที่กำหนดได้ดียิ่งขึ้น

Stripe มีฟีเจอร์ 5 ประเภทที่คุณสามารถใช้เพื่อเพิ่มอัตราการอนุมัติ ได้แก่ Enhanced Issuer Network, Adaptive Acceptance, Smart Retries, ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ และโทเค็นเครือข่าย

Enhanced Issuer Network

Enhanced Issuer Network ของ Stripe คือกลุ่มความร่วมมือกับบริษัทผู้ออกบัตรและเครือข่ายรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา Stripe แชร์คะแนนการฉ้อโกงจากโซลูชันป้องกันการฉ้อโกงที่เรียกว่า Radar โดยใช้เส้นทางที่มีการเข้ารหัสร่วมกับ Capital One และ Discover เพื่อช่วยขจัดการฉ้อโกง ซึ่งจะช่วยลดความไม่พึงพอใจในขั้นตอนการชำระเงินของลูกค้า ทั้งยังช่วยปรับปรุงโมเดลการอนุมัติธุรกรรม

บริษัทผู้ออกบัตรรายต่างๆ นั้นใช้โมเดลการตรวจจับการฉ้อโกงของตนเองอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งทำให้ความแม่นยำในการพิจารณาอนุมัติหรือปฏิเสธธุรกรรมดังกล่าวลดลง การใช้คะแนนการฉ้อโกงของ Radar สำหรับธุรกรรมต่างๆ ร่วมกับข้อมูลที่บริษัทผู้ออกบัตรมีอยู่แล้วจะทำให้การพิจารณาการฉ้อโกงแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ผู้ใช้ Stripe จะได้รับประโยชน์จาก Enhanced Issuer Network โดยอัตโนมัติ โดยผู้ใช้ส่วนใหญ่อาจเห็นการฉ้อโกงลดลงเฉลี่ย 8% และมีอัตราการอนุมัติเพิ่มขึ้น 1-2% ในปริมาณการประมวลผลที่ตรงตามเกณฑ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

Adaptive Acceptance

Adaptive Acceptance ของ Stripe ใช้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อเลือกเรียกเก็บเงินสำหรับการชำระเงินที่ถูกปฏิเสธโดยบริษัทผู้ออกบัตรในแบบเรียลไทม์ซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะส่งการตอบกลับไปยังลูกค้า Stripe จะปรับแก้ไขปัจจัยต่างๆ ในคำขอการชำระเงินโดยอัตโนมัติเพื่อเพิ่มโอกาสในการยอมรับการชำระเงิน โดยจะดำเนินการทดลองหลายสิบแบบกับธนาคารผู้ออกบัตรหลายรายในเวลาเดียวกันเพื่อทำความเข้าใจว่าการแก้ไขใดมีแนวโน้มที่จะทำให้การชำระเงินสำเร็จมากที่สุด ซึ่งจะใช้เวลาเพียงไม่กี่มิลลิวินาที เช่น สมมุติว่ามีลูกค้าบางรายในสหราชอาณาจักรพิมพ์รหัสไปรษณีย์ของตนอย่างรวดเร็วลงในแบบฟอร์มการเรียกเก็บเงินด้วยตัวพิมพ์เล็กโดยไม่เว้นช่องว่าง Stripe จะสังเกตเห็นรูปแบบการป้อนข้อมูลลักษณะนี้และทดสอบรูปแบบต่างๆ เพื่อค้นหาว่ารูปแบบรหัสไปรษณีย์รูปแบบใดที่มีอัตราการอนุมัติธุรกรรมสูงกว่าแบบอื่น การเรียกใช้การทดสอบเหล่านี้กับบริษัทผู้ออกบัตรหลายๆ รายในเวลาเดียวกันจะทำให้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงเรียนรู้การแก้ไขที่มีประสิทธิภาพสำหรับธนาคารแต่ละแห่งมากที่สุด

ภาพประกอบสำหรับขั้นตอนการทำงานของ Adaptive Acceptance หากการเรียกเก็บเงินถูกปฏิเสธ เราจะใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อทำความเข้าใจสาเหตุ และลองเรียกเก็บเงินบางรายการอีกครั้งโดยใช้การกำหนดค่าที่เพิ่มประสิทธิภาพ

Smart Retries

สำหรับธุรกิจที่มีรายรับจากการเรียกเก็บเงินตามรอบ หากถูกปฏิเสธการชำระเงินในตอนต้นของรอบการเรียกเก็บเงิน คุณจะยังมีเวลากู้คืนการชำระเงินนั้นได้ หลายธุรกิจจะพยายามทำธุรกรรมที่ดำเนินการไม่สำเร็จอีกครั้งในภายหลัง ซึ่งเรียกว่าการติดตามหนี้ โดยแนวทางการติดตามหนี้ส่วนใหญ่จะใช้ตรรกะแบบอิงตามเวลาที่เรียบง่ายมากๆ เช่น รอ 7 วันแล้วลองอีกครั้ง จากนั้นรออีก 7 วัน แล้วลองอีกครั้ง แบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ที่ Stripe เราได้สร้างแนวทางที่ซับซ้อนมากขึ้นซึ่งเรียกว่า Smart Retries โดยใช้แมชชีนเลิร์นนิงและข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เรามองเห็นทั่วทั้งเครือข่าย Stripe ตัวอย่างเช่น เราจะตรวจสอบพฤติกรรมของบริษัทผู้ออกบัตร (เช่น เมื่อธนาคารที่ออกบัตรเปลี่ยนเกณฑ์การตรวจสอบ) ตรวจสอบการอัปเดตข้อมูลบัตร และวิเคราะห์กิจกรรมที่ทำใน Stripe เพื่อดูว่าวิธีการชำระเงินใช้งานได้สำเร็จหรือไม่ จากนั้น Stripe จะใช้ข้อมูลนี้เลือกเวลาที่เหมาะสมในการลองพยายามชำระเงินรายการที่ดำเนินการไม่สำเร็จอีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสำเร็จในการชำระเงินตามใบแจ้งหนี้

ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ

ระบบจะประมวลผลธุรกรรมต่อไปได้โดยใช้รายละเอียดการชำระเงินที่บันทึกไว้ แม้ว่าธนาคารที่ออกบัตรจะเปลี่ยนทดแทนบัตรใบนั้นแล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้การชำระเงินถูกปฏิเสธ Stripe ร่วมมือกับเครือข่ายบัตรและจะพยายามอัปเดตรายละเอียดบัตรที่บันทึกไว้โดยอัตโนมัติเมื่อลูกค้าได้รับบัตรใบใหม่หรืออัปเดตในทันทีที่มีการใช้บัตรใบใหม่ทำธุรกรรม (เช่น เมื่อเปลี่ยนทดแทนบัตรที่หมดอายุ หรือบัตรที่รายงานว่าสูญหายหรือถูกขโมย) ซึ่งฟีเจอร์นี้ที่เราให้บริการจะทำให้ลูกค้ายังคงใช้บริการของคุณต่อไปได้โดยไม่เกิดการหยุดชะงัก ลดภาระของคุณในการรวบรวมรายละเอียดของบัตรใบใหม่ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนบัตร และลดโอกาสที่การชำระเงินจะถูกปฏิเสธ

ในสหรัฐอเมริกามีการรองรับการอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติอย่างแพร่หลาย Stripe จึงอัปเดตข้อมูลบัตร American Express, Visa, Mastercard และ Discover โดยอัตโนมัติได้เกือบทั้งหมด ส่วนการรองรับในประเทศอื่นๆ นั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ

การใช้เทคนิคเหล่านี้ ทำให้ Stripe สร้างรายรับเพิ่มให้กับธุรกิจได้หลายพันล้านดอลลาร์ ด้วยการป้องกันการปฏิเสธการเรียกเก็บเงินที่ถูกต้องได้โดยอัตโนมัติ

โทเค็นเครือข่าย

โทเค็นเครือข่ายคือโซลูชันของเครือข่ายบัตรที่สามารถใช้แทนที่หมายเลขบัญชีหลัก (Primary Account Number: PAN) สำหรับการซื้อทางออนไลน์ได้ โดยโทเค็นเครือข่ายของผู้ใช้แต่ละรายจะไม่ซ้ำกัน Stripe ร่วมงานกับเครือข่ายการชำระเงินต่างๆ เพื่อแปลงข้อมูลที่เก็บ PAN ของผู้ใช้ให้กลายเป็นโทเค็นเครือข่ายและคอยดูแลเพื่อให้ข้อมูลเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ แม้ว่าข้อมูลสำคัญของบัตรจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ตาม ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ลูกค้าทำบัตรหาย ทางเครือข่ายจะแจ้งเตือนให้ Stripe ทราบและอัปเดตโทเค็นดังกล่าวโดยตรง เพื่อให้สามารถใช้งานต่อได้โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องอัปเดตข้อมูลการชำระเงินของตน โซลูชันโทเค็นเครือข่ายของ Stripe พร้อมให้ธุรกิจใช้งานได้ทันทีผ่านการใช้ Stripe Payments ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถรับประโยชน์จากการที่มีอัตราการอนุมัติธุรกรรมเพิ่มขึ้นได้โดยไม่ต้องลงมือผสานการทำงานใดๆ เลย ทั้งนี้ โทเค็นเครือข่ายสามารถใช้งานร่วมกับการเพิ่มประสิทธิภาพอื่นๆ ของ Stripe เพื่อยกระดับอัตราการอนุมัติธุรกรรมให้มากขึ้นไปอีก

อภิธานศัพท์เกี่ยวกับการชำระเงิน

อัตราการอนุมัติธุรกรรม

เปอร์เซ็นต์ของธุรกรรมที่คุณส่งและเครือข่ายบัตรยอมรับ

ระบบอัปเดตข้อมูลบัตรอัตโนมัติ

ทำงานร่วมกับเครือข่ายบัตรขนาดใหญ่ทั้งหมดเพื่ออัปเดตหมายเลขบัตรที่หมดอายุหรือบัตรที่ได้รับการต่ออายุของลูกค้าโดยอัตโนมัติ เพื่อลดจำนวนการชำระเงินที่ดำเนินการไม่สำเร็จ

เครือข่ายบัตร

ประมวลผลธุรกรรมระหว่างผู้ค้ากับบริษัทผู้ออกบัตรและควบคุมจุดชำระเงินที่รับชำระด้วยบัตรเครดิต รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายสำหรับเครือข่าย ตัวอย่างเครือข่ายบัตรได้แก่ Visa, Mastercard และ American Express

รหัสการปฏิเสธการชำระเงิน

ตัวเลข (เช่น "05") หรือวลี (เช่น "expired_card") ที่ใช้แสดงเหตุผลที่ธุรกรรมถูกปฏิเสธ

ไม่ยอมรับ

รหัสการปฏิเสธการชำระเงินที่พบได้บ่อยที่สุด "ไม่ยอมรับ" (Do not honor) หมายถึงการปฏิเสธการชำระเงินโดยทั่วไป ธนาคารที่ออกบัตรจะไม่แจ้งว่าเพราะเหตุใดธุรกรรมจึงถูกปฏิเสธ แต่จะแจ้งให้ลูกค้าติดต่อธนาคารเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมแทน

การติดตามหนี้

กระบวนการกู้คืนการชำระเงินที่ถูกปฏิเสธหรือดำเนินการไม่สำเร็จสำหรับธุรกิจที่มีรายรับจากการเรียกเก็บเงินตามแบบแผนล่วงหน้า

การฉ้อโกง

ธุรกรรมปลอมหรือธุรกรรมผิดกฎหมาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเกิดขึ้นเมื่อมีคนขโมยหมายเลขบัตรหรือข้อมูลบัญชีกระแสรายวัน และใช้ข้อมูลนั้นมาทำธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต

ธนาคารที่ออกบัตร

ธนาคารที่เป็นผู้ออกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตให้แก่ผู้บริโภคแทนเครือข่ายบัตร

การรับชำระเงินในเครือข่าย

เปอร์เซ็นต์ของธุรกรรมที่ได้รับการยอมรับหรือถูกปฏิเสธจากธนาคารที่ออกบัตร การปฏิเสธการชำระเงินอาจเกิดขึ้นเนื่องจากข้อมูลประจำตัวล้าสมัย สงสัยว่ามีการฉ้อโกง หรือเงินทุนไม่เพียงพอ

การปฏิเสธการชำระเงินในเครือข่าย

เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าบริษัทผู้ออกบัตรปฏิเสธการชำระเงิน และหมายความว่าธนาคารของลูกค้าได้ปฏิเสธคำขอธุรกรรม

โทเค็นเครือข่าย

สิ่งที่ใช้แทนข้อมูลสำหรับรับรองการชำระเงินอย่าง PAN ที่เครือข่ายบัตรกำหนดขึ้นและมี Stripe เป็นผู้จัดหาให้

หมายเลขบัญชีหลัก (Primary account number: PAN)

หมายเลข 15 หรือ 16 หลักของบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตแต่ละใบ

หากพร้อมใช้งานแล้ว โปรดติดต่อเราหรือสร้างบัญชี

สร้างบัญชีและเริ่มรับชำระเงินโดยไม่ต้องทำสัญญาหรือระบุรายละเอียดการธนาคาร หรือจะติดต่อเราเพื่อออกแบบแพ็กเกจที่กำหนดเองสำหรับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะก็ได้เช่นกัน